"หม่อมปลื้ม"วิเคราะห์"ทักษิณ"เคลื่อนไหวอุดรฯ ชี้เลือกตั้งใหญ่หนหน้า "เท้ง"บุคลิกโดดเด่นสู้"อิ๊งค์"ไม่ได้
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล นักวิเคราะห์ข่าวการเมือง ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นการทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่เดินทางกลับสู่ประเทศไทย ซึ่งเริ่มจากการลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ของพรรคเพื่อไทย ว่า แม้ความเคลื่อนไหวที่ จ.อุดรธานี จะน่าติดตาม แต่ก็ถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนายทักษิณ เพราะเปรียบเสมือนเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดงอยู่แล้ว
ซึ่งเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ เช่น กรุงเทพฯ หรือ จ.เชียงใหม่ ที่พรรคการเมืองสีส้มได้คะแนนเสียงมากในการเลือกตั้ง สส. ครั้งที่ผ่านมา หรือ จ.นครศรีธรรมราช ก็ถือว่าไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัย แต่ จ.อุดรธานี ตนเชื่อว่าผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยชนะอยู่แล้ว แต่หากชนะขาดลอยแบบถล่มทลาย นายทักษิณก็จะได้เครดิตไป ดังนั้นเวทีแรกที่นายทักษิณหวนคืนสู่การเมืองในฐานะนายใหญ่ในการหาเสียง มีการขึ้นเวทีและดูเหมือนจะประกาศนโยบายล่วงหน้า ตนมองว่าเพราะนั่นเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าอย่างไรก็คงไม่เสียศักดิ์ศรีแน่
อย่างไรก็ตาม คนภายนอกมักคิดว่าทุกอย่างมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี แต่ตนคิดว่านายทักษิณเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่เงียบๆ หรือโลว์โปรไฟล์ จะให้นายทักษิณอยู่บ้านไม่มีบทบาททางการเมือง เทียบแล้วก็คงเหมือนการให้ตนอยู่บ้านไม่ออกโทรทัศน์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตไปแล้ว และเมื่อดูลีลาการปราศรัยของนายทักษิณ จะพบว่านี่คือรูปแบบการปราศรัยในเวลาที่นายทักษิณรู้สึกฮึกเหิมมั่นใจในตนเอง
ทั้งนี้ ในมุมมองของตน การปราศรัยที่ จ.อุดรธานี เป็นสถานการณ์ทั้งนายทักษิณและมวลชนที่สนับสนุนล้วนได้ทั้งคู่ หรือวิน-วิน เพราะผู้ที่ชื่นชอบก็อยากเห็นนายทักษิณซึ่งเป็นคนที่พวกเขาลงคะแนนให้ในการเลือกตั้งหลายสมัย ดังนั้นตนคิดว่าคนในพื้นที่นั้นเขามีความสุขจริงๆ เพราะได้ดูตัวจริงไม่ต้องดูตัวแทนแล้ว ในมุมของคนที่เขาเลือก การดูตัวแทนมันไม่สนุกและน่าเบื่อ อย่างทางฝั่งพรรคสีส้ม คนที่สนับสนุนเขาต้องเลือกนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ แทนที่จะเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
“เวลาที่ตัวพ่อหรือตัวบิ๊กมาเอง ผมคิดว่าสำหรับประชาชนเป็นสิ่งที่ดี สำหรับผมไม่ชอบเห็นนักการเมืองโดนตัดสิทธิ์ด้วยซ้ำเพราะผมมองว่านักการเมืองคนนั้นก็เป็นที่นิยมของประชาชนอยู่ ทำไมต้องให้เป็นระบบการเมืองซึ่งทุกคนมีตัวแทน มีทายาท ทั้งๆ ที่ตัวจริงซึ่งเก่งกว่าและเหมาะกว่า จริงๆ แล้วควรเป็นคนที่ประชาชนได้เลือก งานนี้ผมคิดว่าสำหรับคุณทักษิณก็วินเหมือนกัน เพราะเหมือนได้หวนคืน ได้กลับมาเป็นตัวของตัวเอง” ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าว
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวต่อไปว่า การพูดจาหาเสียงของนายทักษิณอาจมีคนไม่ชอบ แต่คนที่ชอบเขาก็สนุก ให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับโดนัลด์ ทรัมป์ ในการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็ซัดคนอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งแบบเต็มๆ ไม่มีเกรงใจ แต่คนที่สนับสนุนทรัมป์เขาก็ชอบ ส่วนคนที่เกลียดทรัมป์ก็ยังคงเกลียด นายทักษิณก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีภาพเป็นผู้จุดกระแสความขัดแย้งในสังคม (Controversial) คือคนที่ชอบนายทักษิณอย่างไรเขาก็เลือก ส่งลูกสาวมาลงก็เลือก แต่คนที่เกลียดก็จะสู้กับระบอบทักษิณไปจนวันตาย
โดยหากดูการเมืองในสหรัฐฯ คนที่เกลียดหรือต่อต้านทรัมป์ มองว่าทรัมป์เป็นคนไม่มีจริยธรรม เขาก็จะสู้ไปจนวันตายเช่นกัน แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดผู้สมัครที่คนเหล่านี้สนับสนุนจะแพ้แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะจะรอการเลือกตั้งรอบหน้า ตนจึงมองว่าคล้ายกัน คนที่ชอบนายทักษิณจะมีความสุข ส่วนคนที่รอให้นายทักษิณพังอีกรอบก็คงกำลังลับมีดกันอยู่และคิดว่าจะสู้ต่ออย่างไร
ส่วนกรณีที่นายทักษิณประกาศเปิดศึกกับนายธนาธร ตนมองว่าเป็นสถานการณ์บังคับในการเมืองเวลานี้ เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจับมือกับพรรคร่วมไทยสร้างชาติ อีกทั้งได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) สถานการณ์จึงเหลือคู่แข่งเพียงรายเดียวที่ไม่อยู่ในขั้วเดียวกันก็คือพรรคประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยที่เป็นรัฐบาล และพรรคประชาชนที่เป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นพรรคใหญ่ โดยพรรครุ่นก่อนหน้าพรรคประชาชนคือพรรคก้าวไกล ได้คะแนนเสียงเลือกตั้งหนที่แล้วเป็นอันดับ 1 ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็อยู่ในอันดับ 2
อนึ่ง ตนเคยไปออกรายการกับ พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ซึ่ง พล.ท.พงศกร ตั้งข้อสังเกตว่า นายทักษิณมีความระคายเคืองในใจที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกในการเลือกตั้งโดยที่ฝ่ายชนะนั้นไม่มีกลไกพิเศษใดๆ เลย แม้แต่ในบางจังหวัดที่พรรคเพื่อไทยชนะมาตลอด เช่น จังหวัดทางภาคเหนือ ในส่วนนี้หากนายทักษิณคิดจะอำลาวงการเมืองและไปอยู่เงียบๆ จริงๆ โดยให้ลูกมาทำงานการเมืองต่อ การอำลาแบบพ่ายแพ้ ให้นึกถึงนักมวยที่แพ้แล้วก็อยากชกต่อ แต่เมื่อไม่ใช่วัยที่พร้อมอีกแล้วชกต่อไปก็ไม่สามารถชนะได้
ดังนั้นนักมวยส่วนใหญ่ต้องการจบไฟต์สุดท้ายก่อนแขวนนวมด้วยชัยชนะ แต่หากไฟต์สุดท้ายของนายทักษิณหมายถึงการเลือกตั้งรอบหน้า ณ เวลานี้พรรคสีส้มก็ยังดูเหนือกว่าหากพูดถึงสนามเลือกตั้งระดับชาติไม่ใช่ระดับท้องถิ่น ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณใน จ.อุดรธานี จึงกลายเป็นการโชว์ความพร้อมในการที่จะชนะในสนามการเมืองระดับชาติ
ส่วนการเปรียบเทียบระหว่างนายทักษิณกับนายธนาธร ซึ่งจริงๆ ควรเป็นเช่นนั้นหากทั้ง 2 คนไม่ถูกตัดสิทธิ์ อย่างหนึ่งคือนายทักษิณเป็นคนที่สร้างฐานะตนเองขึ้นมาจนเป็นอภิมหาเศรษฐี ในมุมนี้ถือว่านายทักษิณมีประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจที่ครบเครื่องกว่านายธนาธร แต่หากมองแบบข้อด้อย ธุรกิจของนายทักษิณมีรูปแบบเป็นสัมปทาน ซึ่งเมื่อได้สัมปทานแล้วโอกาสสร้างธุรกิจให้เติบโตนั้นจะค่อนข้างเร็ว
ขณะที่นายธนาธรจะถูกมองว่าไม่ใช่คนรุ่นแรกที่สร้างธุรกิจขึ้นมาจนร่ำรวย แต่เป็นการสร้างโดยคนรุ่นปู่และรุ่นพ่อ หากมองแบบนี้นายทักษิณก็เหนือกว่า แต่สิ่งที่ได้เปรียบสำหรับนายธนาธรคือการเป็นนักอุดมการณ์ ซึ่งจะมองว่าเป็นอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าก็ได้ ความที่เป็นนักอุดมการณ์มาก่อนในการเคลื่อนไหว ในบทบาทของสื่อสารมวลชนซึ่งเขาทำ รวมถึงการสนับสนุนองค์กรประชาสังคม (NGO) คือนายธนาธรวางตนเองว่าจะเป็นนักการเมืองแบบนักอุดมการณ์ ซึ่งรูปแบบจะแตกต่างจากนักการเมืองที่ชูจุดขายเรื่องการเป็นนักบริหาร
“ดร.ทักษิณ ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย มาจนถึงความสำหรับในนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ วางตนเองว่าประสบความสำเร็จในฐานะนักบริหาร ดังนั้นนักบริหารจะถูกมองว่าพร้อมที่จะรอมชอมเพื่อรักษาอำนาจ นี่คือข้อด้อยของภาพลักษณ์ของ ดร.ทักษิณ ที่นำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วครั้งที่ผ่านมา ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยสูญเสียความนิยมจากประชาชนสายอุดมการณ์ที่ต้องการต่อสู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ความที่ธนาธรวางตัวเองและพรรค รวมถึงพิธาด้วย เป็นพรรคแห่งอุดมการณ์ ภาพลักษณ์นั้นขายได้ในระยะยาวมากกว่าภาพลักษณ์ของนักธุรกิจ” ม.ล.ณัฏฐกรณ์ ระบุ
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยพยายามชูจุดขายเรื่องศักยภาพในการบริหารเศรษฐกิจ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะไม่สามารถขายชุดอุดมการณ์แบบพรรคการเมืองสีส้มที่ผูกขาดภาพลักษณ์การเมืองแบบก้าวหน้า (Progressive Politic) ไปแล้ว แม้จะไม่ได้ตั้งชื่อพรรคการเมืองว่าพรรคก้าวหน้าก็ตาม นั่นทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยเสียไปและไม่อาจกลับไปเป็นอย่างในอดีตได้ พรรคเพื่อไทยจึงไม่มีทางได้รับความนิยมเหมือนกับพรรคไทยรักไทย
ทั้งนี้ คนที่เลือกพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งรอบที่แล้วรู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถเข้าถึงอำนาจ ทั้งที่ภาพลักษณ์ของพรรคสีส้มดีกว่าพรรคเพื่อไทยหลังเกิดการข้ามขั้ว แต่ก็ยังต้องต่อสู้กันต่อไปในเชิงตัวบุคคล กล่าวถึง หากเป็นการแข่งขันกันตรงๆ ระหว่างนายทักษิณกับนายธนาธร คงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่การเลือกตั้งรอบหน้า จะเป็นการแข่งขันระหว่างนายณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคประชาชน กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ซึ่งตนมองว่านายณัฐพงษ์มีบุคลิกภาพเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ หรือหากจะส่งนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ที่ปัจจุบันเป็นโฆษกพรรคพลังประชาชน ตนก็มองว่ามีบุคลิกเรียบร้อยไม่ต่างกัน แต่ไม่ใช่คนที่มีเสน่ห์ เมื่อเทียบกับนายพิธา ที่ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบแต่ก็ต้องยอมรับว่านายพิธาเป็นคนมีเสน่ห์ อย่างการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว นายพิธาที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็โปรยเสน่ห์ได้เก่งกว่าคนที่คาดไว้เยอะ ให้เปรียบเทียบง่ายๆ คือนายพิธามีเสน่ห์มากกว่า น.ส.แพทองธาร แต่ น.ส.แพทองธาร ก็ยังมีเสน่ห์มากกว่านายณัฐพงษ์
ดังนั้นแม้พรรคสีส้มจะมีนโยบายก้าวหน้าและดูกินใจในเชิงอุดมการณ์ ซึ่งฝ่ายประชาธิปไตยก็เทคะแนนให้เพราะพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว แต่ น.ส.แพทองธาร มีออร่าในบุคลิกภาพที่เจ้าตัวสามารถดึงออกมาในการหาเสียงได้มากกว่านายณัฐพงษ์ โดยตัวบุคคลก็เป็นประเด็น ให้ดูการเมืองสหรัฐฯ ตัวแทนพรรคเดโมแครตตั้งแต่ยุคบารัค โอบามา จนถึงกมลา แฮร์ริส ใช้นโยบายชุดเดียวกัน ขณะที่นโยบายของทรัมป์จากพรรครีพับลินกัน หากไม่นับเรื่องผู้อพยพหรือคนเข้าเมือง เรื่องอื่นๆ ทั้งคนอเมริกันและคนที่อื่นๆ ทั่วโลก หลายเรื่องเขาก็มองว่าโอเค
“แต่จุดขายที่ทำให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งคือความโดดเด่นของความแรงของบุคลิกภาพของเขา ที่แฮร์ริสไม่มี แฮร์รัสไม่มีปัจจัยเสริมที่เป็นปัจจัยคาริสมา (Charisma - เสน่ห์) ที่โอบามานั้นมี ดังนั้นบุคลิก ออร่า คาริสมา เสน่ห์ ความแรง ทั้งหมดนี้ถ้าเปล่งออกมาได้โอกาสชนะมีสูงกว่า ซึ่งถ้าเป็นธนาธรหรือพิธาจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ แต่เมื่อเป็นการแข่งขันระหว่างอุ๊งอิ๊งค์ (น.ส.แพทองธาร) กับเท้ง (นายณัฐพงษ์) ผมคิดว่ามันไม่ง่ายสำหรับเท้ง” ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าว
ชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=VlmthGBWA_I
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี