‘หมอวรงค์’ให้ถ้อยคำกกต.3 ประเด็น
‘แม้ว’ครอบงำพท.
มั่นใจหลักฐานเอาผิดทั้งคน-พรรค
‘อิ๊งค์’ยันนิรโทษไม่แตะคดี 112
ปชน.สับเพื่อไทยไม่หนุนนิรโทษ
“หมอวรงค์”เข้าให้ถ้อยคำต่อกกต.เพิ่มอีก 3 ประเด็น เอาผิดปม“ทักษิณ”ครอบงำ“เพื่อไทย”มั่นใจหลักฐานเอาผิดทั้งคนทั้งพรรค อุบเปิดรายละเอียดสกัดบิดเบือน นายกฯ“อิ๊งค์”เผย 12 ธันวาคมนี้ชัดเจน“เพื่อไทย”เสนอร่างนิรโทษฯประกบหรือไม่ ยันไม่แตะคดีม.112 แน่นอน“สมศักดิ์”เมินผลโพลล์มองรบ.อยู่ไม่ครบเทอมแม้กกต.รับคำร้องยุบพท.-พรรคร่วม“ปชน.”
ทวงถามหาจุดยืน‘เพื่อไทย’เอายังไง‘นิรโทษกรรม’เหน็บยึดหลักการพรรคตัวเองให้ดี‘ปกรณ์วุฒิ’ลั่นสมัยหน้ารู้แน่‘ปชน.’เป็นพันธมิตร‘เพื่อไทย’หรือไม่หวังสมัยหน้าเห็น‘นายกฯ’เข้าสภามาตอบกระทู้‘โรม’สับ‘บิ๊กอ้วน’มีโอกาสแต่เมินแก้ขัดแย้งการเมือง เท‘นิรโทษคดี112’ระวังสร้างบาดแผลให้ตัวเอง-สังคมไทย ‘จุรินทร์’ซัด ปชน.หนุนนิรโทษ สร้างแตกแยก หวั่น พท.จับมือปชน.หักดิบ ชี้ ได้ไม่คุ้มเสีย
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี เข้าให้ถ้อยคำและหลักฐานเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณียื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทยยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร เข้าครอบงำ ชี้นำพรรค
‘วรงค์’เข้าให้ข้อมูลกกต.เพิ่ม3ประเด็น
โดยนพ.วรงค์กล่าวว่าตามที่ตนได้ร้องเรียนต่อกกต.ทั้งการประชุมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567การที่นายทักษิณ ชี้นำว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีและการเชิญ 6 พรรคร่วมรัฐบาลหารือเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ล่าสุดวันนี้ก็เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก3 ประเด็น แต่ทีมที่ปรึกษากฎหมายของพรรคเห็นว่าไม่ควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะเพราะจะทำให้อีกฝ่ายนำข้อมูลไปบิดเบือนโดย3ประเด็นใหม่นี้เป็นข้อมูลที่สำคัญและมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ
มั่นใจหลักฐานเอาผิดทั้งคนทั้งพรรค
“เราได้เตรียมเอกสารมายื่นให้กับกกต.เราเชื่อว่าหลักฐานที่มีอยู่และสิ่งที่สื่อรายงานไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยสักคนออกมาปฏิเสธการรายงานของสื่อ ถ้ารายงานไม่ถูกต้องคนของพรรคเพื่อไทยต้องออกมาปฏิเสธ เราจึงมั่นใจว่าหลักฐานชิ้นนี้จะเอาผิดพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณได้”นพ.วรงค์ ย้ำ
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยอ้างว่านายทักษิณไม่ได้ครอบงำเพราะการประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้ามีการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริแต่สุดท้าย6พรรคร่วมก็โหวตให้น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯนั้นนพ.วรงค์ตอบว่า พรรคเพื่อไทยโต้แย้งหลายประเด็นแต่ถ้าวันนั้นไม่ได้มีการประชุมจัดตั้งรัฐบาล ทำไมพรรคเพื่อไทยจึงไม่ได้ออกมาตอบโต้ตั้งแต่วันนั้น ทำไมเพิ่งออกมาแก้ตัวหลังจากที่กกต.รับคำร้องว่าเป็นการไปรับประทานอาหาร แม้วันที่ประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้าจะมีมติเสนอชื่อนายชัยเกษมแต่วันรุ่งขึ้นกลับโหวตเลือกน.ส.แพทองธารเป็นนายกฯก็ต้องถามกลับว่าเย็นวันนั้นที่นายทักษิณมาประชุม
“หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่เชื่อว่านายทักษิณมีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย 6 พรรคร่วมจะมาร่วมประชุมทำไม คงไม่ได้มาเพื่อนั่งเล่นเฉยๆเพราะสื่อก็รายงานตรงกันแสดงว่าสิ่งที่นายทักษิณกระทำเป็นเครื่องยืนยันว่ามีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง6พรรคจึงมาร่วมประชุมด้วยถ้านายทักษิณไม่มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทยจริง ทำไมคนของพรรคเพื่อไทยไม่ออกมาปฏิเสธไม่ให้นายทักษิณเข้ามายุ่งย่าม เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ณ ขณะนั้น”นพ.วรงค์ กล่าว
ไม่ได้ยื่นยุบ6พรรคร่วมชี้มีสิทธิต่อรอง
นพ.วรงค์กล่าวอีกว่าในคำร้องของตนไม่ได้มีการกล่าวหาพรรคร่วมรัฐบาล แต่อาจจะมีของผู้ร้องคนอื่นๆ ซึ่งเหตุผลที่ตนไม่ได้ร้อง 6 พรรคร่วม เพราะในฐานะที่ทำพรรคการเมือง ตนไม่เชื่อว่านายทักษิณ จะสามารถครอบงำพรรคการเมืองอื่นได้ แต่เขามีสิทธิที่จะต่อรองกับ6พรรค ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า6พรรคร่วมต่อรองกับนายทักษิณแล้วจะจบ และเท่ากับว่านายทักษิณ มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย คิดว่าพรรคเพื่อไทยคงคิดว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดมันสร้างกระแสโต้กลับให้พรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ หนักหน่วงกว่าที่คิด ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องแก้เกม แต่เกมที่มันไหลลงมา มันหลายเกมมาก ทำให้เขาต้องหยุดนิ่งและประเมินสถานการณ์
อุบเปิดรายละเอียด3ปม/สกัดบิดเบือน
“อย่างน้อยเขาต้องมาชี้แจงต่อกกต.และเขาต้องคาดเดาว่าอีก 3ประเด็นเพิ่มเติมที่ตนมายื่นต่อกกต.มีอะไรบ้าง ผมคิดว่าไม่ควรที่จะเปิดเผยเพราะเมื่อเปิดแล้วเขาจะไปสร้างสถานการณ์ทำให้คนเข้าใจผิด ฉะนั้นการที่วันนี้เขานิ่ง เขาต้องตั้งรับเขาไม่สามารถที่จะรุกคืบต่อไปได้”
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยเชื่อมือทีมกฎหมายว่าจะชี้แจงเรื่องนี้ได้ นพ.วรงค์กล่าวว่าทุกอย่างมีข้อเท็จจริง ต่อให้ทีมกฎหมายเก่งแค่ไหน ถ้าคุณทำผิดมันก็สู้ยากเท่าที่สังเกตดูทีมกฎหมายก็ประกาศอยู่เสมอว่าไร้สาระ แต่สุดท้ายก็มีประเด็น ทีมกฎหมายก็พูดแบบให้กำลังใจกันไปก่อน บอกเลยว่าประเด็นนี้ไม่ง่ายสำหรับทีมกฎหมายยังไม่รวมในประเด็นที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษรยื่นเรื่องชั้น14 สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นายทักษิณ พรรคเพื่อไทย ยินยอมกระทำร่วมกัน ทำให้สถานการณ์โต้กลับเขาแรงกว่าที่คิด ฝากไปถึงพรรคเพื่อไทยว่าวันนี้กับ20กว่าปีที่แล้ว สังคมไม่เหมือนเดิม มีการสื่อสารหลายช่องทาง ในอดีตคุณอาจจะทำอะไรกับสื่อก็ได้แต่วันนี้ทุกอย่างผ่านโซเชียลมีเดียทำให้กระแสโต้กลับมันแรงกว่าที่เขาคาดคิด แล้วตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก
“แม้วันนี้คุณทักษิณจะไม่ออกมา แต่เชื่อว่าคุณทักษิณยังคุมและมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลอยู่ ซึ่งหลักฐานในอดีตมีอยู่หลายชิ้น แล้วผมก็เคยพูดเตือนคุณทักษิณว่าอย่าออกมา แต่สุดท้ายนายทักษิณก็เป็นผู้สร้างหลักฐานขึ้นมาเอง วันนี้การที่อยู่นิ่งๆก็ดีแล้ว จะทำให้รัฐบาลมีเวลาแก้ปัญหา”นพ.วรงค์ กล่าว
นายกฯชี้12ธ.ค.ชัดพท.ชงร่างนิรโทษ
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีมีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม พ.ศ.....รอการพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า พรรคเพื่อไทย(พท.)จะยื่นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าไปประกบด้วยหรือไม่ ว่า เรื่องนี้คงต้องพูดคุยกันก่อน ในส่วนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคว่าจะเป็นอย่างไรและขอให้ความมั่นใจว่าเมื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า ในวันที่12 ธันวาคมนี้ จะมีข้อสรุปในเรื่องนี้
ยืนยันชัดไม่แตะคดีม.112แน่นอน
เมื่อถามว่าจะมีการวางแนวทางจะต้องไม่แตะไม่นิรโทษกรรมการกระทำผิดที่เกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ใช่หรือไม่นายกฯกล่าวว่า “แน่นอน ต้องไม่แตะมาตรา 112 เพราะเป็นสิ่งที่เราย้ำมาตลอด ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลเราก็เน้นย้ำเรื่องนี้ ทุกพรรคที่มาร่วมรัฐบาลก็ตกลงว่าจะไม่มีการแตะหมวด 1 และหมวด 2 อันนี้ชัดเจน”
‘สมศักดิ์’เมินโพลชี้รบ.อยู่ไม่ครบเทอม
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจประชาชนของนิด้าโพล ที่ยังมีประชาชนอีกกว่า 57%บอกว่ารัฐบาลอาจอยู่ไม่ครบเทอม ในฐานะผู้อาวุโสทางการเมือง ประเมินว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้รัฐบาลไปต่อไม่ได้ว่า ไม่น่าจะไปสนใจอะไรประเด็นนี้ บางครั้งเวลาเลือกตั้ง โพล 85%ก็ยังไม่ใช่ สุดท้ายก็แพ้ เอาแน่นอนบางเรื่องบางราวไม่ได้ เอาเป็นข้อมูล ให้ไว้วิพากษ์วิจารณ์กัน เป็นความสนุกสนานเป็นอาหาร ส่วนจะมีปัจจัยอะไรนั้นตนมองว่าเรื่องนี้ยังไม่ต้องวิเคราะห์ เพราะว่ายังอีกนาน ยังไม่มีอะไร
ย้ำต้องปรับให้ทันกับเกมการเมือง
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตเรื่องคำร้องของพรรคเพื่อไทยอาจจะนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ กล่าวว่าวันนี้เป็นสังคมข้อมูลข่าวสาร ใครมีอะไรที่สามารถแสดงออกในสังคม มีโอกาสแสดงออกผ่านโทรทัศน์ พวกเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ ทำให้เกิดเรื่องต่างๆตรงนี้ ตนเคยนำเสนอไว้ตั้งแต่สมัยเป็น รมว.ยุติธรรม เป็นแนวคิดเรื่องกฎหมาย Law of efficency.แต่ไม่สำเร็จในสมัยตน ดังนั้นคำร้องหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ บางครั้งการร้องเรียนไม่ได้ผิดแต่กลับทำให้กระทบความรู้สึกประชาชน จะต้องรับผิดชอบกับการกระทำไม่ใช่ว่าพูดไปได้เรื่อยเฉื่อยแต่จะลงโทษหรือปรับแค่ไหนแต่เมื่อทำเพื่อประโยชน์สาธารณะก็ต้องลดหย่อนผ่อนโทษซึ่งเรื่องนี้ตนเคยทำไว้แต่ยังไม่เสร็จ
เมื่อถามถึงปัญหาที่พรรคร่วมรัฐบาลมักขวางนโยบายของพรรคเพื่อไทยนายสมศักดิ์กล่าวว่าตอนเลือกตั้งก็อยากจะให้ประชาชนเลือก พรรคของเราให้ได้มากกว่า50%ของจำนวนส.ส.จะทำให้เกิดความคล่องตัว เราก็เตรียมพร้อมว่าหากมีการเลือกตั้ง เมื่อมีพรรคร่วมก็จะเป็นเช่นนี้ เหมือนกันบ้างไม่เหมือนกันบ้างสุดท้าย ก็ต้องจบไปในทิศทางเดียวกัน เป็นมาทุกยุคทุกสมัย อย่าไปตกใจว่าเป็นอะไรที่พิเศษเป็นธรรมดาจะทำให้การเมืองคล่องตัวขึ้น เพราะรู้ว่าเหนือใต้ออกตกมีอะไร หากเป็นพรรคเดียวมากกว่า50%ก็ไม่ต้องระมัดระวังอะไร เป็นความสามารถที่จะต้องปรับให้ทันกับเกมการเมืองต่างๆ
รทสช.ไม่นิรโทษคดี112-ทุจริต-ฆ่าคนตาย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยพรรค รทสช.ว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เสนอไปตั้งแต่ก่อนมีการศึกษาแนวทางการตราร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว จุดยืนของพรรค รทสช.ประกาศชัดเจนว่า การนิรโทษกรรมจะต้องไม่รวมผู้กระทำความผิดมาตรา 112 เรื่องทุจริต และเรื่องฆ่าคนตาย คดีอาญาร้ายแรง
“3ส่วนนี้ต้องไม่นำเข้าไปอยู่ในเงื่อนไขของการนิรโทษกรรม แต่ถ้าเป็นการนิรโทษกรรมทางการเมือง เราไม่มีปัญหา เท่าที่ฟังทุกพรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกัน ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศชัดว่าไม่แตะเรื่องมาตรา 112 ส่วนกรณีที่ทางพรรคเพื่อไทยจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมประกบด้วยนั้น โดยปกติในการพิจารณากฎหมายของสภา ถ้ากฎหมายมีหลักการตรงกัน เป็นเรื่องคล้ายกันก็สามารถพิจารณาร่วมกันได้”นายเอกนัฏกล่าว
‘ชทพ.’ย้ำไม่แตะคดี112 แนวเดียวรทสช.
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรค เรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ว่า เราชัดเจน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นฐานสำคัญของเรา ส่วนร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นแนวทางที่เราคุยกันไว้ และแม้จะมีหลายฉบับ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืน คือไม่แตะ มาตรา 112 เหมือนเดิม
ปชน.ทวงหาจุดยืน พท.‘นิรโทษกรรม’
ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำความเข้าใจร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม กับพรรคร่วมรัฐบาล เกี่ยวกับประมวลความผิดอาญาม.112ว่าตนคิดว่าหลายเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเคยพูดมาไม่ว่าจะเป็นในสมัยที่แล้วก่อนเลือกตั้งหรือแม้กระทั่งผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว ตนคิดว่าพรรคพท.เข้าใจดีเกี่ยวกับประมวลความผิดอาญาม.112แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่าด้วยข้อจำกัดอะไรที่ทำให้วันนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหากไปดูรายงานของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่สภาโหวตคว่ำข้อสังเกตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กมธ.พรรคพท.มี 8 คน มี 4 คนให้ความเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมผู้ที่ทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญาม.112แบบมีเงื่อนไข2 คนไม่เห็นด้วยอีก2คน ไม่ได้ให้ความเห็น อาจเป็นเพราะเป็นประธานกมธ.และเจ้าของญัตติจึงใช้สิทธิ์งดออกเสียง
“ผมต้องตั้งคำถามกลับไปดังๆว่าตกลงแล้วพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งหรือแม้กระทั่งตัวแทนของพรรคที่ส่งเข้าไปนั่งในกมธ.ก็ยังมีความเห็นเกี่ยวกับคดี112เช่นนี้อยู่ ตกลงแล้วรายงานที่ทำมานั้น ทำมาด้วยดำริของพรรคเพื่อไทยที่เสนอญัตติแล้วตั้งกมธ.ขึ้นมาศึกษา ต้องการรับฟังความเห็นรอบด้าน เมื่อทำมาแล้วตัวแทนพรรคเพื่อไทยครึ่งหนึ่งมีความเห็นเช่นนี้ ตกลงแล้วพรรคเพื่อไทยจะส่งร่างเข้ามาประกบกับพรรคประชาชนและพรรคอื่นๆหรือไม่ แล้วหน้าตาและจุดยืนของพรรคเพื่อไทยต่อเรื่องนี้ในการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองที่ต่อเนื่องมายาวนานจะเป็นอย่างไร”นายปกรณ์วุฒิ ระบุ
เหน็บยึดหลักการพรรคตัวเองให้ดี
เมื่อถามถึงที่พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคมีท่าทีว่าจะคว่ำร่างของพรรคปชน.นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า คงต้องมีการพูดคุยและสื่อสารกันทั้งในส่วนของพรรคการเมืองด้วยกันเองรวมถึงในส่วนของสังคมว่าเจตนาที่แท้จริงของเราคืออะไร เราต้องทำงานทางความคิดกันไป แต่ก็เข้าใจว่าสุดท้ายเราต้องเคารพเสียงข้างมากและต้องฝากว่าหากพรรคพท.จะนำเสนอเนื้อหาที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากพรรคปชน.เสนอไปบ้างแต่ยังเปิดโอกาสให้คนที่กระทำความผิดต่างๆไม่ว่าจะด้วยฐานความผิดใด แต่แรงจูงใจมาจากทางการเมือง ได้รับการนิรโทษกรรมเพื่อนำไปสู่ความปรองดองของสังคม เราก็ยินดีที่จะเห็นชอบกับร่างที่มีหลักการที่เราเห็นด้วย
“อยากให้พรรคเพื่อไทยระลึกไว้ว่าทุกพรรคการเมืองแม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่ทุกพรรคก็มีอุดมการณ์มีความคิดเป็นของของตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องกันไปทุกเรื่องไม่ว่าเราจะเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากเรายึดหลักการของพรรคการเมืองตัวเองให้มั่น เราก็ยินดีที่จะเห็นชอบกับร่างกฎหมายหรือญัตติใดๆที่สอดคล้องกับหลักการของพรรคไม่ว่าพรรคใดจะเป็นผู้เสนอ”นายปกรณ์วุฒิ ย้ำ
ไม่เสียกำลังใจโพลไม่เชื่อมั่นปชน.
นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวถึงผลโพลมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพกว่า57เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อมั่นการทำงานพรรคฝ่ายค้านว่าคิดว่าเป็นผลสะท้อนที่เราต้องกลับไปทำงานให้หนักขึ้น ซึ่งพรรคปชน.เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน แม้จะเคยเป็นพรรคก้าวไกลมาก่อนแต่เราไม่เสียกำลังใจจะใช้การทำงานอย่างหนักของเราพิสูจน์ในอนาคต สมัยประชุมนี้จบไป สมัยประชุมหน้าเราจะกลับมาอย่างเต็มที่แน่นอนแล้วจะทำงานเพื่อพิสูจน์ให้ประชาชนเห็น
ลั่นสมัยหน้ารู้ปชน.เป็นพันธมิตรพท.?
เมื่อถามว่ามองว่าเพราะภาพลักษณ์ของพรรคปชน.เคยเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทยมาก่อนรวมถึงมีภาพที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าเคยไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ฮ่องกงจึงทำให้เป็นการตอกย้ำว่าพรรคฝ่ายค้านทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า“เดี๋ยวรอสมัยประชุมหน้า เดี๋ยวจะได้รู้ว่าเราเป็นมิตรกันจริงหรือไม่”
นายปกรณ์วุฒิในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีภาพรวมการทำงานของฝ่ายค้านว่าโดยภาพรวมตนค่อนข้างพอใจและต้องยอมรับว่าในสมัยประชุมนี้มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เราก็บริหารจัดการได้ อาจจะราบรื่นบ้าง ไม่ราบรื่นบ้าง ในส่วนกระทู้นั้น พรรคเราก็มีผลกระทบและรัฐบาลก็มีผลกระทบแต่คาดหวังว่าสมัยประชุมหน้าจะเห็นนายกฯมาตอบกระทู้สดฝ่ายค้านในสภาฯ
ปชป.ฉะปชน.หนุนนิรโทษสร้างแตกแยก
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม4 ฉบับที่รอการพิจารณาในสภานั้นว่าส่วนตัวและพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการออกพรบ.นิรโทษกรรมการกระทำความผิดตามม.110 และ ม.112 ส่วนที่บางพรรคการเมืองบอกว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งโดยรวม ม.112ด้วย จะเป็นการปกป้องสถาบันนั้น ตนมองว่ามันจะเกิดสิ่งตรงข้ามมากกว่า และอาจเป็นแรงจูงใจในอนาคตให้มีการละเมิด ม.110และม.12มากขึ้น เพราะเห็นว่าเมื่อละเมิดแล้วก็สามารถนิรโทษกรรมได้และที่บอกว่าจะทำให้เกิดความปรองดอง ตนเห็นว่านับหนึ่งก็แตกแยกแล้ว ส่วนที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหมระบุว่าต่อไปจะเป็นคิวการพิจารณาร่างพรบ.นิรโทษกรรม4ฉบับนั้นโอกาสที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งยังมีอยู่ใช่หรือไม่นายจุรินทร์กล่าวว่ายังมีโอกาสอยู่ มีบางร่างที่เสนอเข้าไปค้างอยู่ในวาระประชุมสภาแต่ก็อยู่ที่มติสภา ส่วนจะพิจารณาแบบแยกฉบับหรือพิจารณาพร้อมกันนั้นขึ้นอยู่กับวิปที่จะหารือกัน
หวั่นพท.จับมือปชน.หักดิบได้ไม่คุ้มเสีย
“แต่ในหลักพิจารณาของตนมีอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องม.110และม.112ทุจริตคอรัปชั่น อาญาร้ายแรง ผมและพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เห็นด้วย ยกเว้นเป็นการนิรโทษกรรมอันเกิดจากการกระทำความผิดจากแรงจูงใจทางการเมืองทั่วไปเช่นการชุมนุมทางการเมือง การผิดพ.ร.บ.จราจรหรือคำสั่งต่างๆถ้าสังคมเห็นพ้องเราก็ไม่ขัดข้อง”นายจุรินทร์ ย้ำ เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงว่าอาจเกิดกรณี143เสียงของพรรคประชาชนรวมกับ141เสียงของพรรคเพื่อไทยร่วมกันยกมือให้ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมจะเป็นไปได้หรือไม่นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถ้ารวมกันก็ชนะ เพราะเสียงเกินครึ่ง เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายก็มีความกังวล แต่หลักๆทางการเมืองตนมองว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะการที่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วไปจับมือกับฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาลจะคิดอย่างไร และจะทำงานร่วมกันอย่างไรในอนาคต และที่สำคัญความรู้สึกของประชาชนจะคิดอย่างไรด้วย นายจุรินทร์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี