เรียกพรรคร่วมรัฐบาลถก4พ.ย.
นายกฯนั่งไม่ติด
ปมร้อนเกาะกูด-แก้รัฐธรรมนูญ
คปท.นัดบุกทำเนียบ5พ.ย.
รวมพลังปกป้อง‘เกาะกูด’
“คปท.”นัดรวมพล 5 พฤศจิกายน บุกทำเนียบฯ ต้านผลประโยชน์ทับซ้อน“เกาะกูด” ด้าน “ธีระชัย” แนะ “ไทยอย่าเพิ่งเจรจา ต้องให้กัมพูชารับรองกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 ก่อน” “นพดล”วอนหยุดปั่นกระแสไทยเสีย“เกาะกูด”อย่าใช้ความเท็จโจมตีอย่างเคยใส่ร้าย“เขาพระวิหาร” พอศาลยกฟ้อง กลับเงียบหายไปหมดเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)โพสต์ข้อความต่อเนื่องผ่านเฟซบุ๊ก PichitChaimongkol ระบุว่า จะเชื่อได้ไหมปี 2551 รัฐบาลเพื่อไทย โดย นพดล ปัทมะ รมต.ต่างประเทศ บอกว่า เราจะไม่เสียเปรียบเรื่องปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่รอบเขา ผล คือ กัมพูชา ขึ้นทะเบียน ปราสาทเขาพระวิหาร เพียงประเทศเดียว ปี 2567 รัฐบาลเพื่อไทย บอกว่า เราจะไม่เสียเกาะกูด แต่ต้องเอาผลประโยชน์ขึ้นมาใช้ก่อน เดี๋ยวพลังงานหมดอายุ เราถูกเป่าหูว่า พลังงานจะหมดอายุ เราถูกบอกว่า เราจะไม่เสียสิทธิ์ดินแดนทางทะเล แล้วเราจะเชื่อรัฐบาลที่คิดแต่ผลประโยชน์ ได้ไหม นัดหมายอังคาร5พ.ย.67“รวมพลคนคลั่งชาติ คัดค้านผลประโยชน์ทับซ้อน หยุดเจรจาผลประโยชน์ก่อนเขตแดน”เจอกันทำเนียบรัฐบาล 10.00น.สะพานชมัยมรุเชฐ คปท.รวมพลคนคลั่งชาติ 5 พ.ย. สะพานชมัยมรุเชฐ 10.00น.เป็นต้นไป จะค้างคืนก็ต้องค้างคืน คลั่งชาติดีกว่าขายชาติ คปท.#รองเท้าผ้าใบปกป้องชาติ #คลั่งชาติไล่คนขายชาติ ไม่เอาผลประโยชน์ทับซ้อน
นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการปั่นกระแสว่าไทยจะเสียเกาะกูด และเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก เอ็มโอยู 44 รวมทั้งพาดพิงตนให้คนเข้าใจผิดเรื่องเขาพระวิหารแบบแผ่นเสียงตกร่อง ว่า ตนขอใช้สิทธิถูกพาดพิง คนที่เป็นห่วงโดยสุจริตก็มี และบางคนเป็นคนที่เคยร่วมจุดกระแสคลั่งชาติในปี 2551 โดยใช้ความเท็จใส่ร้ายว่าตนซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น ทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาทั้ง ๆที่ไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลกไปแล้วตั้งแต่ปี 2505 ต่อมาในปี 2551 กัมพูชาเอา 1) ตัวปราสาท และ 2) พื้นที่ทับซ้อนไปขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและตนเจรจาจนกัมพูชายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออก และยอมขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาทซึ่งเป็นของเขามาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่ตนถูกโจมตีใส่ร้ายเท็จว่าขายชาติและไปฟ้องเอาผิดตน ซึ่งต่อมาในปี 2558 ศาลฎีกาก็ได้พิพากษายกฟ้องตน และในคำพิพากษาก็ได้ระบุว่าสิ่งที่ตนทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์จากการกระทำของตน ข้อเท็จจริงคือตนไม่ได้ขายชาติ แต่คือคนที่ปกป้องชาติ แต่คนบางกลุ่มยังไม่สำนึกว่าการจุดกระแสคลั่งชาติเรื่องเขาพระวิหารในปี 2551 ทำให้มีการปะทะตามแนวชายแดน มีทหารเสียชีวิต และทำให้ในปี 2554 กัมพูชากลับไปศาลโลกอีกครั้งหนึ่งเพื่อยื่นตีความคำพิพากษาศาลโลกปี 2505 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมทรามลงในเวลานั้น ถามว่าคนเหล่านี้จะรับผิดชอบอย่างไร ส่วนประเด็นที่เรียกร้องให้ไทยยกเลิกเอ็มโอยู 44 นั้น คำถามคือถ้ามันจะทำให้ไทยเสียหายจริง ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ไปลงนาม เอ็มโอยู 44 จะไปเซ็นได้อย่างไร นอกจากนั้นมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงและกฎหมาย 3 เรื่องใหญ่ที่ต้องตอบ คือ
1.การกล่าวหาว่า เอ็มโอยู 44 จะทำให้เสียเกาะกูดนั้นก็ไม่จริง เกาะกูดเป็นของไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ไม่มีใครสามารถยกเกาะกูดให้กัมพูชาได้ เกาะกูดเป็นอำเภอหนึ่งของไทยและไปเที่ยวได้ตลอด 2.กล่าวหาว่าเอ็มโอยู 44 ไปยอมรับเส้นเขตไหล่ทวีปที่กัมพูชาประกาศ และจะทำให้ไทยเสียสิทธิทางทะเล ก็ไม่เป็นความจริงอีก เนื่องจากเนื้อหาของเอ็มโอยู 44 ไม่ได้ยอมรับเส้นที่กัมพูชาลากแต่อย่างใด เพราะถ้ายอมรับ แล้ว เราจะไปเจรจากันทำไม โดยเฉพาะที่ต้องเน้นคือเนื้อหาในข้อ5ของเอ็มโอยู44 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าตราบใดที่ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องการแบ่งเขตพื้นที่ทางทะเล ให้ถือว่า เอ็มโอยู44 และการเจรจาตาม เอ็มโอยู44 จะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของทั้งไทยและกัมพูชา 3.ส่วนที่กล่าวหาว่ารัฐบาลนี้มุ่งแต่จะเจรจากับกัมพูชาเพื่อขุดน้ำมันและแก๊สในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนก่อน โดยไม่สนใจพื้นที่ทางทะเลนั้น ก็เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริง เนื่องจากไม่สามารถทำได้ตามกรอบ เอ็มโอยู 44 เพราะ ก) การเจรจาแบ่งพื้นที่ทางทะเล และ ข) การเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วมหรือ JDA ต้องทำคู่ผูกติดกันไป แยกจากกันไม่ได้ (indivisible package) ตามที่ระบุในข้อ 2 ของ เอ็มโอยู 44
“ผมสงสัยว่า รัฐบาลที่ผ่านมาก็เจรจาโดยใช้ เอ็มโอยู 44 ไม่เห็นมีการประท้วง ผมเห็นว่าพี่น้องคนไทยควรได้รับทราบข้อเท็จจริง ไม่ใช่การให้ความเห็นที่ไม่ถูกต้อง คนที่แสดงความห่วงใยโดยสุจริต รัฐบาลคงพร้อมรับฟัง ส่วนคนที่บิดเบือนใส่ร้ายก็ขอยุติได้แล้ว บางคนเคยร่วมจุดกระแสคลั่งชาติเรื่องเขาพระวิหาร ยังไม่สำนึกรับผิดชอบต่อความเสียหายที่ทำขึ้น ผมเคยถูกใส่ร้ายเรื่องเขาพระวิหาร ทำลายผม ครอบครัวผม แต่พอศาลฎีกาท่านยกฟ้องผม และคำพิพากษาระบุว่าสิ่งที่ผมทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ผมทำ กลับเงียบหายไปหมด” นายนพดล กล่าว
นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ อ.เกาะช้าง และ ต.เกาะหมาก อ.เกาะกูด ระหว่างวันที่ 1-3พฤศจิกายน2567 พร้อมเข้าประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดตราด, รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ทั้ง 2คนและนายอำเภอทั้ง 7อำเภอของจังหวัดตราด ซึ่งมีเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชาเป็นประเด็นหารือด้วย นายชำนาญวิทย์ กล่าวระหว่างประชุม ว่า ปัญหาเรื่องเกาะกูด ทาง จ.ตราด ต้องทำความเข้าใจและสร้างความรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนชาวตราด ว่า มีที่มาที่ไปและเหตุผลของการที่รัฐบาลไม่เปิดจุดผ่านแดนถาวรที่บ้านท่าเส้น เพราะอะไร เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงปัญหาและเหตุผลของประเทศ อย่าได้มองแต่ผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะปัญหาเรื่องกรณีเขตแดน อ.เกาะกูด ที่ปัจจุบันมีการปั่นกระแสผ่านทางสื่อโซเชียลจำนวนมากและสับสนว่าเกาะกูดเป็นของใคร และพื้นที่ทับซ้อนที่เกิดทับซ้อนในทะเลนั้นเป็นอย่างไร จะมีการแบ่งผลประโยชน์อย่างยุติธรรมอย่างไร โดยเรื่องนี้ไม่ได้มีการหยิบยกพูดคุยกันระหว่างการประชุมร่วมกัมพูชาที่ผ่านมา ซึ่งตนกังวลว่าหากให้มีการดำเนินการปลุกปั่นกันอยู่อย่างนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหรือทัศนคติเชิงลบของประชาชนชาวไทยให้เกิดขึ้น จนเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศในที่สุด
“ผู้ว่าฯตราดและนายอำเภอเกาะกูด ต้องตรวจสอบข้อมูลว่ามีความจริงมากน้อยแค่ไหน หากปล่อยให้ปั่นกระแสอยู่เช่นนี้ ว่า เกาะกูด เป็นของไทยหรือเป็นของประเทศใด เดี๋ยวก็วุ่นวาย จนไม่รู้ว่าเรื่องใดจริง เรื่องใดลวง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องเร่งทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนชาวตราด ไม่ใช่ให้ฟังกัมพูชาพูดอย่างเดียว หรือฟังนักการเมืองหรือองค์กรต่างๆที่ออกข่าวผ่านสื่อโซเชียล จะปล่อยให้เกิดกระแสอยู่เช่นนี้ จะเกิดความรู้สึกไม่ดี และเกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างประเทศ ลองไปเช็คดูให้ถูกต้อง นายอำเภอเกาะกูดมีหน้าที่ในการไปศึกษาหาข้อมูลมานำเสนอให้ประชาชนชาวเกาะกูดรับทราบ และต้องชัดเจนในการทำความเข้าใจกับสิ่งที่สื่อโซเชียลไปโพสต์ว่าถูกต้องหรือไม่ ไปตรวจสอบและทำความเข้าใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย” นายชำนาญวิทย์ กล่าว
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวย้ำว่า วันนี้ท่านจะเห็นหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องของความรักชาติ ปลุกกระแสความคลั่งชาติ จะเห็นได้จากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้สัญชาติชนกลุ่มน้อย 400,000 กว่าคน ก็มีหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน เป็นเรื่องที่จะต้องไปศึกษาว่าอนุมัติอะไร มีเหตุผลอย่างไร เราต้องทำความเข้าใจให้เกิดความชัดเจน ซึ่ง กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้กรมการปกครองไปชี้แจงแล้วว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนที่ไหนและมาอย่างไร ซึ่งก็เหมือนกับเหตุการณ์ที่ อ.เกาะกูด ที่กำลังถูกปลุกและปั่นกระแสโดยอ้างความรักชาติมาเป็นเหตุผล แต่สถานการณ์แบบนี้เปราะบางและอาจจะบานปลายไปส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติได้
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน ที่จะมาเปิดเวทีสร้างความเข้าใจว่าดินแดนเกาะกูดเป็นของใคร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดตราดนั้น น.ส.สุพิชญ์ณัฏฐา รังเกตน์แก้ว ตัวแทนกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันที่เป็นลูกหลานคนตราด เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันได้ประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่กลุ่มจะแสดงออกไปนั้น มีทั้งผู้สนับสนุนและคัดค้าน เพราะมองว่า เรื่องเกาะกูดเป็นประเด็นอ่อนไหว และอาจจะบานปลาย หรือไปเข้าทางกลุ่มการเมืองกลุ่มเอ็นจีโอที่ไม่หวังดี และใช้สถานการณ์นี้เข้ามาแทรกแซงนั้นอยากให้มองพวกเราว่าเป็นลูกหลานชาวตราดที่ต้องการออกมาปกป้องแผ่นดินเกิดของเราเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาแฝงเป็นอื่น
“สิ่งที่พวกหนูทำ เป็นการเปิดเผยความจริงจากผู้รู้ ส่วนผู้ไม่หวังดี อย่าเข้ามาปลุกปั่น และสร้างความเข้าใจผิด หรือสร้างความขัดแย้งไปสู่สถานการณ์ที่วุ่นวาย เพราะนั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกลุ่มเรา รวมทั้งการเคลื่อนไหวที่ อ.เกาะกูด ก็จะไม่เดินทางไปด้วย หนูอยากจะทำแค่ใน จ.ตราดเท่านั้น ส่วนกลุ่มที่จะไปนั้น หนูไม่รู้ว่ากลุ่มใด แต่ไม่เกี่ยวกับกลุ่มของหนู และแม้หนูจะคิดที่แตกต่างจากคนอื่น แต่หนูจะไม่สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น” น.ส.สุพิชญ์ณัฏฐา กล่าว
สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ มีความประสงค์จะขอเชิญ พี่น้อง ประชาชนทุกภาคส่วนมาร่วมแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ ร่วมกับกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน และภาคี ซึ่งได้จัดกิจกรรม นี้ขึ้น เพื่อ ถ่ายทอด เรื่องราว ปัญหา และข้อเท็จจริง บริเวณ พื้นที่ เกาะกูด จ.ตราด ใน วัน เสาร์ ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.00 น. ณ.ลานกิจกรรม ท้องสนามหลวง ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาล จ.ตราด กิจกรรม ครั้งนี้ มี นักวิชาการ มาร่วมพูด ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพื้นที่เกาะกูด และด้านกฎหมาย และเราจะร่วมร้องเพลงชาติร่วมกัน กิจกรรมครั้งนี้ที่จัดขึ้นทางกลุ่มและภาคี ไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง เพียงต้องการเชิญให้พี่น้องใน จ.ตราดและพื้นที่ใกล้เคียงร่วมแสดง พลังเพื่อให้ภาครัฐได้เห็นถึงความเข้มแข็งของเราซึ่งคือเจ้าของแผ่นดิน ว่าเรา มีความรักในชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ ทางกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี