ลุ้นระทึก! ศาลรธน.นัดถก22พ.ย.
รับ/ไม่รับคำร้อง
‘แม้ว-พท.’ล้มล้างปกครอง
พ่วงปมครอบงำ‘เพื่อไทย’
‘โรม’ย้ำกมธ.ฯเปิดโอกาส
เทวดาชี้แจงรักษาตัวชั้น14
ลุ้นระทึก! ศาลรัฐธรรมนูญนัดพรุ่งนี้พิจารณารับ-ไม่รับคำร้องคดี“ทักษิณ-เพื่อไทย”ปมล้มล้างการปกครองหลังอสส.ส่งคำชี้แจง“อนุทิน”รับไม่ได้ตามคดี“ทักษิณ-เพื่อไทย”ล้มล้างการปกครองย้ำรบ.ไร้สัญญาณซีเรียส-อยู่เหนือควบคุม-เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมด้าน‘ไอติม-พริษฐ์’ปัดกดดันศาลรธน.พิจารณาคำร้องปม‘ทักษิณ-เพื่อไทย’ล้มล้างการปกครอง ย้ำชัดไม่เห็นด้วยวิธียื่นยุบพรรคการเมืองขณะที่กมธ.มั่นคงฯเปิดโอกาส “ทักษิณ”ชี้แจงพรุ่งนี้ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ปมรักษาตัวชั้น14 ถ้าป่วยจริงไม่ได้ใช้บารมีมันก็จบ
เมื่อวันที่21 พฤศจิกายน 2567ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระนำเอกสารทั้งคำร้องและพยานหลักฐาน 5,080แผ่น ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้วินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่1และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49
โดยยก 6 พฤติการณ์ที่เห็นว่าเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน ดังนี้ 1. นายทักษิณใช้พรรคเพื่อไทย เป็นเครื่องมือในการสั่งรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ไม่ต้องรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยไปพักอยู่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ 2. นายทักษิณมีพฤติกรรมฝักใฝ่คบหาร่วมคิดกับสมเด็จฯ ฮุน เซน อดีตนายกฯ ของประเทศกัมพูชา และควบคุมการบริหารของรัฐบาลผ่านพรรคเพื่อไทย โดยการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเล ในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทยกัมพูชาในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้กับทางกัมพูชาทั้งที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นอธิปไตยของประเทศไทย
3.นายทักษิณสั่งให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือกับพรรคประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4.นายทักษิณมีพฤติกรรมเป็นเจ้าของ ครอบครอง ครอบงำ เป็นผู้สั่งการแทนพรรคเพื่อไทยในการเจรจากับพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล เพื่อเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกฯ คนใหม่เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง 5. นายทักษิณมีพฤติกรรมเป็นเจ้าของ ครอบงำ และสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยยินยอมตามที่สั่งและ 6.นายทักษิณมีพฤติการณ์เป็นผู้ครอบงิและสั่งการให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนำนโยบายที่นายทักษิณได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ไปเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาในวันที่ 12 กันยายน 2567
ลุ้นระทึกศาลรธน.ถกคำร้องแม้ว-พท.
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนายธีรยุทธได้ไปยื่นคำร้องผ่านทางอัยการสูงสุดมาแล้ว แต่เมื่อครบกำหนด 15วัน ทางอัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการส่งคำร้องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย จึงใช้สิทธิในฐานะประชาชนมายื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยเหตุนี้ทางคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจึงเห็นว่าเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ จึงมีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุด เพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องอย่างไร รวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยขีดเส้นส่งหนังสือตอบกลับภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
ขณะที่ นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด(อสส.)ได้ลงนามตอบถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมามีรายงานว่าได้ส่งเป็นรายละเอียดการสอบถ้อยคำ ทั้งทางฝั่งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง หลังจากส่งหนังสือเชิญนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ฝั่งผู้ร้องและนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตัวแทนฝั่งผู้ถูกร้องมาชี้แจง โดยไม่ได้เชิญนายทักษิณ มาชี้แจง
ทั้งนี้ขั้นตอนหลังจากนี้ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจะต้องสรุปเอกสารและเสนอเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมขององค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ซึ่งกำหนดเดิมองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะหยิบยกคำร้องดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประจำสัปดาห์เมื่อวันพุธที่ 13 พ.ย.แต่เนื่องจากมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญติดภารกิจราชการต่างประเทศและวันพุธที่ 20 พ.ย.ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีภารกิจราชการในประเทศจึงจะมีการพิจารณาว่าจะรับคำร้องดังกล่าวไว้วินิจฉัยหรือไม่ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.นี้ดังนั้นในวันที่ 22 พ.ย.ถือเป็นด่านแรกจะต้องจับตาลุ้นกันว่าผลการพิจารณาของศาลจะออกมาอย่างไรแม้ประเด็นนี้ผู้ร้องจะยื่นขอให้ศาลสั่งเลิกการกระทำเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองฯเท่านั้นก็ตาม
‘อนุทิน’รับไม่ได้ตามคดีทักษิณ-พท.
ที่ จ.จันทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.)กล่าวถึงกรณีวันพรุ่งนี้ (22 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่ คำร้องคดีล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 49 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยว่าตนไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องเมื่อถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องเนื่องจากพรรคภูมิใจไทยก็เป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อศาลตัดสินออกมา หากไม่เป็นคุณกับรัฐบาล พรรคร่วมจะล้มไปด้วย นายอนุทินตอบว่า”ผมก็ยังเป็นสส.อยู่”
เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกังวลหรือไม่ว่าจะเกิดสุญญากาศขึ้น นายอนุทินกล่าวว่า มันไม่เคยมีสุญญากาศอยู่แล้ว รัฐบาลต่อให้พ้นสภาพไปก็ยังคงสภาพรัฐบาลรักษาการ สิ่งนี้ระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญ ที่คงสภาพไว้จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ
เผยรบ.ไร้สัญญาณ-อยู่เหนือควบคุม
“แต่คณะรัฐมนตรีชุดนี้ยังไม่ได้รับสัญญาณว่าจะมีความซีเรียสอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะอยู่เหนือการควบคุม ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่างกรณีครั้งที่ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรี วันนั้นทุกคนก็ยังทำงานจนถึง16.00น.การทำงานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ความเห็นอกเห็นใจ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”นายอนุทิน กล่าวย้ำ
‘ไอติม-พริษฐ์’ปัดกดดันศาลรธน.
บ่ายวันเดียวกันที่บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ นายพริษฐ์วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการมาหารือกับประธานศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้จะเป็นการกดดันกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องกรณีนายทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครองในวันพรุ่งนี้(22พ.ย.)หรือไม่ ว่า วาระการหารือครั้งนี้ ถูกกำหนดไว้มาก่อนแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ถ้าพูดในนามของพรรคประชาชน ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ในมุมหนึ่งมีแน่นอนถึงการกระทำบางอย่างที่เราในฐานะพรรคฝ่ายค้านถูกตรวจสอบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับนายทักษิณ MOU 44 เกาะกูด ย้ำไม่เห็นด้วยวิธียื่นยุบพรรคการเมือง
“แต่ในมุมมองของพรรคประชาชน มองว่าการกระทำดังกล่าวไม่ควรจะนำไปสู่การใช้ยุบพรรค อย่างที่พรรคประชาชนพูดมาตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคในลักษณะนี้อีกครั้ง อยากเชิญชวนทุกพรรคการเมือง มาร่วมกันแก้ไขกฎหมายเฉพาะพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ทำให้การยุบพรรคไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้น เราในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน มองว่าบุคคลในรัฐบาลสมควรถูกตรวจสอบ แต่เราไม่เห็นด้วยกับวิธีการยื่นยุบพรรค”นายพริษฐ์ ย้ำ
กมธ.มั่นคงฯเปิดโอกาส‘ทักษิณ’ชี้แจง
ที่รัฐสภานายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนในฐานะประธานกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศกล่าวถึงในวันพรุ่งนี้(22พ.ย.)กมธ.เชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าชี้แจงต่อที่ประชุมกมธ.ในประเด็นการเข้ารักษาตัวชั้น14รพ.ตำรวจว่าจะได้ทราบความชัดเจนในวันพรุ่งนี้ว่าบุคคลที่กมธ.เชิญไปนั้นจะสามารถเดินทางมาได้หรือไม่ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้ชี้แจง หากมีความมั่นใจว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องและไม่ได้มีมาตรฐานพิเศษเหนือบุคคลอื่นใด ในขณะที่ข้อวิจารณ์ต่างๆของสังคมได้เกิดขึ้นแล้ว
พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ปมชั้น14
“อยากให้ฝ่ายต่างๆที่ถูกเชิญได้พิจารณาด้วยข้อเท็จจริงว่าการไม่มาหมายความว่าคุณไม่มีโอกาสในการชี้แจง แต่หากคุณมา แสดงว่าคุณมั่นใจว่าสิ่งที่คุณทำ เป็นการกระทำที่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทำที่อยู่บนวิสัยที่ไม่ได้มีมาตรฐานพิเศษเหนือกว่าใคร ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล เพราะการที่คุณมาบอกกับกมธ.ว่าสิ่งที่คุณทำไปนั้น ถูกต้องอย่างไร หรือกรณีของนายทักษิณ ที่กมธ.เชิญมาซึ่งสังคมคิดว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ ซึ่งการเข้ามาชี้แจง ถือเป็นโอกาสที่จะได้ลบข้อครหาข้อวิจารณ์ต่างๆของสังคม”นายรังสิมันต์ย้ำ
ถ้าป่วยจริงไม่ได้ใช้บารมีก็จบ
เขากล่าวอีกว่า“สมมติว่าคุณทักษิณบริสุทธิ์ใจ มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด ไม่ได้ใช้บารมี พูดง่าย ๆ คือป่วยจริง ๆผมคิดว่ามันก็จะจบ และประชาชนก็จะไว้วางใจรัฐบาลมากขึ้น วันนี้เราต้องยอมรับว่า ปัญหาอย่างหนึ่งที่เป็นรากฐานสำคัญ คือ ประชาชนจำนวนมากไม่ไว้วางใจรัฐบาล จึงทำให้เมื่อรัฐบาลทำอะไรไป ก็จะมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ตลอด เพราะคุณเริ่มต้นจากการสร้างความไม่ไว้วางใจ ที่ทำให้เรื่องชั้น 14 กลายเป็นเรื่องพิศวง”
พร้อมมั่นใจไม่คว้าน้ำเหลว
เมื่อถามว่าการประชุมครั้งนี้จะไม่คว้าน้ำเหลวเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การประชุมรอบที่แล้ว ตนไม่คิดว่าเป็นเรื่องคว้าน้ำเหลว แต่เราได้ข้อเท็จจริงหลายย่าง และเชื่อว่าเป็นข้อเท็จจริงที่หลายฝ่ายไม่เคยทราบมาก่อน เป็นเรื่องที่ตนคิดว่าพิศวงอยู่เช่นการพิจารณาใช้เวลาตัดสินใจเพียง 4 นาที,การที่ไม่มีแม้กระทั่งหมอเลยที่มาดูอาการของนายทักษิณ คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตนคิดว่าไม่คว้าน้ำเหลว
“ผมยังยืนยันว่าการไม่ได้คำตอบก็คือคำตอบอย่างหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อคุณคิดว่า วิธีการที่จะทำให้ กมธ.ไม่ได้รับคำตอบหรือไม่ให้ความร่วมมือ วิธีการเหล่านี้ มันคือคำตอบของประชาชน และคือคำตอบที่สังคมจะได้รับจากผู้มีอำนาจ ตนเชื่อว่าคำตอบที่ประชาชนได้รับไม่ได้เป็นผลดีต่อผู้มีอำนาจเลย ดังนั้นควรใช้วิธีและโอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อการสร้างความเชื่อมั่นของระบบยุติธรรม” นายรังสิมันต์ กล่าว
ชี้’แม้ว’พูดเองครอบครองนายกอิ๊งค์
สำหรับความจำเป็นที่ นายทักษิณ ควรต้องเข้ามาชี้แจงกับ กมธ.ทั้งๆที่กมธ.ไม่สามารถให้คุณให้โทษกับนายทักษิณได้นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่าแม้กมธ.จะให้คุณให้โทษกับนายทักษิณไม่ได้ แต่ตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนายทักษิณเองเพราะต้องยอมรับว่าวันนี้สังคมวิจารณ์เรื่องการนอนชั้น14รพ.ตำรวจเยอะมากและนายทักษิณก็พูดเองว่าอยู่ในสถานะของการเป็นผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรี(น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) ดังนั้นนายทักษิณ ถือเป็นตัวแปรสำคัญของความเป็นอยู่ของรัฐบาลนี้ไม่มากก็น้อย ฉะนั้น ถ้าทำให้สถานการณ์ทางการเมืองที่มีข้อวิจารณ์ต่อนายทักษิณและต่อรัฐบาลให้เบาลง การมาชี้แจงกรรมาธิการของนายทักษิณ ก็จะช่วยรัฐบาลได้
ปัดวิจารณ์”ยิ่งลักษณ์”กลับบ้าน
เมื่อถามว่าหากนายทักษิณไม่เข้ามาชี้แจงต่อ กมธ.จะทำให้การกลับประเทศไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะยากขึ้นหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไกลเกินไปที่จะพูดถึง และวันนี้ยังไม่ได้มองเรื่องการกลับบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่มองเฉพาะว่าการที่นายทักษิณ ไปอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และถูกต้องหรือไม่ เพราะอาจจะถูกใช้เป็นมาตรฐานต่อไปกับนักโทษคนอื่นที่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรง หรือใกล้เคียงกับนายทักษิณ
ส่วนที่นายทักษิณ พูดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะกลับไทยช่วงสงกรานต์ปีหน้านั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่อยากทำนายอะไรมาก เพราะเราอยู่บนพื้นฐานทางการเมืองที่ไม่แน่นอน ดังนั้น ต้องรอดูตามข้อเท็จจริงว่าสุดท้ายแล้ว จะมีกลไกทางกฎหมายอย่างไร ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมา ก็ต้องดูว่าใช้วิธีการอะไร
และคิดว่าปัญหาการเมืองไทยมีและปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนายทักษิณซึ่งความไม่ชอบธรรมก็มีแต่วิธีการที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ ไม่ได้กลายเป็นนายทักษิณและครอบครัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความชอบธรรม หรือปัญหาทางการเมืองที่สับสนอยู่ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดในเวลานี้คือต้องพยายามหาทางออกและแก้ปัญหาทางการเมือง แต่ขณะเดียวกันการใช้วิธีพิสดารที่จะทำให้ตัวเองสามารถกลับประเทศได้ ก็คงเป็นวิธีการที่เราไม่สามารถยอมรับได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี