"ผบ.ทร."ดันฟริเกต 2 ลำงบฯปี 69 เล็งใช้อู่ในประเทศต่อเรือ พร้อมเตรียม 2 แผนรับมือ ‘กลาโหม’ ชง ครม. อนุมัติแก้สัญญา‘เรือดำน้ำ’ ยันไม่กดดัน รมว.กลาโหม เข้าใจต้องใช้เวลาดูเอกสาร สัญญาณดี ‘ภูมิธรรม’ ยิ้ม
20 พ.ย.2567 ที่กองทัพเรือ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาหน่วยว่าในวาระที่ ทร. ครบรอบ 118 ปี ก็ดำเนินการให้เป็นไปตามที่ให้นโยบายไว้ 5 ด้าน เพื่อให้ภารกิจเหล่านี้สำเร็จได้โดยมีความปลอดภัยของกำลังพล และเครื่องมือ รวมถึงยานรบ โดยให้ปีหน้าเป็นปี Safety Navy 2025 เน้นเรื่องการทบทวนองค์ความรู้ของแต่ละหน้าที่และตอนนี้ช่วงระหว่างการฝึกทบทวนของหน่วยทางบก จนระดับกองเรือ เพื่อให้เกิดความพร้อม ของหน่วยกำลังรบหลักหลักของเรา
พล.ร.อ.จิรพล กล่าวอีกว่า สำหรับเรือที่ประจำการอยู่แต่ต้องยอมรับว่าเรือขนาด ใหญ่มีอายุค่อนข้างเยอะ หน่วยที่เกี่ยวกับการซ่อมบำรุง ต้องมาดูอุปกรณ์ เครื่องมือ ความพร้อมของเรือให้มีความพร้อม ในส่วนของเรือตรวจการณ์ระยะไกล และตรวจทานใกล้ฝั่งลงมาค่อนข้างใหม่ซึ่งตรงนี้ไม่น่าห่วงเพราะกำลังพลก็มีความพร้อมในการ
ผบ.ทร. ยังย้ำการเดินหน้าโครงการจัดหาเรือฟริเกต 2 ลำ ในงบประมาณปี 2569 ว่า เป็นความจำเป็นที่เราต้องจัดหา โดยตนได้ให้ทีมงานไปทบทวนกำลังรบของกองทัพเรือทั้งหมดในปัจจุบันเรามีเรือฟริเกตหลักๆ และสมรรถนะเทียบเท่ารวม 4 ลำ ซึ่งมีเรือหลวงภูมิพลถึงลำเดียวที่อายุน้อยกว่า 10 ปี จึงเป็นความจำเป็นของกองทัพเรือที่ต้องจัดหาเพิ่มเติม เพื่อให้มีกำลังรบพอเพียงในอนาคตข้างหน้า แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เราจะได้รับด้วย เพราะราคาค่อนข้างสูงจึงต้องค่อยๆทยอย โดยทยอยจัดซื้อ คาดว่าในระยะที่ 1 จะจัดหาครั้งละ 2 หรือ 3ลำ และพักไปอีกซักระยะหนึ่งค่อยจัดหาเพิ่มเติมใหม่อีก 2-3 ลำ
ทั้งนี้ การจะซื้อ 2-3 ลำ ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณปี 69 ว่าจะได้รับการจัดสรรงบเสริมสร้างกำลังรบเท่าไหร่ รวมถึงกรณีที่ต้องดูว่าจะมีเรือดำน้ำ อยู่ด้วยหรือไม่
“ตอนนี้ก็แกว่งกันอยู่นิดนึง ว่าเรือดำน้ำจะเดินหรือไม่เดิน แต่เรื่องเรือฟริเกตก็ต้องบอกกับรัฐบาลว่า เรามีความจำเป็นต้องจัดหา” ผบ.ทร. กล่าว
เมื่อถามว่าถ้า ครม. ยังไม่อนุมัติแก้ไขสัญญาเรื่องเครื่องยนต์ จะตั้งงบเรือดำน้ำได้ทันในปีนี้หรือไม่ พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า ตนเตรียมไว้ 2 แผน ได้แก่ แผนที่ 1 คือมีเรือฟริเกต 2 ลำแน่ๆ เป็นตัวยืนพื้นของงบปี 69 ส่วนเรือดำน้ำจะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ ครม. แผนที่ 2 คือในกรณีไม่ได้ก็จะเสนอเรือฟริเกต 3 ลำ อย่างไรก็ตามถ้าได้เรือดำน้ำ ก็จะหยุดเรือหริเกตไว้แค่ 2 ลำ
อย่างไรก็ตาม การที่ต้องจัดหาพร้อมกัน 2 ลำ ไม่ซื้อลำเดียวนั้น เพราะวิธีคิดของเราไม่ได้ซื้อจากต่างประเทศต้องการให้อู่ในประเทศมีส่วนร่วม ส่งเสริมแนวทางของรัฐบาลในการ ให้เงินหมุนเวียนในประเทศ ซึ่งก็ต้องดูความพร้อมของอู่ด้วยเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งการไปต่อลำเดียวราคาจะคุ้มหรือไม่ แต่เมื่อมีต่อสองลำการลงทุนในการเสริมสร้างความพร้อมของอู่ ก็เฉลี่ยไป 2 ลำ ซึ่งมีความสมเหตุสมผล ที่สำคัญคืออยากให้ผู้ประกอบการในประเทศมีส่วนร่วม ซึ่งกองทัพเรือก็มีการต่อเรือในประเทศหลายลำมาแล้ว สำหรับเรือขนาดใหญ่ก็ต้องดูศักยภาพอู่ในประเทศของเราด้วย และรองรับได้ในสัดส่วนเท่าไหร่
ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีการชี้นำให้ซื้อเรือฟริเกต 2 ลำ จากจีน ผบ.ทร. กล่าวว่า ความต้องการของกองทัพเรือต้องการอย่างน้อย 2 ลำ ถ้าได้ 3 ลำ ก็จะดี แต่ก็อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะเห็นใจแค่ไหน และมีกรอบงบประมาณเพียงพอหรือไม่
ถามต่อว่า จากการได้หารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีท่าทีอย่างไร พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า “ท่านยิ้มเลยครับ ผมก็เข้าใจท่านว่า ท่านต้องตรวจทุกอย่างและเอกสารเยอะต้องใช้เวลานิดนึง ผมไม่กดดันท่านครับ แต่ผมคิดว่าท่านทราบดีว่ากองทัพเรืออยู่ในสภาพไหน ถ้าท่านเข้าใจก็จะตัดสินเองว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ”
สำหรับโครงการในการปรับปรุงเรือหลวงปัตตานีและเรือหลวงนราธิวาส รวมถึงระบบอำนวยการรบของเรือหลวงช้างนั้น พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง โดยทั้ง 2 โครงการอยู่ในงบประมาณปี 2567 ตอนนี้เรื่องออกจากกองทัพเรือไปแล้วอยู่ที่ผู้มีอำนาจลงนามถ้าไม่มีอะไรติดขัดก็คาดว่าจะลงนามได้ตามห้วงเวลาที่เหมาะสม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี