ฮึดต้าน‘กิตติรัตน์’
กลุ่มเศรษฐศาสตร์ฯ
ส่งจม.ถึงพรรคร่วม
ขวางขึ้นนั่งปธ.ธปท.
“นักวิชาการ-กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม” ลุกฮืออีกรอบ ออกจดหมายเปิดผนึกถึง “พรรคการเมือง-รัฐมนตรีพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล” จี้ไม่ให้ลงมติเห็นชอบ ตั้ง “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” ชี้คุณสมบัติอาจขัดกฎหมาย วอนพิจารณาด้วยความรอบคอบเพื่อดำรงไว้ซึ่งสถาบันที่สำคัญของประเทศคือ‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ถูกแทรกแซงครอบงำจากกลุ่มการเมือง
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกจดหมายเปิดผนึกถึง พรรคการเมืองและรัฐมนตรีของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เรื่องการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย คุณสมบัติอาจขัดกฎหมาย ได้คนไม่เหมาะสมคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ไม่ให้ผ่านเป็นมติคณะรัฐมนตรี มีเนื้อหาดังนี้
ตามที่คณะกรรมการคัดเลือกประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้คัดเลือกบุคคลผู้มีสายสัมพันธ์ทางการเมืองอย่างแนบแน่นให้เป็นประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เมื่อวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2567
ในการคัดเลือกครั้งนี้ ได้มีเสียงทักท้วงแสดงความกังวลจากนักวิชาการกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ถึง 4 ท่าน อดีตพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวนมากและบรรดาสมาชิกองค์กรภาคประชาสังคมนับหมื่นคน ที่เป็นห่วงถึงผลกระทบต่อความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จำเป็นต่อการทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของชาติในระยะยาว ซึ่งอาจขัดแย้งต่อเป้าประสงค์ของกลุ่มการเมืองที่ต้องการแสดงผลงานทางเศรษฐกิจในระยะสั้น อันจะส่งผลกระทบ และสร้างความเสียหายในระยะยาวที่ยากจะกอบกู้คืนได้
กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมขอเรียนต่อหัวหน้าพรรคการเมืองและรัฐมนตรีของพรรคที่ร่วมรัฐบาล ว่าคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจและบทบาทที่สำคัญสรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงทุนของเงินสำรองระหว่างประเทศ โดยกำหนดได้ว่า จะไปลงทุนใน สินทรัพย์ใดบ้าง
[พ.ร.บ. ธปท. มาตรา 25 (8) คณะกรรมการ ธปท. มีอำนาจหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการสินทรัพย์ในทุนสำรองเงินตราตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราและสินทรัพย์ของ ธปท. ตามส่วนที่ 3 ของหมวด 6 การบริหารจัดการสินทรัพย์ ของ ธปท. เช่น สามารถกำหนดหลักเกณฑ์ว่าเอาเงินไปลงทุนอะไรได้บ้าง ซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวเพราะผิดพลาดอาจทำให้ประเทศล้มละลายได้]
2. แต่งตั้งคณะกรรมการด้านนโยบายที่สำคัญ (policy board) ทั้ง 3 ด้าน ที่เป็นกลไกสำคัญในการกำหนดทิศทาง นโยบายการเงิน สถาบันการเงิน และการชำระเงินของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีอิสระจากการเมืองเพื่อดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจในระยะยาว โดยการออกข้อบังคับในการเสนอชื่อการพิจารณาและในการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายตาม พ.ร.บ.ธปท.มาตรา 25 (3) ที่กำหนดข้อบังคับว่าด้วยการเสนอชื่อการพิจารณา และการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.)
แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่จะไปเป็นกรรมการใน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) 4 คน จาก จำนวนทั้งหมด 7 คน
[พ.ร.บ.ธปท. มาตรา 28/6 ให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกอบด้วย ผู้ว่าการเป็นประธานกรรมการ รองผู้ว่าการ ซึ่งผู้ว่าการกำหนดจํานวนสองคน โดยให้รองผู้ว่าการคนหนึ่ง ซึ่งผู้ว่าการมอบหมายเป็นรองประธานกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์หรือด้านการเงินการธนาคารซึ่ง คณะกรรมการ รปท. แต่งตั้งจํานวนสี่คน เป็นกรรมการ]
แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) 5 คน จากจำนวนทั้งหมด 11 คน
[พ.ร.บ. ธปท. มาตรา 28/9 ให้คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ประกอบด้วย ผู้ว่าการเป็นประธานกรรมการ รองผู้ว่าการ ซึ่งผู้ว่าการกำหนด จำนวนสองคน โดยให้รองผู้ว่าการคนหนึ่ง ซึ่งผู้ว่าการมอบหมายเป็นรองประธานกรรมการ ผู้อำนวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการธปท.แต่งตั้ง จํานวนห้าคนเป็นกรรมการ]
แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่จะไปเป็นกรรมการใน คณะกรรมการระบบชำระเงิน(กรช.) 3 คนจากจำนวนทั้งหมด 7 คน
[พ.ร.บ.ธปท. มาตรา 28/11 ให้คณะกรรมการระบบชำระเงิน (กรช.) ประกอบด้วย ผู้ว่าการเป็นประธานกรรมการ รองผู้ว่าการซึ่งผู้ว่าการกำหนดจํานวนสองคน โดยให้รองผู้ว่าการคนหนึ่ง ซึ่งผู้ว่าการมอบหมายเป็นรองประธานกรรมการ ประธานสมาคมธนาคารไทย และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่ง คณะกรรมการธปท.แต่งตั้ง จํานวนสามคนเป็นกรรมการ]
3.ให้คำแนะนำต่อรัฐมนตรีคลัง เพื่อปลดผู้ว่าการฯ ในกรณีบกพร่องในหน้าที่ร้ายแรง หรือหย่อนความสามารถ
[พ.ร.บ. ธปท. มาตรา 28/19 (5) ผู้ว่าการฯ พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ออก โดยคำแนะนำของรัฐมนตรี หรือการเสนอของรัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ธปท.เพราะบกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง หรือหย่อนความสามารถโดย มติดังกล่าวต้องแสดงเหตุผลในการให้ออกอย่างชัดแจ้ง]
การแสดงออกของประธานคณะกรรมการคัดเลือกและผลของการคัดเลือก เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏชัดเจนว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทยดังเช่นธนาคารกลางของประเทศที่พัฒนาแล้ว และไม่ใส่ใจที่อดีตผู้บริหารและคนของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ร่วมกันสร้างธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็นอิสระจากกลุ่มการเมือง อีกทั้งไม่สนใจข้อท้วงติงของนักวิชาการและองค์กรสถาบันต่างๆที่ออกมาทักท้วงด้วยความห่วงกังวล เพราะหากฝ่ายการเมืองสามารถเข้าครอบงำการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศได้เสียแล้ว นโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่แม้จะไปในทิศทางเดียวกัน แต่อาจเป็นปัญหาในเรื่องเสถียรภาพและความมั่นคงในระยะยาว ความน่าเชื่อถือของธนาคารแห่งประเทศไทยในสายตาของสากลโลกจะตกต่ำลง กระทบความน่าเชื่อมั่นในนโยบายอัตราดอกเบี้ย อัตราการแลกเปลี่ยน และค่าเงินบาท ซึ่งในที่สุดจะส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวลดต่ำลง ประชาชนจะเกิดความยากลำบากจากสภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของราคาแพงขึ้นอย่างรุนแรง
อีกทั้ง หากธนาคารกลางถูกแทรกแซงครอบงำจากการเมืองได้แล้ว จังหวะของการปรับนโยบายย่อมส่งผลถึงคนบางกลุ่มที่จะร่ำรวยผิดปกติได้ง่าย
ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงในพรรคเพื่อไทย เคยดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย (ที่ปรากฏหนังสือลาออกพ้นหนึ่งปีเพียงไม่กี่วัน) เคยเป็นประธานที่ปรึกษาของอดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐาที่จำต้องพ้นจากตำแหน่งเพียงสองเดือนเศษ แม้จะอ้างว่าไม่ใช่เป็นตำแหน่งข้าราชการการเมืองแต่ก็เป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งน่าจะขัดกับคุณสมบัติตามกฏหมาย ที่ระบุจะต้องพ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างน้อย 1ปีซึ่งเป็นเจตนาจะป้องกันมิให้ธนาคารแห่งประเทศไทยถูกแทรกแซงครอบงำจากกลุ่มการเมือง
อีกทั้งเมื่อพิจารณาถึงวิสัยทัศน์ และพฤติกรรมการแสดงออกทางการเมืองในอดีต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แสดงออกว่าเป็นผู้ที่ชอบกดดันแสดงอำนาจอยากจะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหลายต่อหลายครั้ง สะท้อนเจตคติว่าไม่ให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่สำคัญในอีกเจ็ดเดือนข้างหน้าจะมีการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนต่อไป ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญและต้องเป็นอิสระอย่างยิ่ง การทำการคัดเลือกประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิครั้งนี้ จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศด้วย
ในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เป็นรัฐมนตรีในนามของพรรคการเมืองที่เข้าร่วมรัฐบาล ถือเป็นตัวแทนของประชาชนในการเข้าบริหารราชการแผ่นดิน และต้องร่วมรับผิดชอบในมติของคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมและภาคส่วนต่างๆ ขอเรียกร้องให้ท่านพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพื่อดำรงไว้ซึ่งสถาบันที่สำคัญของประเทศคือธนาคารแห่งประเทศไทยให้สามารถดำเนินงานได้อย่างเป็นอิสระไม่ถูกแทรกแซงครอบงำจากกลุ่มการเมือง ทั้งนี้เพื่อรักษาให้ประเทศไทยมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจตลอดไป
การตัดสินใจของท่านในครั้งนี้ ที่จะไม่เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการคัดเลือก จะมีความสำคัญต่อการรักษาสถาบันที่สำคัญของประเทศ และรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว จึงเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สามารถช่วยไถ่ความผิดพลาดในการตัดสินใจของพรรคการเมือง ที่ร่วมสนับสนุนให้ประเทศของเรามีผู้นำสูงสุดในฝ่ายบริหารที่อ่อนด้อยความรู้ความสามารถในเกือบทุกด้าน
นายกรัฐมนตรีจะได้ไม่ต้องเสี่ยง ที่จะนำชื่อที่ไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ขึ้นทูลเกล้าให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้ง
ก่อนหน้านี้ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ซึ่งประกอบด้วย อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 4ท่านคือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ,นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล,นายวิรไท สันติประภพและ นางธาริษา วัฒนเกส รวมทั้ง นักวิชาการ คณาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ และสาขาอื่นๆ หลายสถาบันทั้งในอดีตและปัจจุบัน มีการส่งหนังสือแถลงการณ์ แล้ว 3 ฉบับ แสดงความห่วงใยการครอบงำธนาคารแห่งประเทศไทย โดยกลุ่มการเมืองผ่านการคัดสรรประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย
หลังจาก มีรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบอร์ดธปท.เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมาพิจารณาคัดเลือก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี(นายเศรษฐา ทวีสิน)อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.คลัง นั่งประธานบอร์ดธปท. คนใหม่ แม้จะมีกระแสต้านจากหลายฝ่ายก็ตา ม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี