"ทักษิณ"วิเคราะห์"รัฐบาล"อยู่ครบเทอม เชื่อพรรคร่วมเห็นต่างแต่คุยกันได้ มองคดีร้อง"นายกฯ"ไม่เป็นอุปสรรค ชี้กฎหมาย"เฮงซวย"เพราะ"เขากลัวผม" ซัดพวกที่อิจฉาต้องมีสปิริต แข่งขันจบคือจบ เฉไฉกิน"มาม่าบ้านจันทร์"อร่อย จึงโฆษณาให้
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ที่ร้านอาหาร VT แหนมเนือง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการขึ้นเวทีปราศรัยในวันนี้ ว่า พอขึ้นเวทีแล้วรู้สึกว่าอายุ เหมือน 25 แต่พอลงมาแล้วคืออายุ 75 ปี ซึ่งที่ตนพูดไปก็ขึ้นอยู่กับคนฟัง ถ้าคนฟังเขาอยากฟัง ก็มีความสนุกสนาน ก็มีอารมณ์อยากจะพูดด้วย
เมื่อถามต่อว่า ดูเหมือนการขึ้นเวทีปราศรัย เครื่องเริ่มติดแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เครื่องติด แต่พอกลับไปถึงโรงแรมก็หลับ (พร้อมกับทำท่านอน)
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีการย้ำหลายครั้งว่าตัวเอง "กลับมาแล้ว" บนเวทีปราศรัยนั้น มีอะไรที่เป็นปัจจัยใหม่ ให้ตัดสินใจกลับมาขึ้นเวทีทางการเมือง ทั้งๆ ที่เคยบอกว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไร แค่อยากช่วยบ้านเมือง ในฐานะที่คนเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นคนไทย มันก็อดไม่ได้ที่จะห่วงใยบ้านเมือง เห็นอะไรไม่ดีก็อดไม่ได้ จึงต้องตั้งตำแหน่งให้ตัวเอง ว่า "สทร." (เสือกทุกเรื่อง) ด้วยความห่วงใย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวานบนเวทีได้มีการพูดถึงความสามัคคี แต่ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสว่า รัฐบาลอาจจะไปไม่รอด เรื่องสัมพันธภาพ อาจจะยุบสภา หลังตรุษจีนปีหน้า ลองวิเคราะห์การเมืองให้ฟังหน่อย นายทักษิณ กล่าวว่า เท่าที่ตนวิเคราะห์ คิดว่าน่าจะอยู่ครบเทอม ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นปัญหา พรรคร่วมเห็นต่างกันถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงเวลาเขาก็คุยกันรู้เรื่องหมด นายกฯ เชิญแต่ละพรรคร่วมมาพูดคุยกัน ก็รู้เรื่องหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีความต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีโดนร้อง จะเป็นอุปสรรคทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย บ้านเรา กฎหมายอยู่ที่คนจะตีความ ถ้าคนอยากจะหาเรื่องมันก็คิดหาเรื่องได้ทุกวัน อย่าไปให้ความสำคัญมาก เราทำอะไรให้ถูกต้อง ก็พอแล้ว
เมื่อถามต่อว่า บนเวทีปราศรัยใช้คำว่า "กฎหมายเฮงซวย" ทำให้เกิดปัญหา มีคนขี้อิจฉา ตอนที่พูดนั้น คิดถึงเรื่องอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า ตนจำไม่ได้ แต่กฎหมายบ้านเรา ไปแก้โดยมองคนมากไป ช่วงนั้นเขากลัวผม พยายามเขียนกฎหมายกันนั่นกันนี่ แต่กันไม่ได้ กันผมแค่คนเดียว กลายเป็นกันระบบ แทนที่จะมีคนมาช่วยทำงานให้บ้านเมือง คนตั้งใจและมีความปรารถนาที่ดี มีความคิดดีๆมาช่วยกัน ก็จะมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ก็กลายเป็นว่าไม่มีใครอยากเข้ามา เมื่อไม่มีใครอยากเข้ามา ก็ได้คนที่มีคุณภาพไม่พอ เข้ามาแก้ปัญหาประเทศ ขณะที่ทั้งโลกพยายามระดมคนหัวดีมาช่วยงานกัน แต่บ้านเราบอกอันนี้ไม่ใช่พวกกู ไปเถอะ เอาเฉพาะพวกเดียวกัน พวกกูเท่านั้น แบบนี้มันไม่ได้ ต้องเห็นแก่ส่วนรวม
เมื่อถามว่า ที่พูดบนเวทีว่ามีคนอิจฉาหมายถึงใคร หรือกลุ่มใด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้ว่าทุกคนเดาได้ การแข่งขันทุกอย่างต้องมีกติกา เมื่อจบการแข่งขันทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากัน มีสปิริตความเป็นนักกีฬา ไม่ใช่บอกว่าบอลแข่งแพ้ แล้วควักปืนยิงอย่างนี้มันใช้ไม่ได้
เมื่อถามว่า โครงสร้างของราชการเทอะทะเกินไป ควรจะแก้ไขอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ระบบราชการเราขยายในช่วงที่ตนไม่อยู่ 17 ปีแล้ว ส่วนราชการที่มากคือส่วนภูมิภาค ซึ่งเยอะเกินไป แทนที่จะกระจายอำนาจให้ประชาชนมากขึ้น กลับไปเพิ่มอำนาจให้ภาครัฐ ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชน ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายสูง ระบบราชการเทอะทะ และประชาชนไม่มีสิทธิ์มีเสียงสักที
เมื่อถามว่า ที่พูดบนเวทีว่ากลางปีประเทศไทยจะมีแสงสว่าง จะมีอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า เชื่อว่างานที่นายกฯ คุยกับตนจะเริ่มเห็นความชัดเจนขึ้น ซึ่งนายกฯจะแจ้งก่อนสิ้นปีนี้ และก็จะสัมฤทธิ์ผลแทบทุกอย่าง ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงการแก้ไขปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน
นายทักษิณ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่เคยให้สัมภาษณ์ที่วัดคลองครุว่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เข้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อกินมาม่า โดยระบุว่า "ผมบอกแล้วว่ามาม่าอร่อย ผมโฆษณาให้มาม่า" เมื่อถามว่า ระหว่างดูแลครอบครัวชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ให้ยิ่งใหญ่จะต้องทำอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่ต้องทำอะไรเลย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี