ส่อขาดคุณสมบัติปธ.บอร์ดธปท.
‘กิตติรัตน์’งานเข้า
พ้นตำแหน่งการเมืองไม่ถึง 1 ปี
จี้ฟ้องศาลเอาผิดคกก.คัดเลือก
เทพไทซัดรัฐบาลจุดจบไวขึ้น
พท.เรียงหน้าหนุนทำตามก.ม.
หลังมีกระแส“กิตติรัตน์”นั่ง“ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ”เมินกระแสต้าน“เชาว์ มีขวด”อดีตรองโฆษกปชป.ฟันธง“กิตติรัตน์”ขาดคุณสมบัตินั่ง“ปธ.บอร์ดธปท.”เหตุพ้นตำแหน่งทางการเมืองไม่ถึง 1 ปี แนะฟ้องศาลเอาผิดคกก.คัดเลือกฯจงใจเลือกคนมีลักษณะต้องห้าม เชื่อมีคนติดคุก ‘เทพไท’ฟันเปรี้ยง!รัฐบาลถึงจุดจบไวขึ้น ท้าทายกระแสสังคมขณะที่ ‘สถิตย์’ปธ.คัดเลือกฯยันทำหน้าที่ตามกฎหมายไม่มีใบสั่งทางการเมือง-คัดเลือกตามกม.ชี้ผู้ถูกเสนอชื่อคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ครบถ้วน ไร้ลักษณะต้องห้าม‘ภูมิธรรม’ชี้เลือกปธ.บอร์ดธปท.เป็นไปตามหลักเกณฑ์-ข้อกม.’พิชัย’ปัดรบ.มีแต้มต่อ‘ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ’ยังไม่ได้รับมติย้ำจะเป็นใครก็จูนกันได้ ไม่ได้สู้กันมาทำงานร่วมกัน
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567นายเชาว์ มีขวด ทนายความ อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ทนายความโพสต์ Facebook Chao MeeKhuadเรื่อง “กิตติรัตน์”ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติระบุว่าไม่เข้าใจว่าเหตุใดคณะกรรมการคัดเลือก7คนจึงมีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติและเตือนไว้เลยว่าใครก็ตามที่ลงคะแนนให้นายกิตติรัตน์ นั่งเก้าอี้ตัวนี้ ท่านเตรียมสู้คดีในชั้นศาลที่อาจต้องจบที่เรือนจำได้เลย
กางระเบียบชำแหละ‘กิตติรัตน์’
นายเชาว์ระบุว่า ที่พูดแบบนี้ก็เพราะระเบียบว่าด้วยการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือกการเสนอชื่อ การพิจารณาและการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551กำหนดไว้ชัดเจนในหมวดที่2การเสนอชื่อ การพิจารณาและการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไว้ในข้อ16 (4)ว่าต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม”เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า1ปี
“โดยเจตนารมณ์ของระเบียบฯที่กำหนดไว้เช่นนี้ต้องการให้บุคคลที่จะได้รับคัดเลือกเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธปท.มีความเป็นกลาง ไม่มีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่นายกิตติรัตน์ เคยเป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 214/2566 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินพ.ศ.2535 มีทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษา และพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยให้ส่วนราชการสนับสนุนงานของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับการร้องขอและให้สำนักเลขาธิการนายกดนตรีอำนวยความสะดวกในการปฎิบัติหน้าที่ของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบของราชการโดยให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขานายกรัฐมนตรี”
ซัด‘โต้ง’พ้นเก้าอี้ทางการเมืองไม่ถึง1ปี
นายเชาว์กล่าวว่าเห็นได้ชัดว่าตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีของนายกิตติรัตน์ แม้โดยนิตินัยจะไม่ได้เป็นข้าราชการการเมืองโดยเลี่ยงใช้คำว่าที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีแต่โดยพฤตินัย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่214/2566ระบุให้นายกิตติรัตน์ ทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย และให้ส่วนราชการสนับสนุนงานของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้รับการร้องขอและให้สำนักเลขาธิการนายกฯอำนวยความสะดวกในการปฎิบัติหน้าที่ของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบของราชการโดยให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขานายกรัฐมนตรี ตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ของนายกิตติรัตน์ จึงอยู่ในความหมายของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามความในข้อ 16(4)ของระเบียบว่าด้วยการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือกฯเพราะนายกิตติรัตน์ ยังพ้นตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกฯไม่ถึง 1ปี โดยพ้นตำแหน่งไปในวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน หลุดตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 เท่ากับเพิ่งพ้นหน้าที่มาเพียงแค่ไม่ถึงสามเดือน
แนะฟ้องศาลเอาผิดคกก.คัดเลือกฯ
นายเชาว์ย้ำว่า ถ้าเราปล่อยให้นายกิตติรัตน์ได้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติด้วยข้ออ้างว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ ไม่ใช่ข้าราชการการเมืองจึงไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย ต่อไประเบียบฯเรื่องห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาเป็นประธานหรือกรรมการแบงก์ชาติ เว้นพ้นตำแหน่งแล้ว 1 ปี จะกลายเป็นหมันใช้บังคับในทางปฏิบัติไม่ได้เพราะการเมืองใช้วิธีศรีธนญชัย เล่นแร่แปรธาตุทางกฎหมาย
“ผมยืนยันว่าในทางกฎหมายแม้ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯจะไม่ใช่ข้าราชการการเมืองแต่หน้าที่ที่ทำตามคำสั่งนายกฯ ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างแน่นอน กรณีนี้ผมเสนอให้มีการฟ้องศาลฯ เอาผิดคณะกรรมการคัดเลือก จงใจเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ไปให้สุดจะได้รู้ว่าต้องไปหยุดที่คุกหรือไม่”นายเชาว์กล่าว
‘เทพไท’ท้าทายปมปธ.บอร์ดธปท.
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป พร้อมเนื้อหาผ่านเฟซบุ๊ก“เทพไท-คุยการเมือง”หัวข้อ“ตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ท้าทายกระแสสังคม”ว่าตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ : ท้าทายกระแสสังคม หลังคณะกรรมการคัดเลือกประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ประธานคณะกรรมการฯจะไม่ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าคณะกรรมการชุดนี้ต้องทำตามความต้องการของรัฐบาล ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นผู้เสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้าเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เพราะถ้าไม่ต้องการให้นายกิตติรัตน์เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติจริงก็คงไม่เสนอชื่อเข้ามาส่วนอีก 2 คน ที่เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทยก็เป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น
ซัดรบ.ตั้งธงดัน‘โต้ง’เมินกระแส
นายเทพไทมองอีกว่า ต้องยอมรับว่ารัฐบาลตั้งธงที่จะเอานายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติให้ได้มาตั้งแต่ต้น เคยมีกระแสข่าวว่าจะเปลี่ยนตัวจากนายกิตติรัตน์ เป็นคนอื่น แต่ในที่สุดกระทรวงการคลังก็ยังคงยืนยันชื่อของนายกิตติรัตน์ต่อไป ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากอดีตผู้ว่าธปท.อย่างน้อย4 คน และนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ 300 กว่าคน รวมถึงกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองจำนวนมากที่แสดงออกไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เพราะไม่มีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงในที่สุดคณะกรรมการคัดเลือกก็เคาะชื่อนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่โดยไม่สนใจกระแสคัดค้านของสังคม นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นการท้าทายกระแสสังคมของรัฐบาลชุดนี้
ฟันเปรี้ยง!รัฐบาลถึงจุดจบไวขึ้น
ส่วนประเด็นที่มีการตั้งคำถามว่าประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มีบทบาทอย่างไร และมีความสำคัญแค่ไหน โดยพยายามอธิบายกับสังคมว่า ตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากต่อนโยบายการเงินของประเทศเลย จึงมีการตั้งคำถามกลับไปว่า ในเมื่อคิดว่าประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ไม่มีบทบาท และไม่มีความสำคัญใดๆแล้วทำไมรัฐบาลยังดันทุรังเสนอนายกิตติรัตน์ ให้เกิดความขัดแย้งทางสังคมทำไม
“ถ้าคิดว่าไม่มีบทบาทสำคัญ ก็ปล่อยให้มีการสรรหาไปโดยตามปกติ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังไม่ควรเสนอชื่อบุคคลแบบนายกิตติรัตน์ ณ ระนองซึ่งเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนฝ่ายการเมือง ถ้ารัฐบาลชุดนี้ไม่แคร์กระแสสังคม ไม่ฟังเสียงคัดค้านใดๆจากภาคประชาสังคมก็ขอเตือนให้ระมัดระวัง ว่า นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่เกิดจากความท้าท้ายของรัฐบาลเองและเมื่อเกิดความขัดแย้งในหลายประเด็นสะสมแต้มไปเรื่อยๆ ก็อาจจะทำให้รัฐบาลชุดนี้ถึงจุดจบไวขึ้น”นายเทพไท ย้ำทิ้งท้าย
‘สถิตย์’ยันไม่มีใบสั่งทางการเมือง
เช้าวันเดียวกัน นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงการประชุมพิจารณาเลือกประธานกรรมการธปท.ในครั้งนี้ ว่า โดยยืนยันไม่มีใบสั่งและกรรมการคัดเลือกที่ตั้งขึ้นมาไม่เหมือนกับกรรมการสรรหาอื่นๆซึ่งครั้งนี้เรียกว่าการกรรมการคัดเลือกและตั้งจากกฎหมายที่กำหนดไว้ ไม่ใช่ใครก็ได้ ต้องแต่งตั้ง 7 รายจากบุคคลหลากหลายหน่วยงานเช่นปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏีกา เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ผู้ว่าการ ธปท. เลขาธิการก.ล.ต. เลขาธิการคปภ.
“กรรมการคัดเลือกแต่งตั้งมาตามกฎหมาย ไม่มีนัยทางการเมือง ไม่มีใบสั่งทางการเมืองหรือข้อแนะนำทางเมืองใดๆทั้งสิ้น”นายสถติย์ ย้ำ
ชี้ผู้ถูกเสนอชื่อ ไม่มีลักษณะต้องห้าม
นายสถิตยังระบุว่า สำหรับผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นประธานกรรมการธปท.มีข้อกำหนดอยู่ว่านอกจากมีลักษณะต้องห้ามอย่างอื่นแล้ว ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะพ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี,เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงแหน่งในพรรคการเมืองกับดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เว้นแต่พ้นตำแหน่งไม่แล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี”นายสถิต ระบุ
เลื่อน2ครั้งเพื่อพิจารณาข้อมูลทุกด้าน
ทั้งนี้การประชุมคัดเลือกประธานกรรมการธปท.และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้เลื่อนมา 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ต.ค.เนื่องจากฝ่ายเลขานุการฯได้แจ้งว่ามีเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนัดการประชุมซึ่งเป็นข้อมูลหลายเรื่อง รวมถึงคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อบางรายทำให้เลื่อนการประชุมครั้งนั้นออกไปเพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนและให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพส่วนการเลื่อนครั้งที่ 2 คือเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากกรรมการคัดเลือกได้รับเอกสารข้อมูลในวันที่ 30ต.ค.ซึ่งมีเวลาเพียง 5 วันเท่านั้นก่อนวันประชุมจึงจำเป็นต้องเลื่อนเพื่อให้การพิจารณาข้อมูลเป็นไปอย่างครบถ้วน จนมาสู่การพิจารณาคัดเลือกในวันที่ 11พ.ย.แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดทั้งคะแนนเสียง และบุคคลในได้รับการคัดเลือกนั่งประธานกรรมการธปท.โดยอยู่ในขั้นตอนกระบวนการตามกฎหมาย หากกระบวนการต่างๆ เสร็จสิ้น จึงจะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้
ย้ำคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ครบถ้วน
นายสถิตย์ยังกล่าวด้วยว่าช่วงที่ผ่านมามีกระแสต่อต้านบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเข้ามาเป็นหนึ่งในบุคคลคัดเลือกเป็นประธานกรรมการธปท.และให้คำปรึกษาจากอดีตผู้ว่าการ ธปท.และคณะศิษย์หลวงตาพระมหาบัวฯมองว่าเป็นข้อมูลที่ควรรับฟัง แต่เกณฑ์ในการพิจารณาการคัดเลือกได้กำหนดไว้ว่าจะต้องเป็นอย่างไร ซึ่งจะต้องนำมาประกอบในการพิจารณา ทั้งตำแหน่งประธานกรรมการ ธปท.และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
“คุณสมบัติที่เป็นข้อห้ามคือห้ามเข้าไปดำเนินการธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น บริษัทภายใต้ ธปท.แต่ในครั้งนี้ผู้ถูกเสนอชื่อคัดเลือกไม่มีใครมีลักษณะต้องห้าม คุณสมบัติผ่านเกณฑ์ครบถ้วน โดยยืนยันการดำเนินการได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกฎหมายมีการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ชัดเจน จำเป็นต้องมีสมาธิกับสิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้”นายสถิต ย้ำ
ยืนยันทำหน้าที่ด้วยใจเป็นกลาง
และว่าข้อมูลการให้คำแนะนำเป็นข้อมูลประกอบ ข้อมูลต้องปรับเข้ากับข้อกฎหมายว่ากฎหมายกำหนดไว้ว่าอย่างไรจะทำให้ใจเป็นกลาง มุ่งไปสู่การพิจารณาเชิงกฎหมายและตามระเบียบ ยืนยันทำหน้าที่เป็นกลาง หลักนิติธรรมที่เป็นอยู่ ทำหน้าที่จิตใจแน่วแน่ตามเจตนารมณ์ด้วยกฎหมายหากพูดถึงเรื่องความเหมาะสม ตามกฎหมายมาตรา 28/2 คือ ความเหมาะสมจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้และประสบการณ์ของผู้ได้รับการคัดเลือกลักษณะการมีส่วนได้ส่วนเสีย ถูกกำหนดไว้ชัดเจนตามกฎหมาย ซึ่งต้องนำหลักการมาเป็นแนวทางพิจารณา
‘ภูมิธรรม’รอผล‘ปธ.บอร์ดธปท.’
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีรายงานว่าคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย(บอร์ดธปท.)มีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดธปท.ว่าหากเรื่องดังกล่าวยังเป็นเพียงรายงานข่าว อย่าเพิ่งพูดถึงว่าเป็นอย่างไร หากคุยโดยที่ยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรจะสร้างประเด็นเปล่าๆส่วนจะนำรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้เมื่อไหร่ นายภูมิธรรมตอบว่ายังไม่มีการยื่นเรื่องมา ต้องรอให้ส่งเรื่องมาให้เรียบร้อยว่าได้ทำตามกระบวนการเสร็จสิ้นจึงจะนำเข้าพิจารณาตามกระบวนการครม.
เมินเสียงต้าน-ยึดหลักเกณฑ์/ข้อกม.
เมื่อถามถึงมีหลายกลุ่มรวมตัวต่อต้านชื่อของนายกิตติรัตน์ กังวลกับกระแสต้านดังกล่าวหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เมื่อมีกระแสต้าน คนที่เป็นรัฐบาลก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เมื่อมีกระแสต้าน มีข้อเรียกร้อง หรืออะไรเราก็รับมาพิจารณา โดยต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงและกรอบของกฎหมายที่อนุญาตให้ทำ จะไม่ทำอะไรที่ฝืนกับกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ควรจะเป็นเมื่อถามย้ำว่าหากนายกิตติรัตน์มาทำหน้าที่ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ปัญหาต่างๆจะดีขึ้นหรือไม่นายภูมิธรรมตอบว่ายังไม่รู้ว่าเป็นนายกิตติรัตน์หรือเปล่า
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกตามกรอบกฎหมาย
“คณะกรรมการมีการพิจารณาเรื่องคุณสมบัติต่างๆอยู่แล้ว ไม่สามารถทำนอกกรอบได้ หากพิจารณาตามกรอบที่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และผ่านการพิสูจน์ทราบแล้วว่ามีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดก็เป็นไปตามนั้น คณะกรรมการสรรหาว่าอย่างไรจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว”นายภูมิธรรม ย้ำ
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตว่านายกิตติรัตน์เป็นคนการเมือง หากเข้าไปเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติอาจมีผลกระทบตามมานายภูมิธรรมกล่าวว่าอย่าหาว่าเป็นชื่อนายกิตติรัตน์ ทุกคนมีสิทธิ์ถูกคัดเลือกตามกรอบของกฎหมายและคณะกรรมการสรรหาหากอยู่ในกรอบทำได้ก็ควรทำ ส่วนจะเป็นใครนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาตัดสินใจ อย่าเพิ่งไปคุยเรื่องที่ยังไม่รู้จริงว่าผลออกมาอย่างไร
‘พิชัย’ยังไม่ได้รับมติบอร์ดธปท.
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนการคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติใช่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หรือไม่ ว่า ตนยังไม่ทราบ เพียงแต่ทราบตามข่าวเหมือนทุกคน และเห็นช้ากว่าคนอื่นด้วย เพราะขณะนั้นติดประชุมอยู่ ขณะนี้ยังไม่ได้รับมติรายชื่อดังกล่าว ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้คณะกรรมการสรรหาคงแจ้งมาที่ตน และรอดูว่าจะสรุปผลมาให้อย่างไร เมื่อถามย้ำว่า รายชื่อเป็นไปตามข่าวหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ตนคิดว่าคณะกรรมการสรรหาคงไม่บอกใคร ตนก็เห็นตามข่าวเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็รอตามขั้นตอนของกฎหมาย มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
ทุกอย่างมีหน้าที่ชัดเจน-เป็นอิสระ
เมื่อถามว่า หากเป็นชื่อนายกิตติรัตน์จะต้องรับแรงกระแทกและถูกมองว่ามีการเมืองแทรกแซงหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นใครก็เหมือนกัน เพราะหน้าที่ถูกเขียนใน พ.ร.บ.ชัดเจน ว่าประธานบอร์ดและบอร์ดแบงก์ชาติต้องทำหน้าที่อย่างไร และของเดิมแบ่งหน้าที่ไว้ชัดเจนว่าคณะกรรมการชุดใหญ่ดูแลอะไร และ 4 ชุดที่เหลือมีหน้าที่อะไร ฉะนั้น ทุกอย่างมีหน้าที่ชัดเจนและมีความเป็นอิสระ เมื่อถามว่าหากนายกิตติรัตน์เริ่มทำงานในตำแหน่งจะเป็นอย่างไรต่อนายพิชัยกล่าวว่าถ้านายกิตติรัตน์นั่งทำหน้าที่ตรงนั้นก็ต้องทำหน้าที่ให้กับธปท.ยืนยันว่าใครทำหน้าที่ไหนก็ต้องปฎิบัติหน้าที่ให้ที่นั่นซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบ
ชี้ปธ.บอร์ดธปท.โปร่งใส/ไร้แทรกแซง
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบอร์ดธปท.เคาะชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่ว่าส่วนตัวยังไม่รู้ ยังไม่รู้จริงๆกระบวนการมันยังไม่ถึง ยังต้องรอ เป็นความลับและต้องส่งมาที่ รมว.คลังส่วนมีความกังวลหรือไม่ว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง นายจุลพันธ์ ยืนยันว่าไม่กลัว ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและมีกฎหมายรองรับ เราไม่รู้ว่าผลออกมาอย่างไรแต่สุดท้ายทั้งหมดเป็นกระบวนการที่โปร่งใส ไม่ได้ไปแทรกแซงใดๆจะเป็นชื่ออะไรก็เชื่อว่าคนที่จะมาเป็นคนที่สามารถทำงานร่วมกับทาง ธปท.ได้อยู่แล้ว ส่วนจะนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อรับทราบหรือเห็นชอบนั้นนายจุลพันธ์บอกว่า”ไม่รู้ ไม่แน่ใจ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี