‘พายุ’มั่นใจ 2 แคนดิเดตผู้บริหารแผนฟื้นฟู‘การบินไทย’มีความรู้ความสามารถ หวังกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง จวก‘ศิริกัญญา’สาดวาทกรรมพร่ำเพรื่อ ให้ข้อมูลไม่ครบ ทำสังคมสับสน
10 พฤศจิกายน 2567 นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ออกมากล่าวหารัฐบาลแทรกแซงการบินไทย ด้วยการส่งคนการเมืองเข้าไปเป็นผู้บริหารในคณะกรรมการแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อาจเป็นการครอบงำกิจการของการบินไทยนั้น ข้อเท็จจริงที่เป็นดังนี้
1.การฟื้นฟูกิจการการบินไทยเกิดขึ้นช่วงปี 2563 ในตอนนั้นการบินไทยมีหนี้ 3.32 แสนล้านบาท ถูกยื่นฟ้องล้มละลาย แต่ศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการ ซึ่งมีเงื่อนไขต้องมีการตั้งคณะกรรมการฟื้นฟู 5 คนจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อเข้ามาดูแลแผนฟื้นฟูกิจการให้ผ่านการพิจารณาของเจ้าหนี้
2.ขณะนั้นการบินไทยมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ก.คลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 51.03% เมื่อต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทยต้องขายหุ้นออกเพื่อให้พ้นพันธะทางกฎหมายกับรัฐ ช่วงแรกขายให้กองทุนวายุภักดิ์ 1 จำนวน 3.17% เมื่อรัฐถือหุ้นการบินไทยน้อยกว่าครึ่ง การบินไทยพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจ สถานะของการเป็น “สายการบินแห่งชาติ” จบลง (ปัจจุบันคลังถือหุ้น 41.4% )
3.การเริ่มฟื้นฟูกิจการการบินไทย เกิดขึ้นในรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจมาจาก คสช. และมีการแต่งตั้งผู้บริหารจากฝ่ายการเมืองเป็นกรรมการแผนฟื้นฟูฯ เหตุใดตอนนั้น น.ส.ศิริกัญญาจึงไม่ทักท้วง จนปี 2565 กรรมการแผนฟื้นฟูฯ พ้นจากตำแหน่ง 2 คน เหลือ 3 คนจนถึงปัจจุบัน เหตุใดในตอนนั้น น.ส.ศิริกัญญาจึงนิ่งเฉย ไม่มีความเป็นห่วงเป็นใยการบินไทย
“แต่กลับมีปัญหาทันทีในรัฐบาลนี้ที่ ก.การคลัง เสนอชื่อผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯแทนตำแหน่งที่ว่างลงมานาน 2 ปี คือ คนหนึ่งคือผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจรจาก ก.คมนาคม อีกคนหนึ่งคือรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจจาก ก.การคลัง” นายพายุ กล่าว
นายพายุ กล่าวว่า ทั้งสองเป็นข้าราชการที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ตรงกับสายงานการคมนาคมและการบริหารการเงิน ซึ่งมีความเหมาะสม แต่ น.ส.ศิริกัญญา กลับคัดค้านและหาว่าเป็นการแทรกแซงการบินไทย หรือเป็นเพราะทั้งสองมาจากการเสนอโดยรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทย จึงต้องค้านไว้ก่อนหรือไม่ โดยไม่ดูความสมเหตุสมผล เลยเถิดจนมาถึงการใช้วาทกรรมเดิมๆให้ร้ายรัฐบาล
4.กระทรวงการคลัง มีสถานะเป็นทั้ง “เจ้าหนี้ใหญ่” และ “ผู้ถือหุ้นใหญ่” ของการบินไทย จึงสามารถเสนอชื่อได้ ไม่ใช่เป็นเพียง “เจ้าหนี้ส่วนน้อย” อย่างที่ น.ส.ศิริกัญญาให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ทั้งหมดนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์คืนกลับสู่ประชาชนจากการใช้หนี้คืนของการบินไทย
“การเตรียมตัวออกจากสถานะสายการบินท่วมหนี้ มาเริ่มนับหนึ่งใหม่ เป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญ หากสายการบินจะอยู่ได้ด้วยตัวเองต่อไป ควรได้บุคลากรคุณภาพ ที่ได้รับการคัดสรรโดยรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เข้ามาช่วยบริหารจัดการในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และผมมั่นใจว่าการประชุมเจ้าหนี้การบินไทย ในวันที่ 29 พฤศจิกายน นี้ ทั้ง 2 บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ จะได้รับการพิจารณาจากเจ้าหนี้แล้วเดินหน้าบริหารจัดการในช่วงรอยต่อนี้เกิดประโยชน์มากที่สุด” นายพายุ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี