นายกฯ เผย 6-7 พ.ย.นี้ บินจีนพบผู้นำหลายประเทศ ถือเป็นโอกาสดีเปิดตลาดเพิ่มสินค้าส่งออก ตอกย้ำเปลี่ยนนายกฯ-เปลี่ยนรัฐบาล ยังเดินหน้าสิ่งที่คุยต่อ เชื่อได้ผลลัพธ์เป็นรูปธรรมกลับมา
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภารกิจการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 8 หรือ GMS SUMMIT และการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิราวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง ครั้งที่ 10 หรือ ACMECS SUMMIT ที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 6- 7พ.ย. 2567 ว่า เป็นโอกาสดีที่ตนเองจะได้พบเจอกับผู้นำหลายประเทศ เพื่อไปตอกย้ำนโยบายต่างๆที่ได้พูดคุยกันไว้ในเวทีของอาเซียน และนำไปสู่การพูดคุยเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความร่วมมือในด้านต่างๆ เพราะอย่างที่ทราบโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก นวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆก็เกิดขึ้นมากมาย เราก็จะขอความร่วมมือเพื่อทำให้ไทยได้เปิดตลาดการส่งออกเพิ่มมากขึ้น เปิดโอกาสให้กับตลาดของไทย เพราะทั่วโลกตอนนี้กำลังเน้นย้ำเรื่องของ Food Security อย่างประเทศจีนเอง ที่แม้จะมีการเกษตรของตัวเอง แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับประชากรของจีนทั้งประเทศ ดังนั้น จีนจะพึ่งพาเราในเรื่องนี้ได้ และเราก็จะไปบอกให้เขามั่นใจว่าเราพร้อมที่จะสนับสนุน เรื่องของอาหาร Food Security ต่างๆ เพราะเราพร้อมในเรื่องนี้ และเรายังมีเทคโนโลยี มีนวัตกรรม ที่สามารถมาร่วมมือกันให้เกิดเป็นรูปธรรมากขึ้น และคล่องตัวมากขึ้น
นายกฯ กล่าวอีกว่า การประชุมครั้งนี้จะได้มีโอกาสพูดคุยถึงการบริหารจัดการน้ำด้วย ทั้งปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง เพราะประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศมีเครื่องมือ มีเทคโนโลยีที่ดี และมีระบบการแจ้งเตือนภัย จำเป็นต้องมาพูดคุยกันว่า ตรงไหนที่ยังขาดเหลืออะไร จะได้มาช่วยและร่วมมือกัน อย่างเหตุการณ์น้ำท่วมแม่สาย แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ต้องคุยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้มีแนวทางชัดอยู่แล้ว ว่าปัญหามันเกิดจาก สิ่งรุกล้ำ ขวางกั้นของทางระบายน้ำ และเป็นปัญหาที่จะต้องเคลียร์ในฝั่งไทยด้วย เพื่อเปิดทางระบายน้ำร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านให้ใหญ่ขึ้น เพื่อจะได้ไม่เกิดภาวะน้ำท่วมหนักขนาดนี้อีก ซึ่งเรื่องนี้ ประเทศเพื่อบ้านก็อยากได้ความร่วมมือจากเราไม่ใช่แค่เราที่ต้องการได้จากเขา และการพูดคุยเรื่องนี้เป็นการเน้นย้ำว่าเราคิดเหมือนกันแต่เรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น จะต้องไปต่อ
นายกฯ กล่าวต่อว่า อีกทั้งทุกๆประเทศ จะได้ตอกย้ำเรื่องความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ เพราะเวลาผู้นำเจอกัน มีข้อได้เปรียบหลายเรื่องมากๆ สามารถพูดคุยและเจรจาแบบไม่เป็นทางการเพื่อความเข้าใจเบื้องต้น ก่อนจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน ส่วนปัญหาฝุ่นควันนั้น ตามฤดูของการเผา จะเกิดขึ้นต้นปีหน้าและทำให้มีปัญหา PM2.5 จำเป็นต้องขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านเพราะ ควัน มาจากหลายทิศทาง เราที่พัดมาบางทีก็มาจากประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน ถ้าเขาเผาก็พัดมาหาเรา จำเป็นต้องพูดคุยว่าจะบริหารจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร หลังจากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ได้มีการตั้งคระทำงานเรื่องปัญหา ฝุ่นควัน ขึ้นมาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้จะไปตอกย้ำให้คณะทำงานได้เกิดการทำงานขึ้นมาจริงๆเพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรม
นายกฯ ยังกล่าวยืนยันว่าการเดินทางไปประชุมที่สาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งนี้ ไทยจะได้ในเรื่องของตลาดส่งออกสินค้าไทย เป็นการไปตอกย้ำการเดินหน้า เพราะเป็นธรรมชาติทางการเมืองทั่วโลก เมื่อเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนรัฐบาลเขาจะถามว่าสิ่งที่ทำอยู่สิ่งที่เคยคุยไว้ยังทำต่อหรือไม่ และรัฐบาลปัจจุบันจะเอาอย่างไรต่อไป ดังนั้นก็ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่ตนเองจะได้เน้นย้ำว่า เรื่องการส่งออกเรายังสนุบสนุนอยู่ ทั้งสินค้าเกษตร และ Food Security เชื่อว่าจะได้ผลลับกลับมา ถ้าประเทศไทยไปต่อ ประเทศต่างๆที่เราไปคุยเขาก็จะพร้อมดำเนินงานต่อไป และได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี