ปัดเคลียร์‘ทักษิณ’/เดินหน้ารื้อโครงสร้าง
‘ธนาธร-พิธา’ยังห้าว
‘ไอติม’ชงรื้อก.ม.หลายฉบับ
ยันวืดร่วมรบ.ไม่เกี่ยว ม.112
ปัดเฉยไม่เคยนำไปใช้หาเสียง
‘ประเสริฐ’ชี้ปมร้อนทำดีลล่ม
“ธนาธร” นั่งไม่ติด! โต้เดือด “ทักษิณ” ซัดกลับเจ้าตัวรู้ดีที่สุด ว่าทำไม “ก้าวไกล-เพื่อไทย” ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ยันไม่เกี่ยวกับมาตรา 112 แต่ถูกใช้เป็นข้ออ้างต่างหาก อ้างไม่เคยใช้เรื่อง 112 เรียกคะแนนนิยมช่วงเลือกตั้งชี้พูดคลุมเครือแบบนี้ทำให้คนเข้าใจผิด พร้อมย้ำจุดยืนถ้าไม่แก้ปัญหาโครงสร้าง ก็ปะผุประเทศไทยกันต่อไป ลั่นถ้าจะให้ประเทศเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ต้องทำให้คนในสังคมมีวุฒิภาวะ กล้ายอมรับปัญหา และเผชิญหน้าหาทางออกร่วมกัน ‘พิธา’ รับคำท้า ‘ทักษิณ’ ยกเลิกกฎหมายล้าหลัง ย้ำ ม.112 มีปัญหาในการบังคับใช้ ‘ไอติม’ ยัน‘ปชน.’ชงยกเลิกกฎหมายเก่าหลายฉบับ แต่‘พท.’ไม่ร่วมมือ ‘อนุทิน’ไม่รู้ 2 พรรคใหญ่ ร่วมรัฐบาลไม่ได้เพราะปมแก้ ม.112 เหตุ‘ภท.’ยังไม่อยู่ในสมการ ‘ประเสริฐ’รับ ม.112 เป็นหนึ่งในเงื่อนไขร่วมรัฐบาลก้าวไกลไม่ได้ ยัน‘ ทักษิณ-ธนาธร’ไม่เกี่ยวตั้งรัฐบาลปี 66
จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ย้ำพรรคร่วมรัฐบาลลงสัตยาบันไม่แตะ ม.112 พร้อมยอมรับเคยคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขอให้ช่วยกันทำเพื่อบ้านเมือง แต่อย่ารื้อโครงสร้างมากเกินไป ชี้บางทีจุดที่โฆษณาอันตรายกว่าความตั้งใจ แนะหากจะแก้กฏหมายที่ไม่ดี ควรทำทีละขั้นตอน ไม่ใช่ไม่ทำเลย ตามจข่าวที่เสนอไปแล้ว
“ธนาธร”ยันไม่เคยคุย“แม้ว”ปมแก้112
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงเรื่องแก้ไข ม.112 ว่า คุณทักษิณรู้ดีที่สุด ว่าเหตุผลที่ก้าวไกลและเพื่อไทยไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 เลย สิ่งที่คุณทักษิณกล่าว อาจทำให้คนทั่วเข้าใจไปได้ว่าผมเคยคุยกับคุณทักษิณเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือมีความคิดรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันเรื่องนี้เลย การพูดคลุมเครือแบบที่คุณทักษิณกล่าวในวันนี้ ยังเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งต่อพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน เพื่อพยายามสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชนว่าเหตุที่ดีลร่วมรัฐบาลล่ม เป็นเพราะพรรคก้าวไกลไม่ยอมลดราวาศอกเรื่อง 112
ชี้ ม.112ไม่ใช่เงื่อนไขร่วมรัฐบาล
“112ไม่ใช่เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ไม่ใช่ว่าก้าวไกลเสนอให้การแก้ไข 112 เป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล และเมื่อถูกทักท้วงจากพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นแล้วก็ไม่ยอมถอย 112ไม่เคยอยู่ในเงื่อนไขตั้งแต่แรกต่างหาก
ไม่มีอยู่ใน MoU ร่วมรัฐบาลที่เซ็นร่วมกันและเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะ คุณทักษิณรู้ดีที่สุด ไม่ใช่แกนนำก้าวไกลมุทะลุ ไม่มีวุฒิภาวะ แต่มีเหตุผลอื่นที่จะไม่ร่วมกัน แล้วใช้ 112 เป็นข้ออ้างต่างหาก ในทางกลับกัน คุณทักษิณเอง น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา” นายธนาธร กล่าว
ย้ำไม่เคยใช้112เรียกคะแนนเลือกตั้ง
นายธนาธร ยังย้ำว่า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล เราไม่เคยโฆษณาหรือใช้เรื่อง 112 เป็นประเด็นหลักในการรณรงค์เพื่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง เราตอบ หรือพูดเรื่อง 112 อย่างซื่อตรง เมื่อถูกสื่อมวลชน หรือประชาชนถามเท่านั้น ผมทราบดีว่าการแก้ไขปัญหาโครงสร้างที่สั่งสมมาหลายสิบปีของประเทศไม่ใช่สิ่งที่ “ลัดขั้นตอน” ได้ แต่ต้องทำงานความคิดอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อให้สังคมเห็นชอบร่วมกัน และแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่แก้ปัญหาโครงสร้าง ก็ปะผุประเทศไทยกันต่อไป ประเทศจะเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน มีแต่การให้คนในสังคมมีวุฒิภาวะพอ กล้ายอมรับปัญหา เผชิญหน้ากับมัน และค่อยๆ พูดคุยหาทางออกร่วมกัน
“พิธา”ชี้“ทักษิณ”อาจเข้าใจผิด
วันเดียวกัน ที่ จ.อุดรธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของ นายศณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ. อุดรธานี พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ฝากชาวอุดรบอกพรรคประชาชนว่า ไม่ต้องแข่งเสนอกฎหมายใหม่แต่ให้ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคของประชาชน ว่า อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เพราะที่ผ่านมา แต่ละพรรคการเมืองก็พูดถึงการกิโยตินกฎหมาย ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคก้าวไกล กฎหมายทั้งหมดมี 7,000 ฉบับ ตอนไปประชุมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ก็มีการพูดคุยเรื่องนี้ แต่ของพรรคประชาชนมีการร่างกฎหมายใหม่เพื่อยกเลิกกฎหมายเก่า เช่น กฎหมายยุบ กอ.รมน. กฎหมายอำนวยความสะดวกหลาย ๆ เรื่อง จะต้องเอากฎหมายใหม่มายกเลิกกฎหมายเก่าที่มีประกาศ ราชกิจจานุเบกษา
รับคำท้ายกเลิกกฎหมายล้าหลัง
“รับคำท้าคุณทักษิณเลยว่ามีกฎหมายอะไรที่อยากจะยกเลิก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายส่งออกข้าวที่คุณทักษิณพูดถึง รวมถึงอีก 3,000 - 4,000 ฉบับ ทั้งเป็นพระราชบัญญัติ พ.ร.ก. ประกาศกฎกระทรวง ที่คิดว่ามันล้าหลังได้เลย ตอนที่ยังเป็น 312 เสียงรวมเสียงรัฐบาลอยู่มีการประชุมพรรคเพื่อไทยก็คุยกันเรื่องนี้มีความเห็นที่หลากหลาย ซึ่งจะไปในทางไหนไม่ว่าจะพรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคก้าวไกลก็เป็นประโยชน์กับประชาชน เอสเอ็มอี กฎหมายมีเยอะแยะใช้เพื่อดุลพินิจแต่เมื่อมีการใช้เยอะก็คอรัปชั่นกันได้มากขึ้น รับคำท้าคุณทักษิณมาช่วยกันยกเลิกกฎหมายแต่การยกเลิกเป็นอำนาจของกระทรวงทบวง กรม ยกได้“ นายพิธา กล่าว
ยัน ม.112 มีปัญหาบังคับใช้
นายพิธา กล่าวถึงกรณีมาตรา 112 ที่นายทักษิณ อ้างว่าเป็นเงื่อนไขในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลสมัยพรรคก้าวไกล และเคยบอกนายธนาธรไปแล้วว่า บริบทยังไม่ชัดเจนที่จะแสดงความเห็น แต่ในมุมมองยังยึดว่าการแก้ไข ของรัฐสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ตนไม่ได้ฟังนายทักษิณให้สัมภาษณ์ แต่เข้าใจว่านายทักษิณพูดคือมาตรา 112 เป็นสิ่งหนึ่งที่ตัวนายทักษิณเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และปัญหามาตรา 112 อยู่ที่คณะกรรมการและกระบวนการบังคับใช้ ที่ฟังมาถ้าไม่ผิด หมายถึงถ้ามีคณะกรรมการมากลั่นกรองว่าก่อนจะฟ้องหรือไม่ให้ส่งฟ้องเป็นประโยชน์ เพราะกฎหมายอยู่ที่การปฎิบัติ ก็ตั้งมาเลย ตอนนี้ผ่านมาปีกว่าแล้วก็ตั้งก่อนมาได้หากไม่สามารถแก้ไขกฎหมายได้ คิดว่าอย่างน้อยอาจไม่ได้ตามจุดประสงค์ 100% แต่อย่างน้อยหากได้ 50% ก็ยังดีกว่าไม่มี ตนก็ยังเห็นด้วยหากคิดว่าจะเริ่มต้นจากตรงนั้นก็ขอให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการบังคับใช้กฎหมาย 112 ในการส่งฟ้อง ประชาชน จะได้ไม่มีการฟ้องแกล้งกัน แต่หากยังทำเท่านี้แล้ว ยังมีปัญหาอยู่ก็ต้องถึงเวลาที่ต้องแก้ไข ตามกรอบที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาต เพื่อที่จะให้การเมืองไม่ได้มีการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีกัน
ลั่นหมดเวลาพูดถึงเวลาลงมือทำ
นายพิธา กล่าวถึงการชี้แจงกลับของนายธนาธรต่อนายทักษิณในเรื่องนี้ ว่า การให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณอาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในเจตนาของพรรคก้าวไกล หรือพรรคประชาชนในตอนนี้ว่า เห็นเช่นเดียวกัน แต่ก็เชื่อมั่นประชาชนที่ได้แยกแยะออก เพราะการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยว กับทหาร หรือการแก้โครงสร้างทลายทุนผูกขาด และไม่ได้เห็นต่างจากนายทักษิณ เพียงแต่หมดเวลาพูด และถึงเวลาที่จะทำ บางเรื่องฝ่ายค้านเริ่มได้ รัฐบาลทำตาม และบางเรื่องรัฐบาลริเริ่ม หากฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ยินดีให้ความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นความเท่าเทียมทางโอกาส หรือคณะกรรมการกลั่นกรองการฟ้องมาตรา 112 สามารถทำได้เลย หรือการยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคของประชาชนก็สามารถทำได้เลย
“ไอติม”ตอกกลับ“ทักษิณ”
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
วันนี้ ผมเห็นว่าคุณทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยที่อุดรธานีโดยมีการพาดพิงถึงพรรคประชาชนใน 2 ประเด็นสำคัญ ที่ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการอธิบาย
ประเด็นที่ 1 : ท่านบอกว่าพรรคประชาชน “ไม่ต้องเสนอกฎหมายใหม่” และเราไม่ต้อง “แข่งกันออกกฎหมายใหม่” แต่ให้เน้น “ยกเลิกกฎหมายเก่าที่เป็นปัญหากับประชาชน” 1. ผมเห็นด้วยว่ากฎหมายบ้านเรามีหลายฉบับที่เป็นปัญหา - แต่หากเป็นกฎหมายระดับ พ.ร.บ. ไม่ว่าคุณจะเสนอกฎหมายใหม่ แก้ไขกฎหมายที่มีอยู่ หรือยกเลิกกฎหมายเก่า เราก็ต้องเสนอเป็นร่างกฎหมายเข้าสู่การ “พิจารณา” ของสภาฯทั้งหมด
ซัด“เพื่อไทย”ไม่ให้ความร่วมมือ
2.ในบรรดาร่างกฎหมายทั้งหมด 84 ฉบับที่พรรคก้าวไกล-พรรคประชาชนเสนอไปแล้ว มีหลายฉบับที่เป็นการยกเลิกกฎหมายเก่าตามที่ท่านพูด แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเท่าที่ควร
- ยกตัวอย่างเช่น ร่าง พ.ร.บ. ยุบ กอรมน. ที่เป็นการยกเลิก พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นกฎหมายที่รับรองการมีอยู่ของหน่วยงานอย่าง กอ.รมน. ที่เรามองว่าถูกขยายอำนาจมาเป็นโครงสร้างรัฐซ้อนรัฐ ที่ทำภารกิจที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานความมั่นคงอื่น รวมถึงขยายมาสู่ภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง (เช่น การศึกษา พลังงาน สิ่งแวดล้อม) – แต่ร่างนี้กลับถูกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย (เศรษฐา ทวีสิน) ปัดตกโดยไม่ให้แม้กระทั่งเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ
- อีกตัวอย่างคือ ร่าง พ.ร.บ. อำนวยความสะดวก ที่เราเสนอให้มาทดแทนกฎหมายเดิมที่ออกในสมัยคณะรัฐประหาร (ฉบับปี 2558) เพื่อให้มีกลไกทบทวนอย่างสม่ำเสมอในการลดจำนวนและขั้นตอนการขอใบอนุญาตที่ไม่จำเป็นจนก่อให้เกิดความล่าช้าต่อประชาชนและความเสี่ยงเรื่องการทุจริต - แต่ร่างนี้เป็นร่างการเงินที่ค้างอยู่ที่โต๊ะนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย (เศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร) มาแล้ว 1 ปี 2 เดือน โดยที่นายกฯยังไม่ตัดสินใจว่าจะรับรองให้เข้าสภาฯหรือไม่
ไม่รับรู้ถึงความคืบหน้าการแก้ ก.ม.
3. ถ้าท่านอยากแข่งกันปรับปรุงหรือยกเลิกกฎหมายที่ไม่เป็นประโยชน์จริง สิ่งที่รัฐบาลที่ท่านสนับสนุนทำได้ (แต่ฝ่ายค้านยังไม่มีอำนาจทำได้) คือการกิโยตินหรือยกเลิกกฎระเบียบ-ใบอนุญาตในระดับที่ทำได้โดยฝ่ายบริหาร แต่ผ่านมา 1 ปีครึ่ง เรายังไม่ได้รับรู้ถึงความคืบหน้ามากนักของคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (คปธ.) ที่นายกฯ เศรษฐาตั้งไปตั้งแต่เมื่อปลายปี 2566 เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
ประเด็นที่ 2 : ท่านบอกว่าพรรคประชาชนเน้นเรื่อง “ความเท่าเทียมทางฐานะ-สถานะ” ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเน้นเรื่อง “ความเท่าเทียมทางโอกาส”
1. ผมเห็นว่าการขีดเส้นแบ่งลักษณะนี้ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ เพราะ “ความเท่าเทียมทางฐานะ-สถานะ” กับ “ความเท่าเทียมทางโอกาส” ไม่ได้ขัดแย้งกันเสมอไป แต่เป็นสองคุณค่าที่พรรคประชาชนให้ความสำคัญ
2. ในมุมหนึ่ง เราเชื่อว่าคนทุกคน - ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เพศใด อาชีพไหน - ต้องมีสิทธิเสรีภาพอย่างเสมอภาคกัน มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน และได้รับการคุ้มครองจากการไม่ถูกเลือกปฏิบัติ แม้จะมีสถานะทางเศรษฐกิจหรือระดับรายได้ที่ไม่เท่ากันทุกคนก็ตาม
3. แต่ในอีกมุมหนึ่ง เราเชื่อว่าทุกคน ควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐานและบริการสาธารณะต่างๆ ของรัฐอย่างทัดเทียม ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ โอกาสในการกำหนดอนาคตของท้องถิ่นตนเอง รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมที่ใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกคน
“อนุทิน”ไม่รู้“พท.-ก.ก.”จบเพราะ112
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีวิวาทะระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เกี่ยวกับเหตุผลที่พรรคเพื่อไทย และอดีตพรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาลกันไม่ได้ เกี่ยวโยงกับเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่ ว่า ตนไม่ทราบ เพราะตนไม่ได้อยู่ในช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ ภายหลังเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตอนนั้นไม่มีพรรคภูมิใจไทย จึงไม่ทราบว่าเงื่อนไขอะไรที่เขาตกลงกัน ย้ำว่าตนไม่ทราบจริงๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังเกิดวิวาทะครั้งนี้ คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะร่วมงานกับพรรคประชาชนในอนาคตได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนมีความคิดแตกต่างกันได้ คงไม่ใช่เรื่องการโกรธแค้นหรือเกลียดชังในเรื่องส่วนตัว เพราะเรื่องบ้านเมือง จะใช้เหตุผลส่วนตัวมาตัดสินใจไม่ได้ ต้องเอาเรื่องบ้านเมือง ความสงบ ความสามัคคีเป็นหลัก ซึ่งคนอื่นคิดยังไงไม่ทราบ แต่ตนคิดแบบนี้ตลอดเวลา
“ประเสริฐ”รับม.112 ทำร่วม ก.ก.ล่ม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลในปี2566 ที่พรรคเพื่อไทย ไม่สามารถจับมือกับพรรคก้าวไกลได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขเรื่องมาตรา 112ตามที่นายทักษิณมีวิวาทะกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนไม่เคยทราบว่า ทั้งคู่มีวิวาทะกัน และสองท่านนี้ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล
ยัน“ทักษิณ-ธนาธร”ไม่เกี่ยวตั้ง รบ.
“การจัดตั้งรัฐบาลห้วงเวลานั้นตนในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าพรรคก็ได้ไปเจรจากับหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคก้าวไกลในขณะนั้นซึ่งไม่ใช่นายธนาธร แต่ยอมรับว่า มีเรื่องมาตรา 112 อยู่ด้วยรวมถึงหลายเรื่องเช่นเรื่องการทำงานที่มีบางเรื่องคล้ายกันและบางเรื่องก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นพรรคเพื่อไทยก็เปิดโอกาส ให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้งได้โหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีก่อน แต่เมื่อไม่สามารถโหวตได้ และไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็มีการนำเสนอให้พรรคลำดับที่สองคือพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญ และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ สมัยก่อนเราเคยชนะที่ 1 เราก็ตั้งรัฐบาลได้ มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง” นายประเสริฐ ย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี