พท.ผวาหมัด‘พิธา-ชัยธวัช’
ชกใต้เข็มขัด!
โยงชั้น14/ไม่ได้เลี้ยงหลาน
ป้อง‘แม้ว’ทำงานให้ส่วนรวม
ศึกชิงนายกอบจ.อุดรฯเดือด
ศึกชิงนายกอบจ.อุดรธานีเดือด “พิธา-ชัยธวัช” ตามตลบหลังทักษิณลุยหนักช่วยผู้สมัครพรรคประชาชน ขณะที่ “เพื่อไทย”ออกอาการผวาโดนขุดเทวดาชั้น 14 ไม่ได้กลับมาเลี้ยงหลาน โวยหยุดชกใต้เข็มขัด ป้อง “แม้ว” เคยเป็นนายกฯ 2 สมัยทำงานให้ประชาชน
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 พรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเวทีปราศรัยเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้าได้เปิดเวทีที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี และช่วงเย็นที่ อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี โดยมีแกนนำ ส.ส. และผู้ช่วยหาเสียงร่วมปราศรัยให้กับ “คณิศร ขุริรัง” ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี เบอร์ 1 ของพรรคประชาชน อย่างคับคั่ง สำหรับเวทีในช่วงเช้าที่ผ่านมา แกนนำ ส.ส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ได้ผลัดกันขึ้นปราศรัยที่เวทีกลางตลาดนัด ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ ท่ามกลางประชาชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
“ชัยธวัช”เชื่อประชาชนไว้ใจ
โดย นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ได้กล่าวกับประชาชนว่า พรรคประชาชนมีความมั่นใจเพราะมีประสบการณ์เรียนรู้การเมืองท้องถิ่นมาแล้ว แม้จะยังไม่มีโอกาสได้บริหาร อบจ. แต่ก็มีโอกาสบริหารเทศบาลและ อบต. ได้ริเริ่มนโยบายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำประปาดื่มได้ การแพทย์ทางไกล การบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง แปรรายได้จากขยะเป็นสวัสดิการ การยกระดับคุณภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และอีกหลายนโยบายที่ทำสำเร็จ
ดังนั้น พรรคประชาชนจึงมีทั้งความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานท้องถิ่น มีประสบการณ์ และพร้อมทำงานทันที อะไรที่นักการเมืองท้องถิ่นในอดีตไม่พร้อมทำ เราจะทำ อะไรที่เขาบอกว่าทำไม่ได้ ต้องใช้งบประมาณมาก งบประมาณไม่พอ เราจะทำให้ดู แค่ไม่ทุจริตก็มีเงินเหลือแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องหาเงินทอน ต้นทุนที่เรามีอย่างเดียวคือความไว้วางใจของประชาชน การเมืองแบบอนาคตใหม่ ก้าวไกล ประชาชน คือการเมืองที่อยู่ได้เพราะประชาชน เราไม่ต้องเกรงใจใครทั้งสิ้น
ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร มาหาเสียงที่อุดรธานี โดยขอว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อย่าทำให้ตัวเองเสียหน้า แต่สำหรับพรรคประชาชนแล้วไม่ว่าจะเป็นการเมืองระดับชาติหรือท้องถิ่น ทุกการเลือกตั้งมีความหมาย เพราะเป็นการใช้เสียงของประชาชนในการตัดสินอนาคตของบ้านเมือง เพื่อประโยชน์และชีวิตที่ดีกว่าของประชาชน การเลือกตั้ง 24 พฤศจิกายนนี้จึงไม่ใช่การเลือกตั้งเพื่อทำให้ใครเสียหน้าหรือไม่เสียหน้า แต่เป็นการเลือกตั้งเพื่อผลประโยชน์ของชาวอุดรธานีทุกคน
อ้อนขอคะแนนชาวอีสาน
ในส่วนของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ระบุว่าที่ผ่านมาตนได้เดินทางไปต่างประเทศหลายแห่ง ได้เจอพี่น้องแรงงานอีสานในทุกที่ที่ไป ต้องจากบ้านจากเมืองทั้งที่ไม่ได้เต็มใจ อยากกลับบ้าน ต้องเสี่ยงต่อสู้ ค่าแรงมากแต่ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยยาก นี่คือหนึ่งในเรื่องที่คณิศรมีเป้าหมายในการบริหาร อบจ.อุดรธานี ภายใน 4-8 ปีอยากให้อุดรธานีเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยโอกาสทางเศรษฐกิจ อีกไม่นานแรงงานต่างประเทศที่อยากกลับมาอยู่บ้านที่อุดรธานีต้องได้กลับบ้าน คณิศรจะใช้งบประมาณปีละ 1,200 ล้านบาทเพื่อครอบครัวของชาวอุดรธานีทุกคน ทำให้เศรษฐกิจกลับมาแข็งแรง การเดินทางดี มีโรงเรียนที่ดี มีระบบสาธารณสุขที่ดี เอาแรงงานชั้นสูงจากอุดรที่ไปอยู่ต่างประเทศกลับมาพัฒนาอุดรธานี พัฒนาอีสาน และพัฒนาประเทศไทย
ผู้สมัครคุณสมบัติเยี่ยม
เส้นแบ่งการเลือกตั้งครั้งนี้คือการเลือกตั้งของสองพรรค ตนอยากเชิญชวนทุกคนให้ลองถามตัวเองว่าพรรคใด ผู้สมัครคนใดที่พร้อมสู้เพื่อครอบครัวของคนอุดรธานีมากกว่า ใครพร้อมสู้เพื่อโอกาสทางเศรษฐกิจของชาวอุดรธานีมากกว่า ใครเข้าใจปัญหาคนป่วยที่ไม่มีเตียง ไม่มีหมอ และความรุนแรงของโรคร้ายผู้สูงอายุมากกว่า จาก 20 อำเภอ 160 กว่าตำบลในอุดรธานี คณิศรไปมาครบแล้ว นี่คือความต่างของผู้สมัคร คณิศรมีประสบการณ์เคยเป็นรองนายก อบจ. เคยเป็นประธานสภาทนายความ มีประสบการณ์และจะต่อสู้ทุกวันเพื่อครอบครัวของพวกท่าน ไม่ใช่เพื่อครอบครัวของคนอื่นอย่างแน่นอน
เปรียบเสมือนเป็นผ้าขาวม้า
นายพิธา กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาชนสืบต่ออุดมการณ์มาจากอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล เปรียบเสมือนเป็นผ้าขาวม้า เรียบง่าย ใช้คล่อง สารพัดประโยชน์ มีความหลากหลายสวยงาม สำหรับเราการเมืองคือเรื่องของทุกคน คือเรื่องของความเป็นไปได้ ทำทุกอย่างเต็มที่ จะแพ้หรือชนะก็เป็นแบบนี้เหมือนเดิม คิดแบบนี้มีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีแพ้ เราจะแพ้เมื่อเราหยุดเดิน ตราบใดที่เราไม่หยุดเดิน เราชนะแน่นอน
“พร้อมพงษ์”โดดป้อง”ทักษิณ”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปปราศรัยหาเสียงที่ จ.อุดรธานีว่า ท่านไปในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย แต่กลับมีการตั้งข้อสงสัยจากบรรดานักร้องพวกจ้องจับผิด ทั้งเรื่องครอบงำพรรค ครอบงำนายกฯ ครอบงำรัฐบาลแบบเล่นไม่เลิก มองหาแต่เรื่องจะร้องเรียนไม่จบไม่สิ้น ตนอยากฝากไปถึงคนเหล่านั้นว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่า เลิกทำอะไรที่มันไร้สาระเสียทีเถอะ ส่วนกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้ช่วยหาเสียงของนายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรคประชาชน ที่ออกมาอัดอดีตนายกฯทักษิณกรณีปราศรัยช่วยหาเสียงที่อุดรธานี แบบสวนทุกประเด็นที่เห็นช่อง เรื่องนี้ในมุมของตนมองว่าท่านอดีตนายกฯทักษิณก็แค่เอานโยบายมานำเสนอ จะทำได้จริงหรือไม่ก็คงต้องให้ชาวอุดรฯเป็นคนตัดสิน
โวยโดนชกใต้เข็มขัด
“ท่านเป็นนายกฯมา 2 สมัย พูดได้ทำจริง เรื่องนี้ประชาชนคงทราบดี การปราศรัยช่วยหาเสียงจะด้วยสีสันหรืออะไรก็ตาม แต่มันก็คงต้องมีกระทบกระทั่งคู่แข่งบ้างก็เหมือนนักกีฬา แต่นายชัยธวัชกลับออกมาอัดท่านเรื่องไม่เลี้ยงหลานแล้วเหรอ ลามไปตู้ห่าว โยงไปชั้น 14 ผมว่าคุณชัยธวัชหลังโดนตัดสิทธินี้เปลี่ยนไปมาก นายชัยธวัชไม่ตอบโต้เรื่องนโยบาย แต่กลับชกใต้เข็มขัด ผมว่ามันไม่แฟร์ สิ่งที่นายชัยธวัชพูด ท่านอดีตนายกฯทักษิณคงไม่ออกมาโต้กลับ แต่ผมอยากให้นายชัยธวัชคิดถึงสโลแกนพรรคเดิมของท่านที่โดนยุบไป ที่บอกว่าจะทำการเมืองใหม่ อยากให้สู้กันด้วยนโยบายจะดีกว่า” นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ฟาดทุกดอก ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่นายชัยธวัชทำ เหมือนแผ่นเสียงตกร่องทั้งคู่ พรรคของท่านยังไม่มีโอกาสได้เข้าบริหารประเทศ สิ่งที่ท่านคิดใช่ว่าจะทำได้ทุกเรื่อง การทำงานของรัฐบาลก็อย่างที่เราเห็นกันอยู่ พอจะเริ่มทำพอจะตั้งหลักได้ ก็ต้องมาเริ่มกันใหม่ เพราะเรื่องอะไรเราๆ ก็คงจะรู้ ก็อยากฝากให้คิดว่าถ้าท่านยังมัวมาย้อนอดีต คาดการณ์อนาคต แล้วประชาชนจะจับต้องอะไรได้ สู้กันด้วยนโยบายเถอะครับ อย่าไปพูดเรื่องเก่าๆ เลย บ้านเมืองกำลังจะเดินไปข้างหน้า ถ้ามัวแต่ถอยหลังก็ลงคลองกันพอดี
ย้ำเลือกตั้ง’พท.’ได้เกิน200เสียง
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายทักษิณ ปราศรัยบนเวทีหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด อุดรธานี ประเมินว่าเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยได้ไม่ต่ำกว่า 200 เสียงว่า ไม่ใช่แค่เพียงแต่ท่านที่มองแบบนั้น แม้แต่ตนก็มองว่าเกิน 200 เสียงเช่นกัน เพราะขณะนี้รัฐบาลทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรขยับขึ้น เช่น ข้าวหอมมะลิ 12-13 บาท ยางก้อนถ้วย 30 กว่าบาทต่อกิโลกรัม จากเดิมอยู่ที่ 16-17 บาทต่อกิโลกรัม โดยมีราคาขึ้นเท่าตัว ส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนรวมถึงผู้ปลูกยางมีความสุขกันถ้วนหน้า ขณะที่โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทก็กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี รวมถึงการเอาจริงเอาจังกับปราบปรามเรื่องยาเสพติด จากปัจจัยเหล่านี้ถามว่าทำไมเราจะไม่ได้เกิน 200 เสียง
“ส่วนพวกนักร้องทั้งหลายที่เห็นท่านเคลื่อนไหว แล้วพากันชักดิ้นชักงอ จะต้องหาเรื่องร้องท่านตลอดเวลา ถามว่าจะกลัวท่านทำไม การเมืองคือการแข่งกันว่าทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข มีอยู่มีกิน อะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมาช่วยกันทำไม่ดีกว่าหรือ บางคนร้องก็เป็นประโยชน์ แต่บางคนร้องเพื่อให้ได้อะไรจากใครหรือทำเพื่อใคร มันไม่เหมาะสมประชาชนดูออก ตอนนี้เห็นหลายคนโดนคดีกันเยอะ ก็ต้องระวัง ดังนั้นอย่าร้องกันเลอะเทอะเลย” นายวิสุทธิ์ กล่าว
กม.ประชามติต้องจบในรัฐบาลนี้
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรค พท. ต่อร่างกฎหมายดังกล่าว ว่า ในส่วนของจุดยืนพรรค พท.นั้น ตนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพราะพรรคยังไม่มีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว ตนยังยืนตามหลักการร่างของ ส.ส.ที่ผ่านการพิจารณาในชั้นสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วคือ การใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว ส่วนกรณีที่มีคนบอกว่าจะใช้เสียงชั้นครึ่งนั้น ไม่มีชั้นครึ่ง มีแค่สองชั้นแต่ให้ลดเงื่อนไข ฉะนั้น ย้ำว่าตนยืนยันในหลักการการใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว
นายประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วน กมธ.จะเห็นด้วยอย่างไรนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะแต่ละสภาต้องนำร่างของ กมธ.ไปเสนอสภาของตน หากสภาใดสภาหนึ่งไม่เห็นด้วยกับ กมธ.ก็ต้องยับยั้งชะลอไว้ 180 วัน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 138 ซึ่งเมื่อครบ 180 วันแล้ว ส.ส.ก็จะต้องยืนยันร่างกฎหมาย เมื่อ ส.ส.ยืนยันแล้วก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ในกรณีที่ไม่เห็นด้วยก็ตกไป แต่ขณะนี้กระบวนการยังไม่ตก
เมื่อถามว่า จะมีข้อเสนอใดเพื่อเป็นทางออกให้สายกลางที่สุดหรือไม่ นายประยุทธ์ กล่าวว่า หลักในการตรากฎหมายไม่ใช่เรื่องการต่อรอง แต่เป็นเรื่องที่เห็นว่าควรเป็นอย่างไร เพราะมีผลใช้บังคับทั่วไป ไม่ใช่ต่อรองว่าคุณครึ่งหนึ่ง เราครึ่งหนึ่งนั้น มันไม่ใช่
เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งกับทาง สว.หรือไม่ หากท้ายที่สุดความคิดเห็นไม่ตรงกัน นายประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่เคยกังวลในเรื่องนี้ เพราะผมก็ทำหน้าที่ของผม ทุกคนไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือ สว.ก็ทำหน้าที่ตามกฏหมาย เราไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง” เมื่อถามว่า หากต้องชะลอกฎหมายไว้ 180วันกังวลว่า จะกระทบต่อไทม์ไลน์อะไรหรือไม่ นายประยุทธ์ กล่าวว่า เราพยายามที่จะทำให้กฎหมายเดินหน้า แต่หากมีผลทำให้ต้องชะลอ ก็จำเป็นที่จะต้องชะลอเป็นไปตามกฏหมาย ถามต่อว่า มั่นใจหรือไม่ว่าร่างกฎหมายประชามติจะสามารถสำเร็จได้ในรัฐบาลพรรค พท.นายประยุทธ์ กล่าวว่า จบผ่านหรือจบภายในนี้อยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี