‘เพื่อไทย’ไม่ถอย
วาง3สถานการณ์แก้เกม
เดินหน้าร่างรธน.ใหม่
“ชูศักดิ์” ยัน “เพื่อไทย” ไม่ล้มแผนจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ วาง 3 สถานการณ์ เร่งแก้ไข รธน.แก้เกมยืดเยื้อก.ม.ประชามติ ย้ำทำอย่างเต็มที่ให้บรรลุเป้าหมาย‘วิสุทธิ์’ปธ.สส.เพื่อไทย ย้ำถ้าแก้รธน.ไม่ทัน ไม่ผิด อ้างพยายามทำแล้ว ปชช.ก็รู้เต็มที่แค่ไหน
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ออกมาระบุว่าหากเดินหน้าตามแผนแก้รัฐธรรมนูญเดิมจะไม่สามารถจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันการเลือกตั้งครั้งหน้า ฉะนั้นรัฐบาล จึงต้องคิดแผนใหม่ ว่าขณะนี้ฝ่ายบริหารของพรรคเพื่อไทยกำลังตั้งวงคิดกันอยู่ว่าจะมีสถานการณ์ 2-3 อย่างเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายชูศักดิ์กล่าวว่า“สถานการณ์ที่ 1 คือ ถ้ากฎหมายประชามติจำเป็นต้องรอ 180 วัน แนวโน้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจทำไม่เสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ ถ้าจะทำให้เสร็จ ต้องเร่งรัดขั้นตอนเป็นอย่างมากซึ่งเป็นวิธีที่ยากลำบาก ฉะนั้น เรากำลังคิดว่า หากเป็นแนวทางนี้ จะเดินต่ออย่างไรสถานการณ์ที่ 2 คือหากกฎหมายประชามติเสร็จเร็ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หากเป็นเช่นนี้จะทำให้สามารถจัดทำประชามติได้เร็วไม่เสียเวลา 180 วัน ทำให้เราแนวโน้มที่จะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทัน และสถานการณ์ที่3 คือเรากำลังคิดว่าจะมีวิธีการอื่นใดหรือไม่ ที่จะสามารถจัดทำรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องรอกฎหมายประชามติฉบับใหม่ และขณะนี้มีแนวคิดถึงการทำประชามติสองครั้งซึ่งเป็นไปได้ แต่ต้องหารือกับหลายฝ่าย โดยทั้ง3สถานการณ์นี้เรากำลังดูกันอยู่”
ไม่ล้มแผนร่างจัดทำรธน.ใหม่
เมื่อถามว่าการทำประชามติ 2 ครั้งจะขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ลึกๆ หากเราดูคำวินิจฉัยส่วนตนของศาลรัฐธรรมนูญมีถึง 6 เสียงที่บอกว่าทำ 2 ครั้งก็พอ แต่สภาฯไม่กล้าฟันธง กลัวจะเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้เราอยู่ระหว่างปรึกษาหารือกันว่า สุดท้ายควรเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าหากแก้รัฐธรรมนูญไม่ทันพรรคพท.หรือรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จะต้องรับผิดชอบอย่างไร เพราะตอนนี้ ก็เป็นปัญหาอยู่ และไม่ใช่ว่าเราไม่ทำ เราพยายามเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่เราตั้งใจ นโยบายเราก็ออกมาชัดเจนว่าต้องเร่งรัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว
“ย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ในเป้าหมายที่เราอยากให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพียงแค่เราได้วางสถานการณ์เอาไว้ 3 แบบ แต่ไม่ใช่ว่า เราจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่”นายชูศักดิ์ ระบุ
‘วิสุทธิ์’ชี้ต้องรอกุญแจดอกแรก
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย(พท.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคปชน.ออกมาระบุว่าหากเดินหน้าตามแผนแก้รัฐธรรมนูญเดิมจะไม่สามารถจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันการเลือกตั้งครั้งหน้าดังนั้นรัฐบาลจึงต้องคิดแผนใหม่ว่า การจะแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ได้นั้น อยู่ที่การทำประชามติ ซึ่งเป็นกุญแจดอกแรก โดยจะทันการเลือกตั้งท้องถิ่นต้นปี2568หรือไม่ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติว่าจะเอาอย่างไรเช่น หากจะให้ทำประชามติ 2 ชั้น ชั้นแรกเป็น 1 ใน 4 ได้หรือไม่ แต่ขอให้เขาได้ทำหน้าที่ให้เต็มที่ก่อน คิดว่าภายในเดือนนี้ คงทราบแนวทางว่า จะออกมาอย่างไร แต่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเองระดับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องคุยกันด้วยว่าจะเอาแค่ไหนอย่างไร
ลั่นแก้รธน.ไม่ทัน‘เพื่อไทย’ไม่ผิด
เมื่อถามว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จไม่ทันรัฐบาลสมัยนี้ ตามที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ จะต้องรับผิดชอบอย่างไร นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เรามีความตั้งใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเป็นนโยบายหาเสียงของพรรค พท. ฉะนั้น เราทำเต็มที่สุดกำลัง จะไปได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับหลายฝ่าย ถ้าช้าก็ไม่ใช่ความผิดเรา เพราะเราพยายามทำกันอย่างเต็มที่ ซึ่งประชาชนที่ติดตามข่าวก็จะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยเดินหน้าอย่างไรบ้าง
“ถ้าไม่สำเร็จ เราไม่ใช่ปัญหา เพราะเราทำแล้ว และรัฐบาลก็ต้องแก้ปากท้องชาวบ้าน เช่นเรื่องการแก้ไขปัญหาสัญชาติ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้า หรือเรื่องเงินหมื่นเฟสสองก็ต้องเร่ง ส่วนพวกเราฝ่ายสภาฯ ก็ต้องทำหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมาย”นายวิสุทธิ์ กล่าว
รบ.เกาะติดจัดทำรธน.ใหม่
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย(พท.)กล่าวถึงกรณี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคปชน.ระบุหากรัฐบาลเดินตามแผนเดิม จะไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใช้ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไปว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทย มีความประสงค์อยากให้เรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบความสำเร็จ ตลอดเวลาที่ผ่านมาฝ่ายบริหารของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์ กระบวนการการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งระบบอย่างใกล้ชิด อยากให้เป็นไปตามแผนงานนโยบายที่รัฐบาลได้เคยประกาศไว้ ดังนั้น จึงอาจเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จไม่ทันการเลือกตั้งในปี 2570
“กุญแจดอกสำคัญในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คือพ.ร.บ.ประชามติว่าจะเสร็จทันหรือไม่ ถ้าหากต้องรอให้พ้น180 วัน แล้ว สส.ยืนยันตามร่างกฎหมายฉบับเดิมที่ผ่านการเห็นชอบของที่ประชุมสภาสส.ก็ให้ถือว่าได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วม2สภาซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาแต่หากสามารถประนีประนอมและแสวงหาทางออกร่วมกันได้ หรือมีวิธีการอื่นที่สามารถทำให้กระบวนการเดินหน้าได้เร็วขึ้น”
ต้องรอบคอบ สกัดชนวนขัดแย้งใหม่
นายอนุสรณ์ย้ำว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็จะเดินหน้าได้ ไม่สะดุด ยืนยันว่าขณะนี้คณะผู้บริหารของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งคณะทำงานทั้งในส่วนของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยขึ้นมาติดตามสถานการณ์เกาะติดเรื่องนี้โดยเฉพาะปัญหาของประเทศมีมาก รัฐบาลพยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหาทุกด้าน การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นสำคัญ แต่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้พี่น้องประชาชนก็สำคัญ และต้องเดินควบคู่กันไปจะละทิ้งไม่ได้
“การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องยึดโยงกับประชาชนให้มากที่สุด มีกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ต้องละเอียดรอบคอบ ที่สำคัญ ต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกนำไปบิดเบือน จนเป็นชนวนเหตุของความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้นในสังคม”นายอนุสรณ์ ย้ำ
‘เทพไท’ชี้พท.ดันกม.นิรโทษ ปรองดอง?
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก”เทพไท-คุยการเมือง”ระบุว่า...พ.ร.บ.นิรโทษกรรม:ปรองดองจริงหรือ?กรณีนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยระบุถึงการยื่นร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการนิรโทษกรรม จะยื่นต่อสภาทันที หลังเปิดสมัยประชุมสภาช่วงเดือนธ.ค.ตามมติการประชุมสส.ของพรรค ยึดหลักการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองแต่ไม่รวมมาตรา110มาตรา 112รวมถึงคดีทุจริตและคดีอาญาที่ร้ายแรง โดยเชื่อว่ามวลชนจะเข้าใจ เพราะหลักการการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น ต้องคำนึงถึงการสร้างความปรองดอง ไม่ต้องการเพิ่มความขัดแย้ง
“ผมเห็นว่าการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีเป้าหมายเพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ของคนในชาติ แต่ต้องเป็นความเห็นพ้องของทุกภาคส่วนและได้ประโยชน์จากการนิรโทษกรรมทุกกลุ่มที่เป็นคดีการเมืองด้วยจึงจะทำให้การนิรโทษกรรมบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกำลังซ้ำรอยเดิมของการออกพ.ร.บ.โทษกรรมแบบสุดซอย สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีคนเห็นต่างและคัดค้านกันเป็นจำนวนมาก จนมีการนัดชุมนุมประท้วงทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ทางตัน และอำนาจระบบก็เข้ามาควบคุมการบริหารประเทศ”
หวั่นจุดชนวนความขัดแย้งรอบใหม่
นายเทพไทยังมองว่าการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เกรงว่าจะเป็นจุดชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้นมาอีกก็ได้ เพราะการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีการได้ประโยชน์เฉพาะบางกลุ่ม และเสียประโยชน์ไม่ได้ประโยชน์ในบางกลุ่ม ซึ่งอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีกได้ คนที่ไม่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมครั้งนี้ คงไม่ยอม และไม่พอใจ อาจจะถึงขั้นเคลื่อนไหวทางการเมือง จุดม็อบ ชุมนุมสร้างความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ขึ้นมาอีกก็ได้
“การที่พรรคเพื่อไทยออกมา ยกข้ออ้างเรื่องความปรองดองนั้นเป็นการอ้างเหตุผลทางทฤษฎีแต่ในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีการปรองดองกัน จึงทำให้พ.ร.บ.นิรโทษกรรมครั้งนี้ ไม่ตอบโจทย์ของสังคม ผมไม่มีส่วนได้เสียใดๆกับการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมครั้งนี้ แต่ยึดหลักการว่าถ้าจะออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อความปรองดอง และสมานฉันท์ จะต้องมีการนิรโทษให้กับคดีการเมืองทุกกลุ่ม ถ้าไม่นิรโทษให้กับทุกกลุ่ม ความปรองดองก็จะไม่เกิดขึ้น เมื่อความปรองดองไม่เกิดขึ้นก็ไม่รู้ว่าจะออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปทำไม”นายเทพไทย้ำ
‘บิ๊กป้อม’ทอดกฐินวัดช้างไห้
ช่วงสายวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เดินทางไปณ ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรักเทศบาลตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พร้อมแกนนำพรรคและส.ส.ของพรรค และ ผู้นำท้องถิ่น โดยมีประชาชนมาให้การต้อนรับและร่วมปลูกต้นไม้ บริเวณศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ความร่วมมือในการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม
จากนั้นได้เป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคีในช่วงเทศกาลออกพรรษา ณ วัดราษฏร์บูรณะ(วัดช้างไห้) ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี