"สมศักดิ์"ถกบอร์ดควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เห็นชอบแผนควบคุม"เหล้า-เบียร์"ช่วงปีใหม่ พร้อมไฟเขียวห้องพักโรงแรม กินได้ 24 ชั่วโมง เบรกขายแอลกอฮอล์บนรถไฟ สั่งกลับไปทำข้อมูลใหม่ ยันไม่ปิดโอกาส แย้มอาจให้ขายในขบวนเช่าเหมาลำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะกรรมการ เข้าร่วมประชุมที่กระทรวงสาธารณสุข
โดย นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้มีการพิจารณาเรื่องสำคัญ จำนวน 4 เรื่อง คือ 1.แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ภายใต้แผนปฎิบัติการด้านควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ.2565 - 2570) 2.การขอยกเว้นสถานที่หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณสถานีรถไฟ หรือในขบวนรถที่อยู่บนทาวรถไฟ 3.แนวทางการขอยกเว้น เรื่อง วันเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับโรงแรม และ 4.แนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
"ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรถไฟ โดยคณะกรรมการฯส่วนใหญ่ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยมีการหยิบยกคดีก่อเหตุสะเทือนขวัญในอดีตมายกตัวอย่าง รวมถึงมองว่า การอนุญาต อาจก่อให้เกิดอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะได้ไม่คุ้มเสีย ผมจึงขอให้การรถไฟ สรุปตัวเลขที่คาดว่า จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวว่า ได้เท่าไหร่ เพื่อมาประกอบการพิจารณา เพราะคณะกรรมการฯไม่ได้ปิดโอกาส แต่ถ้ามีตัวเลขที่ชัดเจน และมีมาตรการความปลอดภัย ก็พร้อมสนับสนุน โดยเฉพาะขบวนเช่าเหมาลำ ที่ไม่มีผู้โดยสารท่านอื่นปะปน ก็จะง่ายต่อการดูแลอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้มีการพิจารณาแนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยได้เน้น 4 มาตรการหลัก คือ ขับเคลื่อนแบบบูรณาการ รณรงค์ประชาสัมพันธ์ ป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยง และการบังคับใช้กฎหมาย" รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ประสานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ร่วมดำเนินการตรวจเตือนประชาสัมพันธ์กฎหมาย และประเมินผู้มึนเมาสุราในชุมชนตามแนวทาง ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมมาตรการชุมชนในรูปแบบ ด่านครอบครัว โดยให้ผู้นำชุมชนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจเยี่ยมครอบครัวในกรณีที่มีเยาวชนดื่มแล้วขับ พร้อมให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สั่งการให้ อสม.รายงานผลการประเมินผู้มึนเมาในชุมชน/ด่านชุมชน เข้าสู่ระบบรายงานส่วนกลาง
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้มีการพิจารณาหลายเรื่องสำคัญ เช่น การขอยกเว้นสถานที่หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณสถานีรถไฟ หรือในขบวนรถที่อยู่บนทางรถไฟ ซึ่งทางการรถไฟ อยากขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในตู้นอนชั้น 1 หรือ ตู้เสบียง รวมถึงขบวนเช่าเหมาลำ โดยคณะกรรมการ ยังไม่มีมติเห็นชอบ ซึ่งให้การรถไฟ ไปพิจารณาสรุปรายละเอียดอีกครั้ง โดยขอยืนยันว่า ไม่ปิดโอกาส แต่ให้ศึกษารายละเอียดอีกครั้ง เช่น ขบวนเช่าเหมาลำที่ไม่มีผู้อื่นปะปน จะอนุญาตหรือไม่ ก็มีการพิจารณากัน และให้การรถไฟไปทำข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องต่อไป สมาคมโรงแรม ขอยกเว้นให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตลอด โดยคณะกรรมการ มองว่า การขายในโรงแรมในห้องอาหาร ยังมีความเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.โรงแรม ที่กำลังดำเนินการอยู่ จึงอนุโลมให้ในห้องพักของโรงแรมเท่านั้น โดยให้ฝ่ายเลขาฯ ร่างระเบียบต่อไป ซึ่งในห้องพักจะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในตู้เย็น ก็จะอนุญาตแค่นั้น โดยไม่ได้ให้โรงแรมสามารถขายได้ 24 ชั่วโมง
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องสุดท้าย แนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องของการรณรงค์ โดยการประชุมวันนี้ มีผู้แทนระดับสูงหลายกระทรวง ก็ขอให้ไปช่วยกันรณรงค์ ทั้งการเมาไม่ขับ ขับไม่ดื่ม เรื่องการตั้งด่านในชุมชนต่างๆ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การเมาอาละวาดด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี