‘อนุทิน’รับลูก‘บิ๊ก สทร.’พรรคร่วมรัฐบาลเอกภาพแน่นปึ้ก แข็งขันสามัคคี เป้าหมายเดียวกัน ผนึกทำประโยชน์ประชาชน - ประเทศ หลัง'ทักษิณ'ชมพรรคร่วมสามัคคีกันดี งงพวกบ่างวงนอก จับ‘พท.-ภท.’โยงขัดแย้งปม‘เขากระโดง’ ลั่นไร้เหตุผลต้องปกป้องผลประโยชน์ใคร โอดกว่าจะนั่งคุม‘มท.’แทบตาย ยันจะไม่ให้ใครมาด่าสาดเสียเทเสีย
เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2567 ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปปราศรัยที่จ.อุดรธานี โดยระบุน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายอนุทินเรื่องการปราบปรามยาเสพติดว่า คุยกันอยู่ทุกวัน ตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ การป้องกัน ปราบปรามทำลายล้างยาเสพติด เป็นนโยบายที่ทางพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคภูมิใจไทย เห็นพ้องต้องกันแบบไม่มีข้อแตกต่าง มุ่งมั่นตั้งใจ ปราบปรามยาเสพติดให้ได้มากที่สุด ซึ่งการจะบอกให้ปราบปรามโดยสิ้นซากคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้ผลิตในประเทศไทย แต่ยาเสพติดเหล่านี้ถูกผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งที่เราทำได้คือการสร้างอุปสรรคทุกอย่าง ในการลำเลียงขนส่งยาเสพติด เข้ามาในประเทศไทย จะเห็นได้จากข่าวว่ามีการจับกุม ทำลายล้าง ดำเนินคดี เพื่อไม่ให้ยาเสพติดเหล่านี้เข้ามาในประเทศไทยทุกรูปแบบ
เมื่อถามว่าการกวาดล้างจะเข้มข้นเหมือนยุคที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องเอาให้เข้ม น.ส.แพทองธาร มีความเกลียดชัง รังเกียจ การค้ายาเสพติด ไม่น้อยกว่านายทักษิณ รวมถึงนายเศรษฐาด้วย ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ทำอยู่ตลอดทุกจังหวัด
เมื่อถามว่าได้ประเมินหรือไม่ หลังนายทักษิณเริ่มลงพื้นที่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าคนไทยทุกคน ถ้าคิดจะทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ทำแล้วประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนช่วยกันทำประเทศไทยจะดีขึ้น
เมื่อถามว่าจะสะท้อนภาพรัฐบาลแน่นปึ้ก เพราะนายทักษิณ ระบุ ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็สามัคคีกันดีอยู่ นายอนุทินกล่าวว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ภาพรวมเป้าหมายต้องเหมือนกัน ซึ่งการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเป้าหมายหลักคือประชาชนและประเทศชาติ ตรงนี้เหมือนกันแน่นอน ส่วนการดำเนินการ ก็เป็นไปตามภารกิจของแต่ละกระทรวง ซึ่งร่วมกันขับเคลื่อนอย่างดี อย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม จะเดินทางไปต่างประเทศและในสัปดาห์หน้าจะมีเรื่องสำคัญเข้า ครม. โทรศัพท์ มาบอกตน รบกวนฝากให้พิจารณา และผ่านความเห็นชอบ ในฐานะที่เป็นรักษาการแทนนายสุริยะ พอตนอ่านดูแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ ตนก็เซ็นให้ ไม่เคยคิดอะไรที่เป็นเรื่องการเมือง ตรงนี้ทำไปแล้วพรรคตนจะเสียคะแนน พรรคท่านจะได้คะแนน ตนไม่เคยคิด เป็นรัฐบาลก็คือรัฐบาล หากทำดีอานิสงส์ก็ปกแผ่ไปหมด
เมื่อถามว่าการที่นายทักษิณ ออกมาระบุเช่นนี้เป็นการสยบข่าว ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยกรณีเขากระโดงหรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เคยมีความขัดแย้ง มันไม่เคยมีความขัดแย้ง ตนถึงได้พูดว่าเปลี่ยนชื่อเป็นบ่างกันหรือยัง เพราะเรื่องความขัดแย้ง เป็นการคาดคะเนของคนที่ไม่อยู่ในวง มันมีตรงไหนที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้ง หากบอกว่า มีประเด็นความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยในช่วงสองสัปดาห์อาทิตย์ที่แล้วตนยังได้มีโอกาสตามนายกฯ ไปประชุมที่คุณหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ท่านให้เกียรติตนตลอดเวลาแล้วจะมีความขัดแย้งตรงไหน
“ผมไม่เข้าใจ ที่มีคนกล่าวว่า เพื่อไทยเอาคืนภูมิใจไทย เรื่องเขากระโดง ผมขอถามว่า พรรคเพื่อไทยจะเอาคืนพรรคภูมิใจไทยเรื่องอะไร เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยเรื่องของกระโดงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายปฏิบัติตามคำสั่งศาล ปฏิบัติตามกฏหมาย และระเบียบของกรมที่ดิน และไม่ต้องกังวลเรื่องตัวของผมเองเลย แม้แต่ตารางมิลเดียวอย่าว่าแต่ตารางวาเลย ที่เขากระโดงไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีเหตุอะไร ที่ผมต้องไปปกป้องผลประโยชน์ของใคร อยู่กระทรวงมหาดไทย กว่าจะมาได้แทบตาย เสร็จแล้วจะไปปกป้องผลประโยชน์ให้คนมาด่าสาดเสียเทเสีย ต่อให้พ้นตำแหน่งไปก็ยังโดนตราบาปไปตลอดชีวิต จดเอาไว้เลยว่า ไม่มีกับคนชื่ออนุทิน ผมไปไหนต้องทำให้คนจำถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้ที่ได้ทำเอาไว้” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แนะนำให้กรมที่ดิน และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พูดคุยกันเพื่อเจรจาหาข้อยุติในเรื่องนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา และตั้งคณะกรรมการร่วมกัน ส่วนที่บอกว่าคณะกรรมการตามมาตรา 61 ไม่มี การรถไฟฯ เพราะต่างคนต่างเป็นคู่กรณี แต่เขามีกรรมการแยกต่างหากแล้วค่อยไปตั้งกรรมการร่วมกัน ฉะนั้นขออย่านำเรื่องนี้มาโยงกับรมว.มหาดไทย เพราะเรื่องพวกนี้จบในกรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและสั่งการกรมที่ดินให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบทุกอย่างไม่มีการเอื้อหรืออำนวยความสะดวกให้กับใคร ส่วนจะจบอย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้นไม่ต้องมารายงานรัฐมนตรีเพราะหากไม่เป็นไปตามกฎหมายก็ต้องมีคนร้องคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือหากการรถไฟ ยังไม่พอใจก็ไปฟ้องศาลต่อซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า หลายเรื่องที่มีการนำเสนอข่าวออกไปผิดหมดเลย ยกตัวอย่าง กรณีการลาออกของอดีตอธิบดีกรมที่ดิน ที่มีการอ้างว่าถูกแรงกดดัน จึงลาออกเพราะไม่อยากเข้าคุก ซึ่งไม่เป็นเรื่องจริง เนื่องจากต้องการไปดูแลภรรยาที่ป่วย และเมื่อเขามีความจำเป็นก็ต้องเคารพการตัดสินใจ เพราะมองว่าการเสนอข่าวต้องมีความแม่นยำข้อมูลให้มากกว่านี้ และแหล่งข่าวไม่ต้องไปหาที่ไหน เพราะตนให้สัมภาษณ์รายวันอยู่แล้ว เจอผู้สื่อข่าวก็วิ่งเข้าหาทุกที ไม่เคยให้ต้องมาตาม เราต้องมาคุยกันแบบนี้ อย่าไปฟังตรงโน้นทีตรงนี้ที และเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในการบริหารราชการแผ่นดิน คุณไม่ได้เดือดร้อน ตนไม่ได้เดือดร้อน แต่คนเดือดร้อนคือประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จะเป็นการไปหาข้อมูลเพื่อเตรียมล้มรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลหากดูสถิติจะล้มกันเองในรัฐบาล ไม่เคยล้มจากข้างนอก เพราะฉะนั้นคนในรัฐบาลต้องทำลายสถิติ ต้องรักต้องสามัคคีทำงานเพื่อชาติและประชาชน มันก็จะไม่มีอะไรล้มได้
เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระใช่หรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เป็นเป้าหมายเราอยากจะทำงานให้สืบทอดนโยบายต่างๆ ให้สำเร็จ อยู่ได้แค่ไหนก็แค่นั้น แต่เป้าหมายคือต้องอยู่ทำงานให้เป็นรูปธรรม และสำเร็จ พร้อมขอว่าอย่ายุ เพราะมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะมันเป็นเรื่องของการทำงานอย่างไรก็ไม่มีปัญหา หลักคือต้องทำไปตามกฎหมาย และเพื่อประชาชน กับประเทศชาติ ไม่ผิดระเบียบจารีต วัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งทุกคนก็ยึดถืออยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี