‘ชั้น14’พ่นพิษ-กมธ.มั่นคงเล่นใหญ่
เรียก‘เทวดาแม้ว’แจง
‘โรม’เค้นอาการป่วย 22 พ.ย.
พร้อม‘รมว.ยธ.-บิ๊กราชทัณฑ์’
‘ทวี’ป้องอ้างสอบแล้วหลายชุด
พปชร.ชี้งานนี้มีขรก.ตายหมู่
เลขาฯเพื่อไทย เผย“ทักษิณ” แค่พ่อนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ไม่เกี่ยวพรรคเพื่อไทย คณะรัฐมนตรี และพร้อมสู้คดีล้มล้างการปกครอง “ทวี”โวยกมธ.ความมั่นคงฯตั้งธงสอบปมชั้น14รุนแรงรบกวนเทวดาแม้ว ด้านกมธ.มั่นคง”ออกหนังสือนัดประชุม ถกปมนักโทษวีวีไอพีชั้น14ต่อเนื่อง พบหนังสือเชิญ”ทักษิณ”ให้ข้อมูล พร้อม”รมว.ยธ.-อธิบดีราชทัณฑ์-เรือนจำ-รพ.ตำรวจ”โฆษกพปชร.ชี้เรื่องชั้น14 อาจมีเจ้าหน้าที่ตายเป็นเบือ มองรัฐบาลมีปัญหาหลายเรื่อง-เตือนนายกฯระวังคนยุ
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ระบุการทานข้าวร่วมกับ 6 พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นเก้าอี้นายกฯ เป็นเพียงการกินมาม่า ว่า วันที่เป็นข่าวเอาตรงๆ ว่าไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยอยู่ในที่เกิดเหตุเลย ตนไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้จริงๆ ซึ่งในวันดังกล่าวน.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในวันนั้น กำลังเดินทางอยู่บนเครื่องบินส่วนตนอยู่สภาฯ เคลียร์เรื่องกระทู้ เมื่อถามว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์เลิศสุริย์เดช ก็ไม่ได้เข้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ท่านไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย แต่เป็นสมาชิกพรรค
พร้อมสู้คดีล้มล้างการปกครอง
เมื่อถามต่อว่า อัยการสูงสุดได้ทำหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิ์และเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นายสรวงศ์ กล่าวว่า ก็ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร เรายืนอยู่บนความตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไร เราก็พร้อมที่จะต่อสู้ในแง่มุมของความบริสุทธิ์ใจ
เมื่อถามอีกว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องจะมีผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่หรือ นายสรวงศ์ ร้องโอ้ ก่อนกล่าวว่า ในข้อกฎหมายตนไม่ทราบจริงๆ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องต้นมองว่าก็ไม่เกี่ยวอะไรกับครม. เพราะเกี่ยวข้องกับผู้ถูกร้องคือนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามต่อว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันใช่หรือไม่ว่าสามารถชี้แจงได้หมดทั้ง 6 ข้อกล่าวหา นายสรวงศ์ กล่าวว่า จริงๆก็ชี้แจงได้หมดทั้ง 6 ข้อกล่าวหา นายทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคเพื่อไทย ยกเว้นเป็นพ่อของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแค่นั้น
โวยกมธ.มั่นคงรบกวนเทวดา
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เรียกกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจ ไปชี้แจงการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งหน่วยงานไม่สามารถให้ข้อมูลกับ กมธ.ได้ ว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ไปชี้แจงเรื่องเดียวกันกับ กมธ.อื่น เช่น กมธ.ตำรวจ หรือวุฒิสภา ซึ่งทุกคณะต้องการความรู้ แต่ กมธ.ความมั่นคงฯ มีความแปลก เพราะเอาคนนอกและสื่อมวลชนเข้ามา และจ้องจะถามเจ้าหน้าที่ เช่นถามเรื่องเวชระเบียน ซึ่งในช่วง 120วัน ที่ นายทักษิณ พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ มีหลักฐานต่าง ๆ มากกว่าเวชระเบียน เช่นการตรวจเอ็มอาร์ไอ และทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ จึงอยากนำข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่สอบสวน ไม่ใช่บุคคลที่มาจ้องหาเศษหาเลย พูดให้เกิดความเสียหายกับทางรัฐบาล
ล้ำเส้นตั้งประเด็นรุนแรง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การออกไปพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาลนั้น ตามกฎหมายราชทัณฑ์แม้จะเป็นแค่พยาบาลวิชาชีพ หรือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ก็สามารถส่งไปได้ เพราะอย่างในต่างจังหวัดไม่มีแพทย์ในเรือนจำ และการไปอยู่โรงพยาบาล ก็ถือเป็นเรือนจำชนิดหนึ่ง เมื่อถามว่า รับรู้และรับทราบถึงกระบวนการทุกอย่างใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขณะนั้นตนยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ดูจากรายงานแล้ว ยังทำถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ ได้กำชับไปว่าเป็นข้าราชการอย่าไปโต้เถียงทางการเมือง เอาข้อมูลไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือผู้ที่มีอำนาจจะให้ได้ ซึ่งเรายินดีให้ความร่วมมือ แต่ต้องเปิดข้อบังคับของ กมธ.สักนิดว่า เมื่อเรื่องนี้เคยสอบสวนแล้ว และ กมธ.มีหน้าที่เกี่ยวกับความมั่นคง นอกจากนี้ เรื่องนี้ผ่านมาแล้วกว่า 10 กมธ. ก็ไม่เห็นมีความรุนแรงขนาดนี้
“โรม”เรียกราชฑัณฑ์ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงกรณีการตรวจสอบกรณีที่กรมราชทัณฑ์ให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจกับการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชาแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธานกมธ. ว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ได้มีหนังสือนัดประชุม กมธ. เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อเนื่องเป็นครั้งที่สอง ในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 09.30 น. พร้อมกำหนดการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อกมธ. ได้แก่ นายทักษิณ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พล.ต.ท.โสภณรัชจ์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นพ.ใหญ่ รพ.ตำรวจ นายวัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ น.ส.รวมทิพย์ สุภานันท์ นพ.ชำนาญพิเศษ รพ.ราชทัณฑ์ นายวิชัย วงศ์ชนะภัย ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา และ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีดังกล่าวถือเป็นการตรวจสอบเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่การตรวจสอบในครั้งแรก พบข้อมูลที่กมธ. ติดใจ คือ มาตรฐานการรักษาในเรือนจำ รวมถึงการส่งตัวผู้ต้องขังที่ป่วย และวินิจฉัยโดยพยาบาลว่าป่วยหนักถึงขั้นที่ต้องส่งตัวไปรักษาต่อ อีกทั้งยังไม่พบรายละเอียดของการรักษา และการบันทึกภาพใน รพ.ตำรวจ ที่เป็นไปตามมาตรฐานการดูแลนักโทษนอกเรือนจำ
พปชร.เชื่อจนท.ทำผิดระนาว
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นกรมราชทัณฑ์ส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากเรือนจำไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ และอยู่ยาวหลายเดือนจนได้รับการพักโทษ ว่า หากมองด้วยพยานหลักฐานก็จะมีเจ้าหน้าที่ตายเป็นเบือ ตั้งแต่การอนุมัติให้ส่งนายทักษิณออกมา การปฏิบัติตามระเบียบราชทัณฑ์ การปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างกรมราชทัณฑ์กับกรมตำรวจ (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ได้ดำเนินการตามนั้นหรือไม่?
ผู้คุมพัศดีโดนหมด
เพราะการมีนักโทษสำคัญออกมานอกเรือนจำ ตามระเบียบคือต้องมีผู้คุมหรือพัศดีมาควบคุม ขณะที่สถานีตำรวจท้องที่นั้นก็ต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในที่นี้คือ สน.ปทุมวัน นอกจากนั้นยังมีหลักฐานอื่นๆ เช่น เวชระเบียน บันทึกการจ่ายยาในแต่ละวัน ส่วนคำถามว่ากล้องวงจรปิดเสียบ่อยหรือไม่ ก็เสียอยู่เรื่อย แต่กรณีบุคคลสำคัญไม่ควรจะเสีย แต่ก็ต้องรอผลการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ส่วนเรื่องที่เป็นปัญหากับรัฐบาลปัจจุบันที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช่น คดีการสลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งคดีหมดอายุความไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567 โดยจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้แม้แต่รายเดียว และคดีนี้หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกศาลออกหมายจับคือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งแม้ พล.อ.พิศาล จะลาออกจากการเป็น สส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว แต่ก็มีคำถามว่า นายกฯ ได้ทำอย่างเต็มที่ตามอำนาจหน้าที่ที่มีในการติดตามตัวมาดำเนินคดีแล้วหรือยัง?
“ในฐานะที่ท่านเป็นผู้กำกับดูแลกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการสั่งการให้เพิกถอนหนังสือเดินทางไหม? ตามข้อ 22-23 ตามระเบียบหนังสือเดินทาง ท่านไมได้สั่งการใดๆ และในฐานะที่ท่านดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่านไปประชุม ก.ตร. ได้ ไปประชุมอื่นๆ ของตำรวจได้ แต่ท่านได้มีการสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรให้ติดตาม พล.อ.พิศาล กลับมาดำเนินคดี โดยผ่านกระบวนการกลไกทางอินเตอร์โพลหรือไม่? อย่างไร? ไม่มี! ซึ่งตรงนี้ถ้าพูดภาษาชาวบ้านคือเอากันถึงตาย มีการดำเนินการต่อ ท่านก็ไม่รอด” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
รัฐบาลพลาดก็ต้องกระตุก
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อไปว่า เราพยายามทำให้เห็นว่า เราเป็นฝ่ายค้านแต่ก็ไม่ได้จะเค้นรัฐบาลให้ถึงแบบเอาเป็นเอาตาย สิ่งใดที่รัฐบาลทำพลาดไปเราก็พยายามกระตุก ชี้ช่องให้รัฐบาลแก้ไข อย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต พอจ่ายเป็นเงินสดผ่านแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งตรงนี้ทำอย่างตรงไปตรงมา ประโยชน์เกิดขึ้นกับประเทศชาติเราก็โอเคแล้ว หรือเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของนายกฯ เพราะศาลฎีกาตัดสินไปแล้วว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ และคดีนี้อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยถูกพิพากษาจำคุก
ให้อธิบายง่ายๆ คนที่ถือครองไว้ก็เหมือนกับการรับของโจร และใครรับไปถือครองต่อก็เท่ากับรับของโจรเช่นกัน ไม่ว่าจะถือครองไว้เองหรือส่งต่อให้บุคคลอื่นล้วนถือเป็นมลทินทั้งสิ้น ดังนั้นการส่งต่อไปให้ผู้อื่นไม่ได้ทำให้สิ่งผิดกลายเป็นสิ่งถูก มีเพียงการคืนที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์เท่านั้นจึงเป็นหนทางที่ถูก เรื่องนี้ต่างประเทศเขามองดูอยู่ และบางประเทศที่มีมาตรฐานทางจริยธรรมสูงเขาเห็นแล้วส่ายหัว
และแม้พรรคพลังประชารัฐจะถูกร้องเรียนด้วย กรณีไปพรรคร่วมรัฐบาลเวลานั้นไปรวมกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า วันที่ 14 ส.ค. 2567 แต่วันดังกล่าวหัวหน้าพรรคไม่ได้ไป ส่วนคนที่ไปคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนายสันติ พร้อมพัฒน์ ก็คงต้องดูตามพยานหลักฐาน และจริงๆ สำหรับตัวของ ร.อ.ธรรมนัส ก็ไม่ใช่พลังประชารัฐแล้ว แต่ก็อยู่ที่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี