‘จตุพร’ฉะ‘ทักษิณ’ปราศรัยหาเสียงอุดรธานี ด้วยกระบวนท่า สทร. แต่ไม่เสนอนโยบายพัฒนาท้องถิ่น งัดกลยุทธ์ตอกย้ำสร้าง‘พรรคประชาชน’เป็น‘ปีศาจใหม่’เพื่อให้‘เพื่อไทย’หลุดรอด‘ปีศาจเก่า’ โชว์ลีลาดาบตระบัดสัตย์ไร้ปรานีฟาดฟันนักร้อง แบ่งซีกดูถูกหยามเหยียด แยกคนอยู่ส่วนคน หมาอยู่ส่วนหมา
15 พฤศจิกายน 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ย.67 เชื่อว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปอุดรธานี ไม่ได้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. แต่ต้องการเล่าความหลังสื่อสารการเมืองมวลชนหวังปลุกพลังเก่าให้ลุกตื่นขึ้น จึงแสดงถึงอารมณ์ตรึงเครียดซ่อนลึกในใจกับปัญหาการร้องเรียนจากบรรดานักร้องต่างๆ กำลังกระชับเร่งเข้ามาทุกขณะ
อีกทั้งกล่าวว่า การหลุดคำพูดเชิงดูถูกคน โดยเน้นเสียงหยามเหยียด อย่าไปสนใจกับพวกนักร้องเรียนที่คอยจับผิดหาเรื่อง พร้อมแยกแบ่งเป็นคู่ตรงข้ามให้คนอยู่ส่วนคน หมาอยู่ส่วนหมา และตั้งตัวเองเป็น สทร. หรือ เสือกทุกเรื่องของรัฐบาลลูกสาว
ส่วนทักษิณพูดถึงธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เรื่องดีลฮองกง ซึ่งเสนอแนะไม่ให้รื้อโครงสร้างใหญ่ ไม่แตะ ม.112 นั้น นายจตุพร กล่าวว่า เท่ากับผลักพรรคประชาชนให้เป็นปีศาจตัวใหม่ เพื่อตัวเองได้หลุดพ้นจากปีศาจ สิ่งนี้สะท้อนว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคสกัดกั้นพรรคปีศาจใหม่ที่สร้างขึ้นมาไม่ให้มีฤทธิ์เดชรื้อโครงสร้างสังคมได้
อย่างไรก็ตาม แม้สร้างปีศาจตัวใหม่ขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกนโยบายล้วนสร้างความอยากให้ประชาชนทั้งสิ้น แค่พูดหาเสียงจะแจกเงินหมื่นให้ผู้สูงอายุ ถัดมาอีกวัน รมต.คลังขานรับทันที่ แทนที่ให้ รมต.คลังพูดก่อนแล้วทักษิณพูดที่หลัง ย่อมจะไม่ถูกตีความพฤติกรรมครอบงำได้
นายจตุพร กล่าวว่า อีกทั้งการพูดไม่ชอบหน้าพ่อค้ายาเสพติด บ่งบอกจะทำสงครามปราบปรามยาเสพติดแบบฆ่าตัดตอน 2,500 ศพกันต่อหรือไม่ ถ้าจะทำเช่นนี้อีกคงต้องเลิกกฎหมายแล้วใช้วิธีศาลเตี้ยเพื่อจับมาฆ่ากัน สิ่งชัดเจนในการไปอุดรครั้งนี้ เท่ากับเป็นการปฏิบัติการทางการเมืองอย่างครบถ้วน เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นด้วยการหลอกลวงจะกลับมาเลี้ยงหลาน ไม่ติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว แล้วทุกเรื่องที่ก่อขึ้นนับตั้งแต่กลับไทยกำลังมาถึงจุดต้องยุติแล้ว
นายจตุพร ระบุว่า อีกอย่าง ศาล รธน.จะวินิจรับคำร้อง 6 ประเด็นของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ย่อมบ่งชี้ถึงอนาคตทักษิณ พรรคเพื่อไทย รวมถึงอาจจะสั่งให้นายกฯ ยุติการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะมีกรณีสนามกอล์ฟอัลไฟน์ ซึ่งเป็นคดีสำเร็จรูปรอเล่นงานอยู่ ปรากฏการณ์ไปหาเสียงอุดรขณะนี้ ดูเหมือนคนเสื้อแดงเจ็บไม่จำและพร้อมให้ถูกหลอกอีก โดยไม่จดจำคำพูดที่เคยให้ไว้ แต่ทักษิณทำไม่ได้สักเรื่อง อย่างไรก็ตามความนิยมที่เกิดขึ้นตั้งแต่เป็นนายกฯ เมื่อปี 2544 แล้วออกนอกประเทศนาน 17 ปี ยังคงรักษาความศรัทธาของประชาชนเอาไว้ได้ด้วยดี
“แต่เมื่อกลับไทยนับแต่ 22 ส.ค. 2566 ได้ทำลายความศรัทธาอย่างรวดเร็วมากที่สุด เพราะไม่ยอมติดคุก ทั้งที่สำนึกกระทำผิดจริงในการยื่นฎีกาขออภัยโทษ ดังนั้น คำว่าอภิสิทธิชน สองมาตรฐานจึงกลายเป็นหอกพุ่งใส่ตัวทักษิณเสียเอง”
นายจตุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยที่ขายจุดยืนประชาธิปไตย แต่เมื่อตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว ไม่ปฏิบัติตรงตามคำพูดหาเสียงไว้กับประชาชน ทำให้ความรู้สึกของประชาชนไม่เหมือนเดิมอีก แล้วกระทบถึงเสียงจากเลือกตั้งไม่เหมือนเดิมอีกเช่นกัน ดังนั้น ย่อมไม่สามารถอ้างถึงสองมาตรฐาน ความยุติธรรม รัฐประหารและประชาธิปไตยได้อีกต่อไป
“วันนี้ไม่ใช่การยึดอำนาจเป็นปัญหาอย่างเดียว แต่ประชาธิปไตยทุจริตก็เป็นปัญหา ทักษิณพึ่งต้องรู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บ้านเมืองเป็นอยู่กันเช่นนี้ แม้จะพูดดูถูกคนให้คนอยู่ส่วนคน หมาอยู่ส่วนหมา ซึ่งจะว่าใครไม่รู้ แต่การร้องถึงคนกระทำผิดตาม รธน.และกฎหมายที่เกี่ยวข้องย่อมเป็นสิทธิ ถ้าไม่ได้ทำผิดแล้ว จะกลัวอะไร”
นายจตุพร กล่าวว่า ช่องทางประชาชน ถ้าไม่ลงถนนก็มีเพียงใช้สิทธิร้องทางการเมืองตาม รธน. เพื่อลดความสูญเสีย ถ้าไม่ให้ร้องตามสิทธิแล้ว ประชาชนมีทางเดียวคือลงถนน ดังนั้นการใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ถ้าไม่พร้อมจะถูกตรวจสอบก็อย่ามาเป็นนักการเมือง การยื่นคำร้องหลายหลากกรณีนั้น ถ้าตัวเองบริสุทธิ์จริงย่อมทำอะไรไม่ได้ หากทำผิดกฎหมายแล้วผู้ร้องก็มีสิทธิ ถ้าไม่เห็นด้วยต้องไปแก้กฎหมายไม่ให้ร้องเรียนใดๆ กับนักการเมืองในประเด็นการทุจริตชาติบ้านเมือง
นายจตุพร กล่าวว่า ยังจำไม่ได้หรือ รธน. 2540 ปิดช่องทางการตรวจสอบจนนำไปสู่การพังทลายของพรรคไทยรักไทยที่ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว 377 เสียง เหลือฝ่ายค้านมีเสียง 123 จนไม่สามารถอภิปรายนายกฯ ได้ เมื่อสภาแตะต้องนายกฯ ไม่ได้ จึงทำให้การเมืองขยับออกมาอภิปรายบนถนน วันนี้คณะยื่นคำร้องใช้อำนาจตาม รธน.เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ จึงเป็นสิทธิ หากไม่ชอบให้ถูกตรวจสอบ โดยบอกให้คนอยู่ส่วนคน หมาอยู่ส่วนหมา แล้วใครคือหมา คือเป็นคน ซึ่งยังสรุปไม่ได้ ดังนั้น ถ้านักการเมืองไม่พร้อมจะถูกตรวจสอบอย่าเสนอหน้า อย่าสะเออะมาเป็นนักการเมือง วันนี้ทักษิณ ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต แต่ทำตัวปราศรัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจ เป็นผู้นำ ทั้งที่ตัวเองแค่ผู้ช่วยหาเสียงนายก อบจ. แต่นโยบายเกี่ยวกับ อบจ.ไม่มีสักข้อ
“การหาเสียงนายก อบจ.เป็นเพียงสิ่งบังหน้าเท่านั้น แต่ถ้ามาปลุกการต่อสู้อีกครั้งย่อมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะคนที่เคลื่อนไหวเพื่ออุดมการณ์ เพื่อบ้านเมืองจริงๆ นั้น ไม่มีใครจะยอมรับได้ เพราะความไม่ซื้อตรง ไม่เป็นไปตามคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่ว่าคนเป็นหรือคนตายก็ตาม ดังนั้น วันนี้เท่ากับไปแหวกหญ้าให้เห็นอารมณ์ตรึงเครียดกันอย่างเต็มที่”
นายจตุพร กล่าวว่า ในส่วนพรรคประชาชนถ้าฟังทักษิณพูดถึงดีลฮ่องกงแล้วไม่เข้าใจ คุณจะเป็นผู้แพ้ในระยะเวลาต่อไป วันนี้เขาขยี้เพื่อโยนทั้งหมดมาที่พรรคประชาชนให้เป็นสิ่งเลวร้าย เพื่อตัวเองจะได้อยู่รอดต่อไป สิ่งนี้เป็นดาบไร้ปรานี ดังนั้น พรรคประชาชนต้องลุกขึ้นมาฟาดเอาจริง ด้วยท่วงทำนองแข็งแรง เพียงแต่จะคิดได้หรือไม่เท่านั้นเอง
นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์หลังจาก 22 พ.ย.นี้ ถ้าทักษิณ ใจแข็งอยู่ได้ถึงวันนั้น เพราะทุกอย่างกำลังใกล้ตัว และอะไรที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติกรณีชั้น 14 เต็มไปด้วยความพิรุธมากมาย รวมทั้งการไม่ปฏิบัติตามพระบรมราชโองการฯ และคำพิพากษาแล้ว บ้านเมืองจะอยู่กันอย่างไร
“วันนี้ ประเทศเรายอมรับคนทุจริตมาเป็นผู้นำจิตวิญญาณของประเทศนี้ได้อย่างไร จะสร้างชาติได้อย่างไรกันกับคนเก่งแต่โกงชาติ ในวันข้างหน้าเมื่อพูดถึงขั้นว่าหมาเห่าหอน คนอยู่ส่วนคน หมาอยู่ส่วนหมา มันสะท้อนถึงความตึงเครียดสุดขีดอยู่แล้ว”
นายจตุพร กล่าวว่า แม้คนยืนข้างประเทศจะไม่ได้ประโยชน์อื่นใด แต่การยืนข้างบุคคลที่มีเรื่องมัวหมองตำตานั้น ถึงได้เงินก็ไม่ได้ใช้ แล้วอาจจบลงที่ติดคุกด้วย ดังนั้น ทักษิณไปอุดรไม่ได้ไปหาเสียง แต่ต้องการสื่อสารเพื่อปลุกส่วนต่างๆ ให้ตื่นขึ้น และแสดงถึงว่า วิมานที่เป็นอยู่ไมได้เขียวตามที่เข้าใจ ถ้าเขียวจริงคงได้รับอนุญาตจากศาลให้ออกนอกประเทศตามที่ขอไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี