จวกพ่อทำลาย‘ภาวะผู้นำลูกสาว’
ซัดแรง‘ทักษิณ’
วาทะ‘แค่ไปกินมาม่า’พ่นพิษ
ปชน.ถล่มท้าทายประชาชน
‘อิ๊งค์’ปลื้มพ่อชมเรียนรู้งานไว
ห่วงพ่อ-อายุ70ป่วยทีจะหนักเลย
เพื่อไทยตีปี๊บ “ทักษิณ” เยือนอุดรธานีช่วยลูกพรรคชิงนายกอบจ. 13-14 พฤศจิกายนนี้ โวล่วงหน้าคนทะลุแสนรอต้อนรับ ด้าน “เทพไท” เหน็บเทวดาแม้วไม่กระดากปากอ้าง 6พรรคมุดจันทร์ส่องหล้า‘แค่ไปกินมาม่า’
เมื่อวันที่ 10พฤศจิกายน2567 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหการส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงเลือกตั้ง ในวันที่ 13-14พฤศจิกายนนั้น โดยจะมีบุคลากรจากพรรค พท.ลงพื้นที่และร่วมปราศรัยด้วย อาทิ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.ร้อยเอ็ด, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด, นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นอกจากนี้ ยังมี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี, นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ สมาชิกพรรค พท. แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายวิเชียร ขาวขำ อดีตนายก อบจ.อุดรธานี
โวคนนับแสนรอต้อนรับ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ เตรียมลงพื้นที่ช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี พรรค พท.หาเสียง ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 พฤศจิกายนว่า นายทักษิณไปอยู่ต่างประเทศมานานถึง 17 ปี พี่น้องประชาชนคนไทยไม่เคยลืมในผลงานและนโยบายที่นายทักษิณได้สร้างไว้ จ.อุดรธานี เป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดงภาคอีสานเช่นไร วันนี้ก็เป็นเช่นนั้น พี่น้องประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึง พท. ไม่เคยลืม 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มแอล หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือโอท็อป 1 อำเภอ 1 ทุน โครงการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนที่ขาดโอกาส ครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องประชาชนชาว จ.อุดรธานี จะได้มาพบมาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
พร้อมดูแลประชาชนชาวอุดรธานี
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประชาชนชาว จ.อุดรธานี ต่างนับถอยหลังให้ถึงวันที่ 13-14 พฤศจิกายนเร็วๆ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนชาว จ.อุดรธานีและพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้กันล้นหลาม อาจทะลุระดับแสนคนขึ้นไป รวมถึงนายศราวุธ ก็ได้ทำกิจกรรมรณรงค์หาเสียงกับพี่น้องประชาชนทุกวัน ใช้ความขยันทุ่มเท สื่อสารนโยบาย โฟกัสในสิ่งที่จะเข้ามายกระดับต่อยอดพัฒนา เดินหน้าแก้ปัญหาประชาชน เชื่อมประสานการเมืองระดับชาติ ยกระดับ จ.อุดรธานี อย่างมียุทธศาสตร์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนชาวอุดรธานีอย่างดีมากๆ รวมถึงมีขวัญกำลังใจดีเพิ่มมากขึ้นในทุกวัน
“พรรคเพื่อไทย ขอโฟกัสกับนโยบายและสิ่งที่จะพัฒนาร่วมกับพี่น้องชาวอุดรธานี เวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยทุกพื้นที่ จึงเป็นเวทีที่สร้างสรรค์ พี่น้องประชาชนที่มาฟังก็จะได้ทราบว่าจะได้รับประโยชน์และโอกาสอย่างไรบ้าง หากได้นายศราวุธ เป็นนายก อบจ.อุดรธานี” นายอนุสรณ์ กล่าว
พท.อัดพวกจ้องจับผิด’ทักษิณ’
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เตรียมร้องเอาผิดนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจะไปขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ในวันที่ 13-14 พ.ย.นี้ เข้าข่ายกระทำผิดพ.ร.บ.การเลือกตั้งสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นว่า เป็นเรื่องไร้สาระ เป็นพวกขี้อิจฉาทางการเมือง หวังใช้เป็นเกมการเมืองเพื่อดิสเครดิต อดีตนายกฯทักษิณ และพรรคเพื่อไทยอย่างไร้เหตุผล
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นายทักษิณมีสิทธิ และเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญนายทักษิณไม่ได้เป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง จึงยังเป็นผู้ที่มีสิทธิ และหน้าที่ในการลงคะแนนเลือกตั้งในทุกระดับ ซึ่งในส่วนของการเลือกตั้งอบจ. หากผู้สมัครนายก อบจ.แจ้งชื่อนายทักษิณ เป็น“ผู้ช่วยหาเสียง” ต่อผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอุดรธานี ก็สามารถทำได้ตามกฎหมาย และนายทักษิณก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์หาเสียงและขึ้นเวทีปราศรัยได้ตลอดระยะเวลาของการรณรงค์หาเสียง เช่นเดียวกับการเลือกตั้งสส.ที่จะมีขึ้นในอนาคต นายทักษิณ ก็สามารถมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ หากมีการแจ้งชื่อไปตามขึ้นตอน
“พวกแพ้แล้วพาล ควรหยุดพฤติกรรมเตะตัดขาผู้อื่นได้แล้ว การเมืองต้องมาแข่งกันที่นโยบายที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง และประเทศชาติจะดีกว่า ผมมั่นใจว่า หากอดีตนายกฯทักษิณไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง จะช่วยสร้างสีสัน และจะเป็นประโยชน์กับชาวอุดรฯ เพราะจะมีวิธีคิดที่จะช่วยแก้ปัญหา และสร้างความเจริญให้กับชาวอุดรฯ ได้ ด้วยประสบการณ์ในการบริหารประเทศของท่าน ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายนโยบาย และนานาชาติก็ให้ความเชื่อถือ” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
เทพไทอัดแม้วไม่กระดากปาก
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป พร้อมเนื้อหาผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ในหัวข้อ “ทักษิณ พูดไม่กระดากปาก?” ระบุว่า ช่วงนี้จะเห็นความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร มากขึ้นกว่าปกติ และจะมีการแสดงความเห็นทางการเมืองในหลายประเด็น เช่น นายทักษิณยอมรับว่าได้เชิญ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าจริง แต่เป็นเพียงแค่มากินมาม่า ซึ่งเป็นการตอบคำถามแบบแก้เกี้ยวมากกว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค ไปบ้านจันทร์ส่องหล้า ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คงไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากการไปพูดคุยในประเด็นการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะมาบอกว่าไม่มีการพูดถึงเรื่องการเมืองเป็นเพียงการกินมาม่า เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับนายวราวุฒิ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่า เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อไปอัพเดทข้อมูลทางการเมือง และเชื่อว่าสิ่งที่นายทักษิณพูดนั้นเป็นเรื่องเท็จ
ส่วนการที่นายทักษิณออกมาชื่นชม ยกยอนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นคนตั้งใจทำงาน เรียนรู้ปัญหาของประเทศเร็ว พวกที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นขาประจำ ซึ่งผมอยากจะบอกกับนายทักษิณว่า ผมไม่ได้เป็นขาประจำ หรือมีอคติต่อนางสาวแพทองธารแต่อย่างใด ผมไม่ได้เป็นนักการเมืองสังกัดพรรคการเมืองใด แต่เมื่ออยู่ในสถานะผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง เมื่อเห็นว่าอะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่เหมาะสมก็วิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิ เสนอแนะไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ
บอกเป็นกรรมของประเทศ
สำหรับคนที่ชื่นชมนางสาวแพทองธาร ก็คงมีแต่นายทักษิณผู้เป็นพ่อและบริวารเท่านั้น
ลองไปถามประชาชนทั่วไปดูว่า เขามีความรู้สึกอย่างไร กับการที่นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีโดยการสนับสนุนของนายทักษิณ ไม่ได้มีประสบการณ์ และวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำประเทศเลย ปัญหาต่างๆ เมื่อนักข่าวตั้งถาม ถ้าตอบไม่ได้ก็จะบอกว่ารอพบกันวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้ไปเตรียมข้อมูลและสอบถามจากผู้รู้เพื่อมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลัง แต่ถ้าเป็นเรื่องหมูเด้ง หรือเจ๊ไฝเตรียมจะแขวนตะหลิว สามารถให้สัมภาษณ์ ได้ยาวกว่าเรื่องการบริหารประเทศหน่อย การที่นายทักษิณออกมาชื่นชมยกยอนางสาวแพทองธาร คงจะเห็นว่าเหมาะสมจริงเมื่อเปรียบกับลูกชายคือนายพานทองแท้ แต่ถ้านำไปเปรียบกับผู้นำประเทศอื่นๆ บทบาทของนางสาวแพทองธาร ห่างกันลิบลับ ซึ่งเป็นกรรมของประเทศ ที่มีผู้นำอ่อนหัดเช่นนี้ อยากบอกนายทักษิณ ว่าถ้าจะชมลูกว่าดีเก่ง ขอให้คนอื่นเขาชมเถอะครับ กลองจะดังต้องมีคนอื่นตี ถ้าชมกันเองก็เหมือนกลองที่ดังเอง โบราณเขาเรียกว่า กลองจัญไร
โพลสำรวจคดีตากใบถล่มพท.ยับ
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ ของประชาชน เรื่อง “พรรคการเมืองใดเดือดร้อนจากกรณีตากใบ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,067 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีต่อพรรคการเมืองหลังจากคดีตากใบหมดอายุความ เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบในทางลบจากกรณีคดีตากใบที่หมดอายุความ พบว่า ร้อยละ 55.20 ระบุว่า พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 29.99 ระบุว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองใด ร้อยละ 4.69 ระบุว่า พรรคประชาชาติ ร้อยละ 1.97 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ2.16 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ , พรรคประชาชน , พรรคภูมิใจไทย , พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 5.99 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านการส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไปของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลังจากกรณีคดีตากใบที่หมดอายุความ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.55 ระบุว่า ไม่ส่งผลเลย รองลงมา ร้อยละ 25.21 ระบุว่า ส่งผลมาก , ร้อยละ 23.62 ระบุว่า ค่อนข้างส่งผล และร้อยละ 11.62 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผล
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้จะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า ร้อยละ 50.14 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ ร้อยละ18.85 ระบุว่า พรรคประชาชน ร้อยละ 13.68 ระบุว่า พรรคประชาชาติ ร้อยละ 5.44 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 4.69 ระบุว่า พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 2.62 ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 1.78 ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ 0.65 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา , พรรคไทยสร้างไทย , พรรคเป็นธรรม , พรรคเสรีรวมไทย , พรรคความหวังใหม่ ร้อยละ 0.37 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
“นิกร”แจงการทำประชามติ
นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขบทบัญญัติที่ว่าด้วยเกณฑ์ผ่านประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญ ว่า จากที่ตนเสนอแนวทางให้ใช้เกณฑ์ผ่านประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญด้วยเสียงข้างมากชั้นครึ่ง คือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ ขณะที่เสียงเห็นชอบนั้นใช้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง และต้องเป็นจำนวนที่มากกว่าเสียงโนโหวต แทนการใช้เสียงข้างมาก2ชั้น คือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิและเสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ นั้นเพื่อให้เป็นแนวทางประนีประนอม ระหว่างหลักการที่ กมธ.ฝั่งสส.ยึดถือ คือ เสียงข้างมากปกติ และ กมธ.ฝั่งสว. ที่ต้องการใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก2 ชั้น อย่างไรก็ดีในประเด็นข้อเสนอนั้นเชื่อว่าจะมีกมธ.ที่สนับสนุน ทั้งจากพรรครวมไทยสร้างชาติและจากพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากแนวทางเสียงข้างมากชั้นครึ่งนั้น เคยเป็นแนวทางที่พรรคภูมิใจไทยเสนอร่างแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติต่อสภาฯ
วอนทุกฝ่ายประนีประนอม
นายนิกร กล่าวด้วยว่าส่วนกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทย เช่น นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการใช้เสียงข้างมากปกติ และต้องการให้สภาฯ ยืนยันบทบัญญัติในเรื่องดังกล่าว หลังจากที่ผ่านเวลา 180 วันนั้น ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยควรประเมินให้ดี เพราะหากมีกรณีแตกหักในชั้นกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นการแตกหักกับ สว. อาจทำให้ไม่ได้รับความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ตามขั้นตอนแล้วต้องได้เสียงสว. รับหลักการวาระแรก 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง
“เสียงของสว.มีส่วนสำคัญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญของประชาชน หากไม่มีหนทางประนีประนอมแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอาจไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย ส่วนที่กังวลว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิประชามติ ไม่ถึง 50% ของผู้มีสิทธินั้น ตามสาระของร่างแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติ ได้เปิดให้ใช้วิธีออกเสียงผ่านทางไปรษณีย์ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มาก และเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญเกินเกณฑ์กำหนด ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ 2 ฝ่ายพยายามประนีประนอมกันถอยคนละครึ่งก้าวเพื่อข้ามความยากลำบากนี้ไปให้ได้เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ผู้คนเฝ้ารอ” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวด้วยว่าสำหรับการประชุมของกมธ.ร่วมฯ ในสัปดาห์หน้าจะงด และจะนัดอีกครั้งวันที่ 20 พ.ย. โดยเชิญตัวแทนของบริษัทไปรษณีย์ไทย และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาหารือถึงแนวทางการทำประชามติด้วยวิธีอื่นๆ นอกจากการตั้งหน่วยและลงคะแนนในคูหา เบื้องต้นจากที่ตนศึกษาแนวทางการทำประชามติด้วยระบบไปรษณีย์นั้น เชื่อว่าประเทศไทยสามารถทำได้ แม้ไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ กกต. เข้าหารือกับ กมธ.ร่วมแล้ว ทราบว่าจะเดินทางไปดูงานการประชามติที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่กกต.จะกำหนดและออกแบบการทำประชามติผ่านระบบไปรษณีย์ที่เหมาะสมต่อไปได้
“เพื่อไทย”อยากตั้งสสร.ร่างรธน.
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ระบุถึงแนวทางการแก้ไขบทบัญญัติที่ว่าด้วยเกณฑ์ผ่านประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญว่าหากไม่ถอยครึ่งก้าวก็เสี่ยงที่จะไม่ได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ว่า ตนทราบว่า มีรายงานว่ามีการพูดคุยและยอมถอยกันคนละก้าว ซึ่งหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จไม่ทัน ตนก็อยากให้มีกระบวนการต่างๆ เช่น การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตามจุดประสงค์ เราอยากให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จทันในรัฐบาลชุดนี้ แต่หากไม่ทันอย่างไรก็ย้ำว่าอยากให้มี สสร.เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ และยืนยันว่าทุกคน ทุกฝ่าย จะพยายามเดินหน้าเต็มที่
เมื่อถามว่า หากต้องมีการถอยคนละก้าว พรรค พท. ก็ยอมได้ใช่หรือ เพราะจุดยืนเดิมคือการใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว นายสรวงศ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราอยากให้เป็น แต่ในเมื่อมีการพูดคุยกันแล้ว และแต่ละฝ่ายมีเหตุผลอะไรบ้าง เราก็ต้องมีการรับฟังจากหลายๆ ฝ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี