”ทักษิณ“ ย้ำพรรคร่วมรัฐบาลลงสัตยาบันไม่แตะ ม.112 หลังเสียงแตกปมพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โอดตัวเองก็ตกเป็นเหยื่อเพราะถูกหมั่นไส้ เผยเคยคุยกับ ”ธนาธร“ ขอให้ช่วยกันทำเพื่อบ้านเมือง แต่อย่ารื้อโครงสร้างมากเกินไป ชี้บางทีจุดที่โฆษณาอันตรายกว่าความตั้งใจ แนะหากจะแก้กฏหมายที่ไม่ดี ควรทำทีละขั้นตอน ไม่ใช่ไม่ทำเลย
เมื่อเวลา 12.25 น.วันที่ 14 พ.ย.67 ที่อุดรธานี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ได้พูดบนเวทีปราศรัยในเรื่องความเท่าเทียมและโอกาส จะเป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้กับนักโทษทางการเมืองคนอื่นๆ ได้อย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องนี้มีความซับซ้อนหลายอย่าง ที่จริงแล้วเรื่องการเมือง หลังจากการปฏิวัติ ที่ตนโดนปฏิวัติ ก็ไล่ห้ำหั่นกันในทางการเมือง และต่อมาที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดนปฏิวัติ ก็เหมือนกัน หลังจากนั้นก็ผสมโรงด้วยคนต่างๆ ซึ่งวันนี้ตนจะพูดบนเวทีปราศรัยและจะมีความชัดเจนมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนิรโทษกรรมที่ดูเหมือนพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย ในประเด็นมาตรา 110 และ 112 นายทักษิณ กล่าวว่า คดี 112 เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัตยาบันไว้ว่าเราจะเทิดทูนสถาบันฯ เราจะไม่แตะเรื่อง 112 แต่จริงๆแล้วปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ตนก็เป็นเหยื่อรายหนึ่ง และการบังคับใช้กฎหมาย สมมุติว่า คนที่รับคดีครั้งแรกบอกว่าเดี๋ยวจะหาว่าไม่จงรักภักดี ก็ฟ้องไปก่อน ทั้งที่หลักฐานไม่มี คนที่สองบอกว่าถ้าไม่ฟ้องเดี๋ยวโดนอีก ก็ฟ้อง โดยที่ไม่ได้ดูความถูกต้องของพยานหลักฐาน จึงทำให้การจงรักภักดีและรักสถาบันไม่ถูกต้อง การจงรักภักดีที่ถูกต้อง คือการรักษากฎหมายที่เป็นธรรม นี่คือสิ่งที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ง่าย ในการแก้ซึ่งต้องใช้เวลา
เมื่อถามว่าในสมัยหน้า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนจะผลักดันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่อยากไปให้ความเห็นในเรื่องนี้ ไม่อยากมีบทบาท เดี๋ยวจะหาว่าเพราะคนนั้นคนนี้ ถ้าเราอยู่บนหลักการทุกอย่างมีทฤษฎี มันก็จะไม่เป็นแบบนี้ แต่เนื่องจากว่า เราไปมองว่าเป็นเรื่องของพวกใครพวกมันมากกว่า มันถึงได้เป็นปัญหา ถ้าเมื่อไหร่เราจิตใจนิ่งสงบ คิดถึงหลักการเป็นหลักไม่คิดถึงพวกใครพวกมัน ก็จะดีขึ้น
เมื่อถามว่า มองว่าอะไรที่ทำให้ข้อหาไม่จงรักภักดี ใช้ได้ผลเสมอในทางการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า “ก็การเมืองไง ดูสิ ผมนี่โดนหนักที่สุด ทั้งๆที่เป็นคนที่ถวายงานที่สุด แต่ด้วยความหมั่นไส้ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา"
เมื่อถามต่อว่า ในแต่ละเหตุการณ์มีบริบทเหมือนหรือต่างกัน อย่างไร ทั้งเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 ปี 2557 จนถึงพรรคการเมืองโดนยุบเพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 นายทักษิณ กล่าวว่า จริงๆแล้วตนเคยคุยกับนายธนาธรว่าตนก็โดน 3 พรรค ต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ดังนั้นขอให้เราช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ถ้าเราแก้ปัญหาด้วยหลักการ และเอาบ้านเมืองให้อยู่ได้มันจะดีที่สุด อย่าไปคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่คนไทยเคารพนับถือ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของสถาบัน เราต้องจรรโลงอย่างเดียว ตนไม่ได้บอกว่านายธนาธร หรือพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี แต่ต้องยึดหลักให้ถูกต้อง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางทีจุดที่โฆษณามันอันตราย กว่าความตั้งใจที่จะทำ
เมื่อถามว่าถ้าจะแก้ปัญหาโดยไม่แตะโครงสร้าง จะมีวิธีการอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ต้องทำตามหลักการของกฎหมาย ถ้ากฎหมายไม่ดีก็ต้องแก้ไขกฏหมายไปที่ละขั้นตอน ไม่ใช่บอกว่ากฎหมายไม่ดีต้องไม่ทำเลย เพราะกฎหมายมันมีอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี