‘เพื่อไทย’ไม่กังวลเทวดา2สัญชาติ
ขู่เช็คบิล‘นักร้อง’
ยัน‘แม้ว’ช่วยหาเสียงไม่ผิด
‘เทพไท’จับตา‘ปู’กลับไทย
นักโทษนางฟ้าซ้ำรอยทักษิณ
จตุพรชี้22พ.ย.ลุ้นปมล้มล้างฯ
“ชูศักดิ์”รู้แต่แรกคำร้อง“ธีรยุทธ”ไปไม่ได้ ไม่เข้าเกณฑ์ล้มล้างการปกครอง ชี้ขึ้นอยู่ดุลพินิจศาลรธน. ขอดูอีกทีฟ้องกลับหรือไม่หากศาลยกคำร้อง รับคน“เพื่อไทย”อยากหยุดขบวนการนี้ ยัน“แม้ว”ถือสัญชาติไทย ช่วยหาเสียงได้ ไม่ผิดกม. มึนไม่รู้จริงๆ’ยิ่งลักษณ์’กลับไทยแบบไหน ด้าน‘จตุพร’แทงสวนอสส.ส่งความเห็น หลังปล่อยอำนาจหลุดมือเชื่อ 22พ.ย.ศาลรัฐธรรมนูญมติเอกฉันท์ รับคำร้อง ซัด‘แม้ว’หลุดปาก‘น้องปู’จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรน ขณะ’เทพไท’ให้จับตา’นักโทษนางฟ้า’ซ้ำรอย เทวดาชั้น14 ไม่ต้องติดคุก
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2567 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรค พท.ยุติการกระทำที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ว่า เป็นดุลยพินิจของศาลว่า จะเห็นอย่างไร แต่เราสู้ไปว่า มันไม่เข้าเกณฑ์ล้มล้างการปกครอง คนไปคุยกัน ไปดูรายละเอียดกัน ไปทำนู่นทำนี่ แสดงความเห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ มันจะเป็นการล้มล้างการปกครองได้อย่างไร พวกเราทราบดีว่า การล้มล้างการปกครองต้องเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่นี่มันตรงกันข้าม เช่น คุยกันว่าจะตั้งรัฐบาล มันจะไปล้มล้างการปกครองตรงไหน ตนคิดว่ามันไม่เข้าเกณฑ์ เราก็สู้ไปว่า ไม่เข้าเกณฑ์และทราบจากข่าวว่า อัยการสูงสุด (อสส.) มีความเห็นว่าไม่เข้าเกณฑ์ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาล ตนไม่ก้าวล่วง
‘ชูศักดิ์’แย้มพท.อยากเอาผิด’นักร้อง’
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่อัยการสูงสุดมีความเห็นแบบนี้ ทำให้พรรค พท.ใจชื้นหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จริงๆ รู้อยู่แล้วว่าข้อกฎหมายมันไปไม่ได้ เรารู้ตั้งแต่ต้นแล้วหลังจากเห็นคำร้องว่ามันไปไม่ได้
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง จะมีการฟ้องกลับ นายธีรยุทธ หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อันนั้นต้องว่ากันอีกที ดูอีกทีว่าศาลไม่รับคำร้องเพราะอะไร เมื่อถามย้ำว่า มีโอกาสฟ้องกลับหรือไม่ เพื่อเป็นการห้ามปราบไม่ให้มีการฟ้องร้องอะไรที่ไม่มีมูลอีก นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่อยากมีอะไรที่เรียกว่านิติสงคราม ฟ้องกันไปฟ้องกันมา ใจจริงอยากให้ประเทศมันเดินหน้า ไม่อยากเอาเรื่องที่ไม่มีสาระอะไร แต่หลายคนในพรรคก็คิดอยู่เหมือนกันว่า เราจะหยุดขบวนการนี้อย่างไร ซึ่งก็ว่ากันไป
‘แม้ว’ถือสัญชาติไทยช่วยหาเสียงได้
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีมีการร้องเรื่องการถือ 2สัญชาติ คือ ไทยและมอนเตเนโกร ของ นายทักษิน ชินวัตร อดีตนายกฯทำให้ไม่สามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงนายก อบจ.ได้ ว่า ตนไม่ทราบ แต่ที่รู้แน่ๆ นายทักษิณมีสัญชาติไทยแน่นอน โดยหลักสืบสายโลหิตบิดามารดา โดยหลักดินแดน เพราะฉะนั้น เป็นคนไทย มีสัญชาติไทยแน่นอน ส่วนจะมีสัญชาติอื่นอย่างไร ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ว่ามันไม่ได้มีข้อห้ามอะไร ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่ไม่มีข้อห้ามเรื่องพวกนี้ แต่ขณะนี้ก็ชัดเจนที่สุดว่าท่านเป็นคนไทย เป็นคนที่ถือสัญชาติไทย เกิดในประเทศไทย บิดามารดาเป็นคนไทย แล้วจะเอาสัญชาติอะไรอีกล่ะ และตามข้อกฎหมายตนคิดว่าไม่มีปัญหา ก็ลองไปเปิดดูกฎหมายไทยมีข้อห้ามอะไรหรือไม่ คำตอบอยู่ในกลุ่มร้อยกว่าประเทศที่ไม่มีข้อห้ามอะไรเลย
ไม่รู้”ยิ่งลักษณ์”จะกลับไทยแบบไหน
นายชูศักดิ์ ยังให้สัมภาษณ์กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับไทยช่วงสงกรานต์ปีหน้า ว่า เรียนตามตรง ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร เป็นกระบวนการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะท่านคงไม่มาระบุบอกเรา หรือบอกใคร แต่รับรู้ รับทราบ ส่วนจะจริงหรือไม่นั้น ไม่รู้รายละเอียดเลย พูดไปก็เป็นการเดามากกว่า ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเสร็จก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางกลับมาหรือไม่ อย่างไร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุดจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้เมื่อไหร่ จริงๆเปิดสมัยประชุมมา กฎหมายนี้อยู่ในวาระที่จะถึง แต่ความเห็นของตนคิดว่า กฎหมายเหล่านี้คงไม่ได้เสร็จง่ายๆ เท่าที่เห็นและเท่าที่ศึกษาก็เถียงกันมากมายก่ายกอง กว่าจะลงเอยอย่างนู้นอย่างนี้ กฎหมายเหล่านี้คงไม่เสร็จง่ายๆ ฉะนั้นตอบไม่ได้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะก่อนหรือหลัง ที่สำคัญ ตนไม่ทราบรายละเอียดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกลับมาอย่างไร เพราะไม่ได้คุยอะไรกัน พูดกับสื่อตรงไปตรงมาว่า ไม่รู้จริงๆ
‘สุริยะ’ชี้ปม2สัญชาติไม่น่าเป็นห่วง
ขณะที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม กล่าวถึงการเลือกตั้ง อบจ.ว่า ที่ประชุมพรรคเพื่อไทย (พท.) วานนี้ (19พ.ย.) ได้เน้นย้ำในส่วนพื้นที่จังหวัดอื่นๆ หรือไม่ ว่า ยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า จะมีการร้องเรียน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง อบจ.อุดรธานี เนื่องจากนายทักษิณ ถือ2สัญชาติ จึงไม่มีสิทธิ์ช่วยหาเสียง ทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยได้มีการดูข้อกฎหมายว่าอย่างไรบ้าง นายสุริยะ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยแล้ว ซึ่งดูจากข้อกฎหมายคิดว่าไม่น่ามีส่วนไหนที่น่าเป็นห่วง เมื่อถามถึง กรณีกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางกลับไทยช่วงสงกรานต์ นายสุริยะ กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่ทราบข่าวเรื่องนี้
‘จตุพร’เชื่อ22พ.ย.ศาลรับคำร้องแน่
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์เมื่อวันที่ 19 พ.ย.67โดยเชื่อว่า วันที่ 22 พ.ย.นี้ ศาล รธน.จะรับพิจารณาคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ด้วยมติเอกฉันท์ 9:0 ซึ่งวันนั้นอากาศหนาวสั่นจะมาเยือนฉับพลัน ดังนั้น ทักษิณ ชินวัตร กับคนพรรคเพื่อไทย ควรใส่เสื้อให้เยอะๆ เข้าไว้ นายจตุพร กล่าวถึงข่าวปล่อยจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ส่งความเห็นถึงศาล รธน.กรณีทักษิณ และพรรคเพื่อไทยไม่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขว่า ไม่มีการแถลงใดๆ จากอสส.แต่ที่สุดแล้วถ้าเป็นจริง ก็ไม่อาจนำมาหักล้างการวินิจฉัยของศาล รธน.ได้ เวลาของอสส.มีอำนาจพิจารณาคำร้อง ได้หมดลงตั้งแต่ 15 วันแรกที่นายธีรยุทธ ผู้ร้องไปยื่นคำร้องแล้ว ดังนั้น เมื่อ อสส.ไม่ใช้อำนาจนั้น จึงเป็นสิทธิตาม รธน.ให้ไปยื่นตรงต่อศาล รธน.รายงานข่าว อสส.เป็นครั้งที่สองที่สื่อบางสำนักรายงาน แต่ไม่มีความชัดเจนจาก อสส. เพราะไม่เคยปรากฏคำชี้แจงเป็นทางการ แม้รายงานทั้งสองครั้งมีรายละเอียดลอยๆและเล็กน้อย โดยครั้งแรกระบุอสส.ได้ยุติการพิจารณา ส่วนครั้งที่สองอ้างไม่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองฯ
พ้น15วัน’อสส.’ต้องส่งคำร้องให้ศาล
นายจตุพร กล่าวว่า หลังจากอำนาจพิจารณาคำร้องของ อสส.สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อนายธีรยุทธ ไปยื่นคำร้องต่อศาล รธน. แล้วศาล รธน.ได้ถามความเห็นไปยัง อสส.โดยไม่เกี่ยวกับการให้ อสส.ใช้อำนาจพิจารณาคำร้อง ต่อมา อสส.ได้สอบสวนเพิ่มทั้งผู้ร้องคือนายธีรยุทธและผู้ถูกร้องซึ่งประกอบด้วยทักษิณ กับพรรคเพื่อไทย แต่มีเพียงทักษิณ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญไม่ไปให้ปากคำต่อ อสส.การสอบสวนของ อสส.เป็นเพียงการทำความเห็นเสนอต่อศาล รธน.โดยไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้นกับการพิจารณาคำร้อง เพราะหมดหน้าที่ไปแล้วตั้งแต่ 15วันแรก ดังนั้น การพิจารณาคำร้องจึงเป็นขั้นตอนของศาล รธน.
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ที่ทักษิณ ส่งสัญญาณออกมานั้น หากมั่นใจรอดพ้นจากสถานการณ์ศาล รธน.วันที่ 22พ.ย. แล้ว ทำไมต้องมีข่าวจาก อสส.มาซ้ำเติมอีก ดังนั้น คาดได้ว่า เขาไม่มีความมั่นใจอะไรกับการพิจารณาของศาล รธน.ในวันที่ 22พ.ย.ผมเชื่อว่าผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไงศาล รธน.ก็รับ (คำร้องของนายธีรยุทธ ไว้พิจารณา) ไม่รู้ละ ผมเชื่อแบบนี้ ส่วนศาล รธน.จะวินิจฉัยอย่างไรสุดแท้แต่ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอก แต่โดยประสบการณ์ ผมเชื่อว่ารับทั้ง 9ต่อ0 แต่จะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ กับ รมต.รวม 3 คนหรือไม่ ยัง 50:50 ยังไม่สะเด็ดน้ำ”
ร้อนรนรีบปูด’ยิ่งลักษณ์’กลับไทย
นายจตุพร ยังตำหนิการพูดของ นายทักษิณ ที่พูดถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯจะกลับไทยก่อนวันสงกรานต์ปี 68 นั้น เป็นความไม่ฉลาด และแสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ 22 พ.ย. นี้ ที่ไม่น่าไว้ว่างใจ โดยไม่น่ารีบพูดถึง ทั้งที่ไม่มีความแน่นอนอะไรเลย ดังนั้น วันที่ 22 พ.ย.นี้ มันจะหนาวอย่างฉับพลันให้ใส่เสื้อไปเยอะๆ อากาศมันจะหนาวสั่น ถ้าทักษิณใช้เวลาที่เหลือเพื่อทำสิ่งที่ดีกับบ้านเมืองแล้ว เราก็อยากภาวนาให้เขารอดในวันที่ 22พ.ย.แต่ถ้าเขารอดแล้วไปทำบ่อนคาสิโน สร้างปัญหาสังคมให้ลุกลามมากมาย เพราะคนติดการพนันทั้งในบ่อนและออนไลน์ต้องหาเงินโดยขายยาเสพติด ขายตัว ก่ออาชญากรรม แล้วอย่างนี้ อยากให้รอดจากสถานการณ์ศาล รธน.ด้วยหรือ ให้รอดมาขายแผ่นดินแลนด์บริดจ์ 99ปี ขายคอนโดให้ต่างชาติซื้อได้ 75% อยู่ 99ปี บ้านเมืองเป็นแบบนี้จะให้โอกาสรอดด้วยหรือ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล
‘เทพไท’ชี้ดีลลับ3ข้อเหลือพา’ปู’กลับ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก“เทพไท – คุยการเมือง” เรื่อง “ยิ่งลักษณ์ กลับไทย ดีลลับที่ยังเหลืออยู่”ระบุว่า ยิ่งลักษณ์ กลับไทย ดีลลับที่ยังเหลืออยู่นายทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าว Nikkei Asia ประเด็นการกลับไทยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ตอนหนึ่งว่า ตนพยายามสร้างความมั่นใจว่าน้องสาวของตน จะสามารถกลับไทยได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า “ผมไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรที่ขัดขวางเธอ (ยิ่งลักษณ์) ไม่ให้กลับบ้าน ผมคิดว่าเธออาจจะกลับมาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส (ที่เหมาะสม) ถ้าดูการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณแล้ว จะเห็นได้ว่า มีความมั่นใจมากที่นางสาวยิ่งลักษณ์จะได้กลับประเทศไทย เพียงแต่ไม่ได้ระบุว่าจะกลับมาแบบไหน จะกลับมาแบบนักโทษเทวดา หรือจะกลับมาแบบนักโทษนางฟ้า โดยยึดแบบทักษิณโมเดล โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว และพักอยู่โรงพยาบาลตำรวจจนถึงวันพักโทษหรือไม่
จับตา’นักโทษนางฟ้า’ซ้ำรอยเทวดา
นายทักษิณ ได้พยายามทำให้ดีลลับทางการเมืองประสบความสำเร็จ จากเงื่อนไขที่ตกลงไว้ 3 ข้อคือ
1.นายทักษิณได้กลับประเทศไทยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว 2.นางสาวยิ่งลักษณ์ได้กลับประเทศไทย ไม่ต้องติดคุกเช่นเดียวกัน3.นางสาวแพทองธาร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งดีลลับทั้ง 3 ข้อ ตอนนี้ทำสำเร็จแล้ว 2 ข้อ ยังเหลืออีก 1 ข้อ คือนางสาวยิ่งลักษณ์ จะต้องได้กลับประเทศไทยโดยไม่ต้องติดคุกเช่นเดียวกัน นายทักษิณจึงจำเป็นต้องเคลื่อนไหวในเรื่องนี้และมั่นใจว่า จะทำได้สำเร็จตามดีลลับแน่นอน แต่ถ้าฟังการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม บอกว่า จะยึดหลักกฎหมายและไม่มีเรื่องทักษิณโมเดล ซึ่งผมเห็นว่าการยึดหลักกฎหมายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ไม่ควรใช้หลักกฎหมายแบบอภินิหาร หรือใช้ปาฏิหาริย์ของกฎหมายกันอีก ซึ่งเป็นการสั่นคลอนความเชื่อมั่น กระบวนการยุติธรรมไทย
การมีหมายศาลและการขอพระราชทานอภัยโทษ จะใช้อภิสิทธิ์เหนือการขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษทั่วไป ที่ใช้เวลานานถึง 2 ปี แต่กรณีของนายทักษิณใช้เวลาเพียง1วัน และกรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากมีการขอพระราชทานอภัยโทษ ก็คงใช้เวลาไม่เกิน1วัน เพราะรัฐบาลได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า ก่อนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ จะเดินทางกลับไทยด้วยซ้ำไป ขอให้จับตาดูว่า กรณี นางสาวยิ่งลักษณ์ จะเป็นนักโทษนางฟ้า ที่ไม่ต้องติดคุกเลยแม้แต่วันเดียวเช่นนักโทษเทวดาอีกหรือไม่
นักโทษชั้น14ไร้หมอเซ็นต์ตรวจรักษา
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่า หาตัวไอ้โม่ง ที่รับผิดชอบจ่ายค่ารักษาพยาบาลนักโทษเทวดาการตรวจสอบไต่สวน กรณีนักโทษเทวดาชั้น14 งวดเข้าไปเต็มทีแล้วขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่มีการส่งเวชระเบียนให้กับ ปปช.ซึ่งเป็นผลมาจากไม่มีเวชระเบียน เนื่องจากในระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น ไม่มีแพทย์ยอมรับเลยแม้แต่คนเดียวว่า เป็นผู้รักษาพยาบาลนักโทษเมื่อไม่มีแพทย์ตรวจรักษา จึงไม่มีการบันทึกเวชระเบียน ไม่มีเวชระเบียน จึงไม่มีอะไรส่งให้ ปปช.ประเด็นสำคัญที่เหลือ คือ ใครเป็นผู้ทำความตกลงกับโรงพยาบาลตำรวจในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพราะการรับตัวคนป่วยเข้ารับการรักษานั้น ต้องมีผู้รับผิดชอบจ่ายค่ารักษาพยาบาล
ซึ่งขณะนี้มีเบาะแสว่า ค่ารักษาพยาบาลถึง1.2หรือ1.8ล้านบาท ที่จะต้องชำระค่ารักษาพยาบาลให้แก่โรงพยาบาลตำรวจ ดังนั้นใครเป็นผู้ทำความตกลงรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล ซึ่งขณะนี้ยังปกปิดกันอยู่ ซึ่งประเด็นส่งตัวออกนอกเรือนจำ ขณะนี้ไม่มีผู้รับผิดชอบในการออกความเห็นทางการแพทย์ว่าคนป่วยจะเสียชีวิต ถ้าอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ต่อไป อันจะเป็นเหตุที่จะไปขออนุญาตต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ส่งตัวออกไปนอกเรือนจำได้และไม่มีหมอเลยแม้แต่คนเดียว ยอมรับว่าเป็นผู้ตรวจรักษาและให้ความเห็นให้ส่งตัวออกไปนอกเรือนจำตัวใครตัวมัน เผ่นได้เผ่นก่อนแล้วครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี