ถือ2สัญชาติ‘ไทย-มอนเตเนโกร’พ่นพิษ
ชง‘กกต.’สอบ‘แม้ว’
‘สนธิญา’ชี้ส่อผิดก.ม.เลือกตั้ง
ห้ามต่างชาติยุ่งการเลือกตั้ง
พ่วงสอบหาเสียงหยาบคาย
‘พิราบขาว’ยื่นซ้ำหมิ่นเป็นหมา
“สนธิญา”ยื่น“กกต.”สอบ“ทักษิณ” ถือสัญชาติไทย-มอนเตเนโกร หรือไม่ เสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น-พรรคการเมือง-รธน.ห้ามต่างชาติเอี่ยวการเลือกตั้งทุกระดับ พ่วงร้องสอบหาเสียงหยาบคาบ-เป็นเท็จ อาจทำเลือกตั้งอบจ.อดุรฯโมฆะ’พท.’ปฏิเสธรับผิดชอบไม่ได้ เล็งยื่นหนังสือทวงถามนายกฯอิ๊งค์ ไม่อยู่ร่วมปิดประชุมอาเซียนซัมมิท ด้าน’นพรุจ’เดือด’ทักษิณ’หมิ่นนักร้องเป็นหมา ด้อยค่าคนไทย ย้ำคำพูดและพฤติกรรมบนเวทีปราศรัย หลักฐานชั้นดีมัดครอบงำพท.ท้าฟ้องกลับหากคิดว่าร้องเท็จ
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นหนังสือขอให้ กกต.ตรวจสอบการกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า นายทักษิณ ถือสัญชาติไทยและสัญชาติมอนเตเนโกร หรือสัญชาติอื่นด้วยหรือไม่ เนื่องจากอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น กฎหมายพรรคการเมืองและรัฐธรรมนูญ แม้ นายทักษิณ จะเป็นคนไทย มีสิทธิเสรีภาพที่จะทำทุกอย่างตามรัฐธรรมนูญไทยทุกประการ แต่ตนอยากจะให้ กกต.ตรวจสอบและพิจารณาวินิจฉัย เนื่องจากจะไปเกี่ยวพันกับ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น2562 มาตรา68
ร้อง’กกต.’สอบ’แม้ว’ถือ2สัญชาติ
เนื่องจากนายทักษิณ ไม่ได้อยู่ประเทศไทยมาเป็นเวลา17ปี โดยตนได้ทราบข่าวว่าถือสัญชาติมอนเตเนโกร และซื้อเกาะแห่งหนึ่งในประเทศดังกล่าว มูลค่า 20ล้านปอนด์และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเยือนมอนเตเนโกร ระหว่างวันที่ 14-15กันยายน2556 ได้มีการเจรจายกเว้นวีซ่าให้กับคนไทยที่จะเดินทางเข้าประเทศมอนเตเนโกร ซึ่งตนสงสัยว่าขณะนี้นายทักษิณยังคงถือสัญชาติมอนเตเนโกรอยู่หรือไม่ หรือถือสัญชาติไทยด้วย ทั้งนี้ ตนได้สอบถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้รับคำตอบว่า ประเทศมอนเตเนโกรไม่มีสถานทูตและสถานกงสุลประจำประเทศไทย แต่มีกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำประเทศไทย ตนจึงได้โทรติดต่อสอบถามเรื่องการถือสัญชาติของนายทักษิณ ซึ่งได้รับคำตอบว่าไม่สามารถตอบได้ ต้องสอบถามไปยังประเทศมอนเตเนโกรก่อน
ส่อผิดกม.เลือกตั้ง-รัฐธรรมนูญ2560
นายสนธิญา ระบุว่า วันนี้ตนจึงมายื่นให้ กกต.ตรวจสอบกรณีการถือสัญชาติมอนเตเนโกรของนายทักษิณ หากนายทักษิณยังคงถือสัญญาติอยู่พร้อมกับคงสัญชาติไทยอยู่ แม้ไทยจะไม่มีข้อห้ามในการถือกี่สัญชาติ แต่มี 90ประเทศ ไม่อนุญาตให้พลเมืองถือสัญชาติเกิน1สัญชาติ โดยรวมประเทศยูเครนและมอนเตเนโกรด้วย ซึ่งกกต.จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่า หากนายทักษิณ ยังถือทั้งสองสัญชาติ ก็จะทำให้การช่วยหาเสียงของนายทักษิณเป็นโมฆะและผิด พรบ.การเลือกตั้งท้องถิ่น ที่กำหนดห้ามบุคคลไม่ใช่สัญชาติไทยมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งทุกระดับ ขัดต่อ พ.ร.ป.พรรคการเมือง และรัฐธรรมนูญ2560
หาเสียงหยาบคาย-เป็นเท็จ-หลอกลวง
“สิ่งที่ผมจะมากราบเรียนถามเพื่อให้ กกต.โปรดวินิจฉัยก็คือว่า นายทักษิณ ถือสัญชาติของประเทศมอนเตเนโกรอยู่ด้วยหรือไม่ สัญชาติของไทยไม่มีปัญหา เพราะท่านได้โดยการเกิด แต่ท่านไม่อยู่ในประเทศไทย 17ปี เพิ่งเดินทางกลับมา ขณะนี้ท่านได้กระทำการดังกล่าวโดยเป็นไปตามกฎหมายของประเทศมอนเตเนโกรหรือไม่ อย่างไร และการที่นายทักษิณไปหาเสียงที่อุดรธานี และใช้คำพูดเช่นนักร้องเป็นหมา ตนได้ยื่นให้ กสม.แล้ว ประมาณ 2อาทิตย์จะได้รับคำตอบ วันนี้จึงมายื่นให้ตรวจสอบการหาเสียงด้วยถ้อยคำเป็นเท็จ หยาบคาย หลอกลวงหรือไม่อย่างไร เพราะนักร้องเรียนทุกคนไม่ได้เป็นหมา เป็นคน และยื่นเรื่องตรวจสอบตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญ” นายสนธิญา กล่าว
ละเมิดสิทธ์ประชาชนตามรธน.
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า การกระทำของนายทักษิณ ที่พูดบนเวทีการหาเสียงที่ จ.อุดรธานี เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นและละเมิดรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิ ตนจึงนำมาผนวกยื่นให้ กกต.ตรวจสอบด้วย และอาจจะมีผลนำไปสู่การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่อาจจะเป็นโมฆะ และเกี่ยวพันไปถึงพรรคเพื่อไทย เพราะมีโลโกของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งไปในนามผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทย จึงปฏิเสธการรับผิดชอบไม่ได้ จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจน ตนจะทำหนังสือสอบถามสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงเหตุผลที่ไม่ได้อยู่ร่วมพิธีปิดประชุมร่วมกับผู้นำประเทศอื่น ในระหว่างการเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิท ที่ประเทศลาว เมื่อเดือนตุลาคม อีกทั้งสำนักข่าวประเทศฟิลิปปินส์ ก็นำเสนอข่าวว่า นายกรัฐมนตรีของไทยไม่ได้อยู่ร่วมปิดการประชุมร่วมกับผู้นำประเทศอื่น ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจและกังวลใจ จึงจะทำหนังสือไปสอบถามเรื่องนี้ เนื่องจาก น.ส.แพทองธาร ทำหน้าที่ตัวแทนคนไทย จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจง เพื่อความสบายใจของคนไทย
‘พิราบขาว’ชงปล่อย’แม้ว’ครอบงำพท.
ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อกกต.กรณีคำร้องยุบ 6 พรรคการเมือง โดยนายนพรุจ กล่าวว่า วันนี้ที่ตนมายื่นเพิ่มเติมกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคี ที่วัดคลองครุ (ปัฐวิกรณ์) เมื่อวันที่ 9พ.ย2567และให้สัมภาษณ์ว่า จะลงพื้นที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี (อบจ.อุดรธานี) ซึ่งวันที่ได้มีการทอดกฐินก็ไม่ได้มีการคัดค้านจากฝั่งของพรรคเพื่อไทย ว่าจะไม่ให้นายทักษิณ ผู้ต้องหาคดีทุจริตไปร่วมเป็นผู้ช่วยหาเสียงด้วย นั่นแสดงว่าพรรคเพื่อไทยได้ปล่อยปละละเลยในการตรวจสอบตำแหน่งต่างๆ แล้วต่อมาเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2567 ที่จังหวัดอุดรธานี นายทักษิณ ก็ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียง แต่ต้องอย่าลืมว่าทั้งผู้ช่วยหาเสียงและผู้สมัครนายกอบจ.เป็นไปตามมติของพรรคส่งและตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา21วรรคหนึ่ง ที่มีมีผลบังคับใช้ได้จริง ซึ่งพรรคต้องคัด และพิจารณาอย่างรอบคอบในการส่งผู้สมัครและตำแหน่งในทางการเมืองต่างๆ แต่จากคำสัมภาษณ์ของ นายสุรวงศ์ เทียนทองและน.ส.แพทองธาร ชินวัตร กรรมการบริหารพรรคต่างๆ เห็นดีเห็นงามกับกรณีนี้
โชว์นโยบายหาเสียงอิทธิพลเหนือพท.
นายนพรุจ กล่าวอีกว่า คำปราศรัยของนายทักษิณ เมื่อวันที่ 13-14พ.ย.มีพฤติกรรมที่เห็นชัดเจนว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งมีคณะกรรมการบริหารพรรคมานั่งเป็นวอลเปเปอร์ในการปราศรัย แสดงให้เห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ อีกทั้งวันนั้นนายทักษิณ มีการพูดถึงนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงขั้นต่ำ 700บาท ซึ่งยังไม่เคยปรากฏในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยเลย และมีการพูดว่าจะสั่งการให้รัฐบาลทำอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งไม่ได้พูดถึงนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.และผู้สมัครนายกอบจ.ในวันนั้นก็เป็นการไปแค่ยืนโชว์ตัว และถ้อยคำของนายทักษิณ เป็นการครอบงำผู้สมัครนายกอบจ.และเป็นการครอบงำมติพรรคด้วย และการคิดนโยบายต่างๆที่ออกนอกกรอบ ไม่เกี่ยวกับการหาเสียงนายกอบจ.ดังนั้นการหาเสียงในวันดังกล่าว จึงถือเป็นเวทีในการหาเสียงของนายทักษิณและส่อที่จะมีอิทธิพลเหนือรัฐบาล ในการกำหนดนโยบายต่างๆและการขานรับของกรรมการบริหารพรรค เป็นไปอย่างราบรื่นไม่ได้ขัดขวาง ดังนั้นวันนี้นายทักษิณ ถือเป็นสัญลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย
เหยียดหยามคนไทย “นักร้อง”เป็นหมา
“คนไทยไม่ได้กินหญ้า รู้ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นของนายทักษิณ และสามารถสั่งการได้ ไม่ได้เป็นการครอบงำ แต่เป็นการครอบครองพรรคเพื่อไทย และมีอิทธิพลเหนือน.ส.แพทองธาร และกรรมการบริหารพรรคทุกคน ดังนั้นวันนี้ตนจึงมายื่นร้องเพิ่มเติม ด้วยคลิปเสียงคำพูดในวันปราศรัยหาเสียง สิ่งที่ท่านพูดว่า หมาอยู่ส่วนหมา คนอยู่ส่วนคน เพิ่มเป็นบุคคลที่เหยียดหยามคนไทย ประเทศไทยเดิมเป็นประเทศที่ชื่อว่าสยาม ประเทศไทยแปลว่าสยาม สยามแปลว่าเสือ หยามไม่ได้ ท่านเป็นคนไทยหรือเปล่า ที่หยามคนไทยด้วยกัน ตนก็เป็นอดีตลูกน้องท่าน การที่มาร้องเรียนเกิดมาจากท่านทำตัวเหนือกฎหมาย ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ท่านเคยศึกษาหลักเสรีภาพ ความเสมอภาคบ้างหรือไม่ ในเมื่อเราเกิดเป็นลูกหลานแผ่นดินสยามทุกคน คือเสือหยามกันไม่ได้ พรรคเพื่อไทยไม่ใช่เจ้าของแผ่นดิน ทำตัวเหนือกฎหมาย เหนือความถูกต้อง ถ้าไม่มีพฤติกรรมให้ร้องเรียนใครจะมาร้องได้ ไม่กลัวจะถูกฟ้องร้องกลับ เราทำสิ่งถูกแม้จะตายก็ยอม “ นายนพรุจ
‘เทพไท’เย้ย’แม้ว’ให้เด็กรุมถอนหงอก
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก“เทพไท-คุยการเมือง” เรื่อง “ทักษิณ อยู่ดีไม่ว่าดี ให้เด็กรุมถอนหงอก” ระบุว่า ทักษิณ อยู่ดีไม่ว่าดี ให้เด็กรุมถอนหงอก ผมได้ติดตามการปราศรัยหาเสียงนายกอบจ.อุดรธานีอย่างใกล้ชิด ทั้งเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทย และเวทีปราศรัยของพรรคประชาชน ต้องยอมรับว่ามีการปราศรัยแบบดุเด็ดเผ็ดมัน แม้จะเป็นการเมืองท้องถิ่นก็ตาม แต่ประเด็นที่ปราศรัยและตอบโต้กัน เป็นประเด็นการเมืองระดับชาติทั้งสิ้น เริ่มต้นจากการปราศรัยของนายทักษิณชินวัตร ที่โจมตีพาดพิงพรรคประชาชนในหลายประเด็น เปรียบเหมือนการตบเด็กโชว์นาย แต่ในที่สุดเด็กก็ฮึดสู้ สวนกลับได้อย่างสะใจ ขุนพลของพรรคประชาชนแต่ละคนขึ้นปราศรัยตอบโต้ประเด็นที่นายทักษิณเคยพูดไว้ นำเหตุผลมาหักล้างและย้อนกลับเข้าตัวนายทักษิณอย่างแสบๆคันๆ ประเภทตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่ละเว้นเลยแม้แต่ประเด็นเดียว ถือว่าสะใจคอการเมืองเป็นอย่างยิ่ง จะโทษใครไม่ได้ เพราะนายทักษิณเป็นคนเปิดประเด็นไว้ก่อน แล้วให้เด็กมาถอนหงอกเล่น ทำให้เด็กเลิกเคารพนับถือ เสียผู้เสียคนตอนแก่
ชี้“ปชน.”ได้เปรียบ “ทักษิณ”ขาดทุน
การเกิดวิวาทะจากการปราศรัยครั้งนี้ จะเป็นการบ่งบอกถึงความขัดแย้งทางความคิด ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนอย่างชัดเจน ลบล้างคำว่าพันธมิตรทางการเมือง หรือสัญญาใจ หรือดีลลับฮ่องกงได้อย่างชัดเจน เพราะนายทักษิณพยายามยัดเยียดและผลักให้พรรคประชาชนเป็นพรรคการเมืองหัวรุนแรง จ้องรื้อโครงสร้างประเทศ และเป็นอันตรายต่อสถาบันหลักของชาติ ต้องการปลุกปีศาจสีส้มมาหลอกหลอนชนชั้นนำ ต้องการเป็นหัวขบวนของฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างเต็มตัวแล้ว การประกาศทวงคืนแชมป์ให้พรรคเพื่อไทย ของนายทักษิณในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะได้ที่นั่ง 200 คนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากพรรคเพื่อไทยยังไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน ตระบัดสัตย์ หักหลังประชาชน เลือกข้างอยู่กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งแย่งคะแนนกันระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมด้วยกัน ก็จะทำให้คะแนนของฝ่ายเสรีประชาธิปไตย เทให้กับพรรคประชาชนมากยิ่งขึ้น การเลือกตั้งครั้งต่อไป จะเป็นการแข่งขันกันในเรื่องจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคการเมือง มากกว่าผลงานหรือเงินทุน และในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็จะแพ้พรรคประชาชนอีกครั้งหนึ่ง การปราศรัยปะทะคารมกันครั้งนี้ จะมีผลต่อการเลือกนายกอบจ. อุดรธานีหรือไม่ ไม่สามารถวัดได้ แต่ถ้าการเมืองระดับชาติ การปราศรัยตอบโต้กันแบบนี้ ถือว่าพรรคประชาชนได้เปรียบ ทักษิณขาดทุน
‘ภูมิธรรม’รอชาวอุดรธานีตัดสิน
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคประชาชน(ปชน.) ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานีและมีการตอบโต้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลายประเด็น ว่า ก็รอให้ประชาชนชาวอุดรธานีตัดสินใจดีกว่า ไม่มีความเห็น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายคนมองว่าการที่นายทักษิณ ขึ้นเวทีปราศรัยและนำนโยบายของรัฐบาลขึ้นปราศรัยด้วย เกินอำนาจหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ว่าไปตามกระบวนการ เมื่อถามต่อว่า มีหลายกระทรวงรับลูกจากที่นายทักษิณ พูดบนเวทีปราศรัย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตามกฎหมายมีอยู่แล้ว อะไรที่ผิดกฎหมายก็ว่าไป อะไรที่ถูกกฎหมายก็ไม่มีปัญหา
‘สมคิด’แนะทำการเมืองสร้างสรรค์
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และอดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงวิวาทะระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน (ปชน.) ที่เกิดขึ้นภายหลังจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ของพรรคเพื่อไทย ว่า เป้าหมายของนายทักษิณในการปราศรัยคือ จะได้ สส.200 คน เป็นเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย และที่เคยคุยกันไว้คุยกันถึง 220คนด้วยซ้ำไป ถือเป็นเป้าหมายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง และดูว่าตรงไหนที่เราแพ้เพราะอะไร เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา จึงอยากให้พรรคประชาชนพูดถึงการเสนอนโยบาย ทำการเมืองสร้างสรรค์ เอาพอหอมปากหอมคอ และขอฝากไปยังคนที่เห็นต่างว่า ความคิดเห็นที่ต่างกันเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าปั่นกระแสทำลายกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี อยากให้พูดเรื่องนโยบายและสิ่งที่ทำให้ประชาชนดีกว่า อย่าให้ถึงขนาดเอาทุกตัวอักษรมาเล่ากัน หรือเอาทุกคำพูดมาเล่ากัน เพราะมันจะไม่จบสิ้น
“อดิศร”เบรกพรรคส้มด่า”ทักษิณ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์คลิปผ่านติ๊กต็อก @adisorn.piengkesโดยในคลิป นายอดิศร กล่าวว่า การหาเสียง อบจ.อุดรธานี ไม่ทราบว่าพรรคส้มไปกินอะไรมา โอ้โหด่าดอกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร ยังกับเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาอดีตหลายชาติเลยทีเดียว หาเสียงก็ว่ากันไป ก็อยากให้ประชาชนเลือกตั้งตนเองเอาชนะพรรคการเมือง หรือผู้สมัครคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา นี่เล่นว่า ดอกเตอร์ทักษิณ ยังจะไม่คบกันอีกในอนาคต ผมถึงบางอ้อ ปัจจุบันที่พรรคเพื่อไทยไม่ร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาชน หรือพรรคก้าวไกล มันเป็นสัจธรรม ยิ่งนานไปยิ่งรู้เช่นเห็นชาติ พี่น้องประชาชนคนอุดรธานีที่จะเลือกตั้งใครเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะเลือกนายก อบจ. มาบริหารท้องถิ่น ประสานมือกับทางรัฐบาล ด่ามั่วทั่วอุดร ปากสัญจรด่าทักษิณ นโยบายไม่ได้ยิน ด่าถึงถิ่นคนเสื้อแดง ไปกล่าวหาว่า คนอุดรถูกซื้อเสียงห้าร้อยบาท ไปด่าเสื้อแดงอย่างโน้นอย่างนี้ เอาให้มันพอดิบพอดี ระวังปากไว้หน่อย ชนะอยู่ที่พวก สะดวกอยู่ที่ีเงิน เจริญอยู่ที่นาย ฉิบหายอยู่ที่ปาก
หวั่นครหา‘หนู’ไม่ยุ่งชิงนายกอบจ.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ จะลงไปช่วยหาเสียงหรือไม่ ว่า ส่วนตัวคงจะไม่ได้ลงไป การเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถ้าลงไปก็จะเป็นข้อครหาได้เยอะ ได้แต่ส่งกำลังใจช่วยทุกคน ขอให้ทุ่มเทเต็มที่ เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เลือกเข้ามาทำงาน
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าผู้สมัครในนามของพรรคภูมิใจไทย จะได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.สุรินทร์ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดตามเลย เพราะทำตัวเป็นกลาง ก็ต้องทำตัวให้เป็นกลางจริงๆ และตนได้มอบหมายให้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกหนังสือกำชับข้าราชการฝ่ายปกครอง ให้วางตัวเป็นกลาง ไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบใดๆ ในระหว่างผู้สมัครเมื่อถามว่า การที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศบนเวทีหาเสียงนายก อบจ.อุดรธานี ว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) จะกวาดที่นั่ง สส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถึง 200เสียงและพรรคประชาชน (ปชน.) ก็ประกาศเช่นเดียวกันว่าจะกวาดเก้าอี้ สส.ถึง 270 เสียง ในส่วนพรรคภูมิใจไทยจะกวาดที่นั่งกี่เก้าอี้ นายอนุทิน ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า ตนตอบไปแล้ว ถ้าพรรคภูมิใจไทย ก็คงเป็น 800กว่าเสียง ถ้ารวมกันทุกพรรคก็อาจจะมีถึง2,000เสียง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี