ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
อสส.ชคดี‘แม้ว-พท.’
ทำบันทึกส่งศาลรัฐธรรมนูญ
‘ทักษิณ’จ้อสื่อนอก/ไร้ปัญหา
แย้ม‘ปู’กลับสงกรานต์ปี’68
‘ทวี’ขึงขังยึดตามกฎหมาย
“อสส.”ชี้“ทักษิณ-เพื่อไทย.” ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ไม่รับดำเนินคดี ส่งความเห็นให้ศาลรธน.แล้วพร้อมผลสอบถ้อยคำคู่ความชี้ศาลรธน.ยังเดินหน้าพิจารณาต่อได้“ทักษิณ”โผล่จ้อสื่อญี่ปุ่น ลั่น‘ยิ่งลักษณ์’กลับไทย‘สงกรานต์’ปีหน้าเชื่อไม่มีปัญหาขัดขวาง เจ้าตัวมั่นใจรอดคดีม.112ชี้ข้อกล่าวหาไม่มีมูลนายก’อิ๊งค์’บอกปมอสส.ไม่รับดำเนินคดี แจงไม่ล้มล้างปกครองย้ำให้ว่าตามกระบวนการ ขอผ่านไปทีละเรื่องตอบชัด ใครสงสัยประเด็น‘ทักษิณ’ให้ถามพ่อเผย“อาปู-ยิ่งลักษณ์”ไม่ได้ประสานกลับไทย‘ทวี’ระบุเช่นกัน ยังไม่ได้รับประสาน‘ปู’ขอกลับไทย ย้ำต้องปฏิบัติตามกม. ยันกลับไร้‘ทักษิณโมเดล’ด้าน‘เรืองไกร’ร้องกกต.ชงศาลรธน.ชี้คุณสมบัติ‘แพทองธาร-มาริษ’ปมถือหุ้นสยามเมดเทคฯ
เมื่อวันที่ 19พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ เป็นอัยการสูงสุด(อสส.)ได้ลงนามตอบถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในประเด็นที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง)ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่านายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1 ) และ พรรคเพื่อไทย (ผู้ถกร้องที่ 2 ) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน
อสส.ชี้’แม้ว-พท.ไม่เข้าข่ายล้มล้างปค.
ซึ่งเดิมนั้นมีรายงานว่าที่อัยการสูงสุดส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญมีข้อมูลในการสอบถ้อยคำทั้งทางฝั่งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง โดยในส่วนผู้ถูกร้องทราบว่าไม่ได้มีการสอบถ้อยคำนายทักษิณ ชินวัตร
อย่างไรก็ตามมีรายงานเพิ่มเติมพบว่าในวันดังกล่าว( 8 พ.ย.)นอกจากอัยการสูงสุดจะส่งบันทึกสอบถ้อยคำทั้งพยานฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้วยังมีความเห็นแจ้งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองอัยการสูงสุด จึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอซึ่งเป็นไปตามความเห็นของคณะทำงานที่เสนอมายังอัยการสูงสุดก่อนหน้านี้
ชี้ศาลรธน.ยังเดินหน้าพิจารณาต่อได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา49 บัญญัติไว้ว่า บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้ ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอหรือไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง เท่ากับว่า แม้อัยการสูงสุดจะมีมติไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะยังมีอำนาจพิจารณาคดีต่อไปได้
‘จตุพร’จับตาคดี‘แม้ว-พท.’22พย.
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชนเฟซบุ๊คไลฟ์ว่าวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.นี้จะเป็นปฐมบทของคนรักชาติได้หยุดนายทักษิณ ชินวัตรและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเพื่อป้องกันภัยสุ่มเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อคนหลายรุ่นถัดไปในอนาคตนายจตุพรกล่าวว่าส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษรหรือไม่ในวันที่ 22พ.ย.นี้ เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้พิจารณาซึ่งจะทำให้อำนาจทางการเมืองจะเปลี่ยนโดยฉับพลันแต่สิ่งต้องจับตาคือจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯและรมต.รวม3คนด้วยหรือไม่ เพราะจะทำให้การเมืองเกิดแรงเหวี่ยงขึ้นมากมาย
“ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องแล้ว โรคแทรกจะเกิดขึ้นทันทีโดยจะมีการร้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกรณีทักษิณไม่ได้ติดคุกเลยซึ่งไม่เป็นไปตามคำพิพากษาและไม่เป็นไปตามพระบรมราชโองการฯ”
จับตาจุดเปลี่ยนการเมืองไทย
นายจตุพรกล่าวอีกว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องแล้ว การเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรจะเปลี่ยนทันที โดยพรรคประชาชนจะทิ้งเพื่อไทยแบบขาดลอย แล้วบีบรัดให้การเมืองกรณีอื่นๆเข้ามาผสมด้วยซึ่งจะไม่ปล่อยให้นายทักษิณก่อปฏิบัติการสุ่มเสี่ยงกับบ้านเมืองทั้งการตั้งบ่อนคาสิโนแลนด์บริจด์รวมทั้งดิจิทัลวอลเล็ตและการเจรจากับกัมพูชาอีกทั้งการจะตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติย่อมเปิดช่องให้ดิจิทัลเข้ามาสู่ระบบเงินตราของประเทศได้ง่ายขึ้นดังนั้นการเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้าครม.เพื่อขออนุมัติให้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จึงไม่แน่ใจพรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นชอบด้วยหรือไม่และยังไม่ชัดเจนจะทำให้แบงก์ชาติปลอดจากการเมืองแทรกแซงหรือไม่ด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะมีการร้องเรียนตามมาและจะทำให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอนได้
“วันนี้ไม่มีใครไปทำอะไรคุณหรอกแต่คุณหาแต่เรื่องเองทั้งนั้นเห็นอยู่แล้วเขาพ้นจากตำแหน่งประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกฯเศรษฐา ทวีสินยังไม่ถึงปีแล้วมาสุ่มเสี่ยงทำไมกับคุณสมบัติต้องห้าม เมื่อถึงจุดนี้ยิ่งดิ้นมากเท่าไร ก็ยิ่งฆ่าตัวตายทางการเมืองมากเท่านั้น”นายจตุพรระบุและว่า ถ้าต้องการเป็นประชาธิปไตยแล้ว นายทักษิณต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการทำลายประชาธิปไตย ทั้งที่เงื่อนไขในอดีตเป็นบทเรียนถูกยึดอำนาจมาแล้วและที่สำคัญการเป็นประชาธิปไตยที่ต้องการสร้างไม่เป็นของจริงแต่เป็นประชาธิปไตยที่ไม่รักษาสัญญากับประชาชนหรือประชาธิปไตยตระบัดสัตย์กับประชาชน
‘แม้ว’ลั่น‘น้องปู’กลับไทยสงกรานต์ปีหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สำนักข่าว Nikkei Asiaเผยแพร่บทสัมภาษณ์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่18พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าการให้สัมภาษณ์ของทักษิณครั้งนี้ถือเป็นการให้สัมภาษณ์สื่อใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขากลับไทยเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วโดยมีการแสดงความเห็นในหลายประเด็นซึ่งประเด็นการกลับไทยของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น ทักษิณกล่าวว่า เขาพยายามสร้างความมั่นใจว่าน้องสาวของเขาจะสามารถกลับไทยได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า
“ผมไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรที่ขัดขวางเธอ (ยิ่งลักษณ์)ไม่ให้กลับบ้าน ผมคิดว่าเธออาจจะกลับมาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส(ที่เหมาะสม)”ทักษิณ กล่าว
มั่นใจรอดคดี112ชี้ข้อกล่าวหาไม่มีมูล
นอกจากนี้ทักษิณยังให้ความเห็นต่อกรณีของเศรษฐา ทวีสินซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคม ก่อนที่บุตรสาวของเขาจะเข้ารับตำแหน่งแทนโดยมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น“ไม่คาดคิด”และกล่าวว่าบุตรสาวของเขาใส่ใจและระมัดระวังอย่างยิ่ง“เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ประสบชะตากรรมเดียวกัน”
โดยเขายังแสดงความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทยที่มีการใช้อำนาจทางกฎหมายบ่อยครั้งเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมืองซึ่งในกรณีเกี่ยวกับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เขาปฏิเสธว่า“เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลอย่างสิ้นเชิง”และแสดงความเชื่อมั่นว่าจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ
‘อิ๊งค์’ชี้ปมอสส.ให้ว่าตามกระบวนการ
เวลา12.10น.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กรณีอัยการสูงสุดมีความเห็นว่าการกระทำของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพรรคเพื่อไทยไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร นักกฎหมายอิสระจะนำเรื่องนี้ไปเป็นข้อโต้แย้งทางคดีหากเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า“ถ้าเรื่องแบบนี้ก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายทั้งหมดซึ่งเราไม่ได้เข้าไปตรงนี้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าจะเป็นสัญญาณสร้างความมั่นใจให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เราให้ผ่านไปที่ละเรื่อง ถ้าเรื่องนี้ไม่มีอะไรก็ให้ผ่านไปทีละเรื่อง เราไม่อยากตีเรื่องนี้ไปกระทบเรื่องนั้น อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย
ย้ำชัดใครสงสัยปมทักษิณ’ให้ถามพ่อเลย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือสองสัญชาติ คือ สัญชาติไทย และมอนเตเนโกร เพราะอาจขัดกับกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น เนื่องจากนายทักษิณ เป็นผู้ช่วยหาเสียง ข้อเท็จจริงนายทักษิณ ถือกี่สัญชาติ โดย น.ส.แพทองธาร นิ่งคิด ก่อนตอบว่า “ท่านทักษิณกลับมาแล้ว เชิญสื่อมวลชนถามท่านทักษิณได้เลยนะคะ”
เผย‘อาปู’ไม่ได้ประสานรบ.กลับไทย
เมื่อถามถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ประสานมายังรัฐบาลไทยหรือไม่ หลังนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกลับประเทศไทยมาเล่นสงกรานต์ปีหน้าน.ส.แพทองธาร หัวเราะก่อนกล่าวว่า “นายทักษิณกลับมาแล้ว เชิญสัมภาษณ์นายทักษิณได้เลยค่ะ” เมื่อถามย้ำว่าที่ถามหมายถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่นายทักษิณ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า”ก็เห็นบอกว่านายทักษิณเป็นคนให้สัมภาษณ์”
เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะเป็นรัฐบาลก็ต้องได้รับการประสาน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ท่านยิ่งลักษณ์ไม่ได้ประสานมายังรัฐบาล ถ้ามีคือทรหาหลาน” ก่อนชี้มาที่ตัวเอง
‘อิ๊งค์’เล็งแถลงผลงาน100วันธ.ค.นี้
น.ส.แพทองธารยังได้ตอบสื่อต่างประเทศรัฐบาลมีแผนที่จะแถลงผลงานการทำงานในรอบ100วัน ในระยะเวลาอันใกล้นี้หรือไม่ว่ารัฐบาลมีแผนที่จะแถลงผลการทำงานต่อประชาชนในช่วงเดือนธ.ค.นี้ หรืออีกประมาณ 2 สัปดาห์
‘ทวี’ย้ำ‘ยิ่งลักษณ์’ยังไม่ประสานกลับไทย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเดินทางกลับไทยของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯให้สัมภาษณ์จะกลับมาร่วมประเพณีวันสงกรานต์ปีหน้าว่าเบื้องต้นยังไม่ได้รับการประสานมา แต่ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้นเพราะคนที่จะเข้าสู่กระบวนการของกรมราชทัณฑ์ ต้องเริ่มต้นที่กระบวนการศาลก่อนคือมีหมายขังที่ออกโดยศาล เมื่อรับหมายแล้ว กรมราชทัณฑ์ก็ปฏิบัติตาม และตามกฎหมายของกรมราชทัณฑ์ปัจจุบัน มีการยกระดับมากขึ้น หากเป็นผู้หญิงก็ต้องอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
ไร้‘ทักษิณโมเดล’ต้องปฎิบัติตามกม.
เมื่อถามว่าหากน.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาจะเข้าสู่กระบวนการแบบเดียวกับนายทักษิณ จน ไปถึงขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สมัยที่นายทักษิณกลับมา ตนยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรียุติธรรม แต่สำหรับการกลับมาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายราชทัณฑ์ เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นโมเดลเดียวกับนายทักษิณหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่ได้เป็นโมเดลอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างปฏิบัติตามกฎหมาย
ร้องกกต.สอบคุณสมบัติ‘อิงค์-มาริษ’
ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักกฎหมาย ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เพื่อขอให้ตรวจสอบและมีความเห็นส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์รมว.ต่างประเทศที่เข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธารและนายมาริษ สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4)(5) ประกอบมาตรา 160 (4)(5)และ (8) หรือไม่
โดยนายเรืองไกรขอให้กกต.ตรวจสอบโดยได้ส่งหลักฐานเป็นกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและจากที่ได้เข้าให้ถ้อยคำต่อกกต.เมื่อวันที่13พ.ย.67และพร้อมได้ให้ถ้อยคำเกี่ยวกับการยังคงเป็นกรรมการบริษัทของนายมาริษ หลังมีจากการตรวจสอบพบว่านายมาริษยังคงเป็นกรรมการบริษัทสยาม เมดเทค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ภายหลังจากที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 187 วรรค 1 เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 170 (5) หรือไม่ หลังจากการให้ถ้อยคำมีสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้นำเสนอข่าวการลาออกจากกรรมการบริษัทและการโอนหุ้น 2 บริษัทของนายมาริษจึงได้ส่งเอกสารเพิ่มเติมให้กกต.ดำเนินการตรวจสอบซึ่งเห็นว่ากกต.ควรถือเป็นความปรากฏที่เพียงพอส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ไต่สวนวินิจฉัยได้ เนื่องจากมีการเปิดเผยรายละเอียดสำเนาเอกสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วย
จี้กกต.รีบส่งศาลรธน.ไต่สวนวินิจฉัย
ส่วนกรณีน.ส.แพทองธารที่แต่งตั้ง นายมาริษ เป็นรมว.ต่างประเทศทั้งที่มีหลักฐานปรากฏชัดในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมีการเปิดเผยผ่านสื่อ ซึ่งว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะนำไปสู่การเรียกพยานหลักฐานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มาประกอบการพิจารณาและอาจแสดงให้เห็นได้ว่าน.ส.แพทองธารต้องรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าการแต่งตั้งนายมาริษ เป็นรมว.ต่างประเทศ เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4)(5)(8) จึงขอให้ กกต.รีบส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อไต่สวนวินิจฉัยว่าน.ส.แพทองธารและนายมาริษมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ กรณีจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายมาริษสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หวังว่ากกต.ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและไม่ชักช้า
‘พท.’ฟุ้งสมัยหน้ากวาดสส.เกินครึ่งสภา
ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยระหว่างหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรค พท.จะได้ไม่ต่ำกว่า200เสียงว่า อย่าพูดว่านายทักษิณคาดหวังเลย แต่เป็นการคาดคะเนจากผู้มีประสบการณ์มากกว่า ในส่วนพรรคพท.ก็ต้องทำให้ดีที่สุดอยู่แล้วส่วนตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ เป้าหมายของพรรคก็ต้องให้เกินครึ่งอยู่แล้ว ซึ่งเราต้องไต่กลับมาให้เป็นพรรคอันดับหนึ่งให้ได้ เป็นเป้าหมายของเรา
เมื่อถามถึงการประชุมพรรคพท.วันนี้จะมีการย้ำกับสมาชิกถึงเป้าหมายที่จะทำให้พรรคได้200เสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่นายสรวงศ์กล่าวว่า ความจริงเป็นการย้ำของหัวหน้าพรรคอยู่แล้วที่ให้ สส.ทุกคนลงพื้นที่ เพราะพรรค พท.จุดแข็งคือ การลงพื้นที่ อยู่กับประชาชน “สิ่งที่หัวหน้าพรรคย้ำมาตลอดคือถึงอย่างไรก็แล้วแต่ต้องทำให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่นและเอาเรากลับมาเป็นพรรคอันดับ1ให้ได้”นายสรวงศ์ ย้ำ
ฉะปม‘แม้ว’ครอบงำ-วอนก้าวข้าม
เมื่อถามว่า หลายเรื่องที่นายทักษิณพูดบนเวทีหลายเรื่องเป็นนโยบายของรัฐบาล และแต่ละกระทรวงก็รับลูกสิ่งที่นายทักษิณพูดจะมองถึงการไม่ครอบงำได้อย่างไร นายสรวงศ์ กล่าวว่า ความจริงแล้วสิ่งที่อดีตนายกทักษิณพูดเป็นสิ่งที่แต่ละกระทรวงได้ทำอยู่แล้ว เป็นข้อสั่งการของนายกฯอยู่แล้ว เรื่องครอบงำความจริงน่าจะเลิกพูดกันได้แล้ว เพราะไม่มีอะไรที่จะมาครอบงำสมาชิกพรรคการเมืองได้ ไม่มีอะไรที่จะมาครอบงำให้สมาชิกพรรคไม่มีอิสระได้เลย การให้ข้อสังเกตหรือการให้ข้อแนะนำหรือนโยบายต่างๆ ที่นายทักษิณพูดก็ชัดเจนว่านายกฯมาปรึกษาท่าน มาเล่าให้ฟังในฐานะที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯและหัวหน้าพรรคด้วย
“ฉะนั้นเราควรจะเลิกพูดประเด็นนี้ได้แล้ว เป็นวาทกรรมที่ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่พรรคการเมืองอื่นหรือคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้วออกมาพูดมันก็คือการครอบงำหมดจึงควรก้าวข้ามเรื่องของนายทักษิณได้แล้ว ตอนนี้นายกฯชื่อแพทองธารและหัวหน้าพรรค พท.ชื่อแพทองธาร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งที่นายกฯชื่อแพทองธารพูด เชื่อว่าประชาชนเข้าใจเรื่องนี้ดี อยากให้มุ่งในเรื่องของการทำงานดีกว่า”นายสรวงศ์ย้ำ
เมินนักร้องฟ้อง บอกไม่ได้เอ่ยชื่อใคร
เมื่อถามถึงกรณีนักร้องเรียนออกมาพูดว่าจะร้องเรียนนายทักษิณที่ไปกล่าวหานักร้องเรียนว่าคอยเห่าหอนเหมือนสุนัขนายสรวงศ์ กล่าวว่าตนยังไม่เห็นว่ามีคำไหนที่แสดงให้เห็นถึงตรงนั้น เป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง ใครรับก็รับไป เอาที่สบายใจ เราไม่กังวลในเรื่องนี้ การไปฟ้องร้องอะไรก็แล้วแต่ ไม่ได้เอ่ยชื่อคนหรือพาดพิงใครตรงๆ ประชาชนก็น่าจะรู้ดีและคงจะเอือมระอา ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
“ความจริงแล้วทั้งนายทักษิณและพรรค พท. เวลาทำอะไรจะมีคนจ้องอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่เราไม่ได้สนใจและมุ่งหน้าในการทำงานดีกว่า ให้ผลงานเป็นตัวตัดสิน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน ตอนนี้เรามีเวลาที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน นายกฯย้ำกับรัฐมนตรีทุกคนว่าให้ทำงานให้เต็มที่ เพราะทุกอย่างพิสูจน์ด้วยผลงาน”นายสรวงศ์ ระบุ
‘อนุทิน’เกทับสมัยหน้ากวาด399ที่นั่ง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯผู้ช่วยหาเสียงนายกอบจ.อุดรธานีได้ปราศรัยประกาศว่าจะได้ที่นั่งสส.200ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าขณะที่พรรคประชาชนประกาศว่าจะได้270ที่นั่งว่า“ถ้าต่างคนต่างประกาศเป้าหมายของตัวเอง แบบนี้เราคงมี สส.2,000คนในสภาก็ดี เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทย ตั้งเป้าหมายไว้กี่ที่นั่งนายอนุทินตอบว่า “399ที่นั่ง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี