(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

แต่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ยังมิได้ดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ก็ปรากฏว่า นายแดงถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2526 พร้อมกันนั้น กรมป่าไม้ก็ได้แจ้งกรมบัญชีกลางว่า ข้าราชการทั้ง 4 รายก.พ.ได้ตอบรับทราบแล้วเพราะได้รับล้างมลทินเพื่อประกอบการสั่งจ่ายบำเหน็จบำนาญให้ข้าราชการทั้งสามรายกรมบัญชีกลางจึงได้หารือมาก.พ.หลายประการ

สำนักงานก.พ.พิจารณาแล้วขอเรียนดังนี้

ปัญหาข้อที่ 1 ที่หารือว่า นายแดงออกจากราชการเพราะตายหรือไม่

สำนักงานก.พ.เห็นว่า โดยที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2518 มาตรา 94 บัญญัติว่า ข้าราชการพลเรือนออกจากราชการเมื่อ (1) ตาย...ฯลฯ และกรณีของนายแดงนี้ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ระหว่างที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมิได้เปลี่ยนแปลงคำสั่งให้เป็นไปตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี นายแดงได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2526 จึงถือได้ว่า ผู้นี้ออกจากราชการเพราะตายตามพระราชบัญญัติดังกล่าว

สำหรับปัญหาว่า คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ให้เจ้ากระทรวงสังกัดสั่งเพิ่มเป็นปลดผู้นี้ออกจากราชการ จะมีผลอย่างไรหรือไม่นั้น สำนักงานก.พ.เห็นว่าโดยที่มาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2518 บัญญัติว่า “ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง...แม้ภายหลังผู้นั้นจะออกจากราชการไปแล้วผู้มีอำนาจตามมาตรา 86 หรือมาตรา 92 วรรคสามแล้ว แต่กรณีก็ยังมีอำนาจสั่งดำเนินการลงโทษหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้เป็นไปตามหมวดนี้ได้ เว้นแต่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้นจะออกจากราชการเพราะตาย” ดังนั้นผู้บังคับบัญชาจึงไม่มีอำนาจสั่งเพิ่มโทษเป็นปลดนายแดงออกจากราชการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี เพราะผู้นี้ได้ออกจากราชการเพราะตายไปแล้ว

ปัญหาข้อที่ 2 ที่หารือว่าผู้ถูกลงโทษทางวินัยตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ.2526 จะต้องเป็นผู้ที่ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษหรือลงทัณฑ์ และก.พ.ได้รับทราบการรายงานการลงโทษหรือลงทัณฑ์นั้นแล้ว หรือถ้ามีการสั่งเพิ่มโทษหรือลดโทษผู้บังคับบัญชาจะต้องสั่งเพิ่มโทษหรือลดโทษแล้วจึงจะได้รับการล้างมลทินหรือเพียงแต่ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษหรือลงทัณฑ์โดยที่ก.พ.ยังไม่ได้ตอบรับทราบรายงานการลงโทษ ก็มีสิทธิได้รับการล้างมลทินแล้ว

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)