เดินหน้าสอบ‘แม้ว-เพื่อไทย’
กกต.ขอลุยเอง
แม้ศาลรธน.ยุติปมล้มล้าง
ชี้พิจารณาก.ม.คนละฉบับ
ปลอบนักร้องอย่าสิ้นหวัง
เผยยังมีหลายดอกไว้ให้ลุ้น
เลขาฯกกต.ยันคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองฯ ที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องไม่เกี่ยวกับ กกต. ที่ยังเดินหน้าตรวจสอบต่อ ชี้พิจารณากฎหมายคนละฉบับ แม้มูลเหตุและข้อเท็จจริงเดียวกัน อดีตบิ๊กข่าวกรอง วอนอย่าสิ้นหวังยังมีอีกหลายคดีให้ลุ้น
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ข้อกล่าวหาว่านายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง ว่า ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องการใช้เสรีภาพ เฉพาะมาตรา 49 ที่เขียนว่าการใช้เสรีภาพเพื่อการล้มล้างทำไม่ได้ เสรีภาพถูกรับรองโดยรัฐธรรมนูญ ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพ นั่นคืออำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้นายทะเบียนหรือ กกต. พิจารณาสิ่งที่กฎหมายห้ามกระทำของพรรคการเมือง จะต่างกันจึงไม่เกี่ยวกันเลยทั้ง 2 เรื่อง ข้อมูล ข้อเท็จจริงอาจเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ว่าเราถือกฎหมายคนละฉบับ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามรัฐธรรมนูญว่า การใช้สิทธิเสรีภาพนั้นเพื่อเป็นการล้มล้าง แต่ กกต. หรือนายทะเบียนจะพิจารณาว่าการกระทำนั้น ผิดกฎหมายพรรคการเมือง อันเป็นเหตุให้มีการยุบพรรคหรือไม่
ยันกกต.ทำตามขอบเขต
“ผมยกตัวอย่างครั้งที่แล้ว ที่นายทะเบียนไม่รับเรื่องของพรรคก้าวไกลไว้พิจารณา กฎหมายบอกว่า กฎหมายบอกว่าไม่รับไปดำเนินการ แต่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้ มีนักข่าวมาถามว่าทำไม กกต.ไม่รับ เพราะกรณีนั้นเป็นกรณีใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ กกต.ไม่มีอำนาจที่จะไปพิจารณาเรื่องเหล่านั้น เกินขอบอำนาจของ กกต. กกต.ไม่ได้เข้าไปพิจารณาในเนื้อหา แต่ไม่รับไว้ดำเนินการเพราะไม่อยู่ในเขตอำนาจเรา แต่กรณีหลังมีคนมาร้องว่ามีพรรคการเมืองกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองอันเป็นเหตุให้มีการยุบพรรคการเมือง นายทะเบียนก็รับไว้เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน จะเป็นคนละประเด็นกับที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้ ทั้งที่เป็นข้อเท็จจริงเดียวกัน” นายแสวง กล่าว
เมื่อถามต่อว่าคำร้องหลายคำร้อง ที่มีลักษณะคล้ายกัน กกต. ยังเดินหน้าตรวจสอบต่อไป นายแสวง กล่าวว่า เราก็ทำตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเรา
ไม่มีใครล้มล้างการปกครองได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ที่กล่าวหาว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ โดยนายอนุทิน ถึงกลับหัวเราะ พร้อมกับกล่าวว่า ต้องแยกให้ดีก่อน เรื่องของบุคคลก็เป็นของบุคคลไป รัฐบาลต้องทำงานอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว จะมีอุปสรรคหรือความราบรื่นใดๆ ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ไม่มีปัญหาใดๆ ไม่ว่าใครจะประสบปัญหาอะไร รัฐบาลก็ยังอยู่บริหารประเทศ
ส่วนมองอย่างไรกับคำว่าล้มล้างการปกครอง เนื่องจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ออกมาระบุว่าการล้มล้างการปกครองมีแต่รัฐประหารเท่า นั้น นายอนุทิน พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “อืม” ก่อนจะบอกกับสื่อมวลชนว่า ในช่วงสุดสัปดาห์อย่าเพิ่มอะไรหนักๆ ให้กับประชาชน ก่อนจะกล่าวต่อว่า ไม่มีหรอกการล้มล้างการปกครอง จากนี้ไปคงไม่มีแล้ว ไม่มีใครมีความสามารถที่จะทำได้ คนไทยทุกคนมีความสามัคคีกันใครก็มาล้มล้างไม่ได้
เมื่อถามว่า การที่นายธีรยุทธ ออกมา ระบุว่าจะมีการร้องเรียนเรื่องใหม่ๆ นายอนุทิน กล่าวว่า เราห้ามคนร้องเรียนไม่ได้ สำคัญอยู่ที่เจตนารมณ์ หรือการกระทำที่กระทำไปถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เป็นไปเตรียมระเบียบแบบแผนหรือไม่ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนั้น และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติทำไปเถอะไม่ต้องเหลียวหลังไม่มีทางผิด
“อดิศร”ชี้เป็นบรรทัดฐาน
นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้องที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร นักกฎหมาย ร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย กระทำการอันเป็นการล้มล้างการปกครอง ว่าศาลรัฐธรรมนูญได้สร้างบรรทัดฐานเรื่องนี้ไว้ เพื่อให้การฟ้องเรื่องที่ร้ายแรงไม่ใช่เป็นของเล่นของนักร้อง ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญทางการเมือง โดยคำวินิจฉัยจะทำให้กรอบการร้องมีระเบียบแบบแผนมากขึ้น ฝ่ายรัฐบาลก็มีโอกาสที่จะบริหารราชการแผ่นดิน ทำตามนโยบายโดยไม่มีการขัดขวาง ซึ่งถือว่าเป็นคำวินิจฉัยที่สามารถเป็นบรรทัดฐานได้ และกรณีนี้ควรจะเป็นกระจกเงาให้กับนักร้องเรียน ท่านมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการที่จะร้องเรียนอะไร แต่ไม่ใช่ร้องแบบรกโรง รกศาลเช่นนี้ รวมถึงคนที่ตั้งตนเป็นกูรูทางการเมืองที่ไปออกรายการโน่น นี่ โน้มน้าวประชาชน ตนคิดว่าต้องกลับไปสู่ที่ตั้งได้แล้ว ตั้งสติให้ประชาธิปไตยเดินทางของมันจะดีกว่า และทางรัฐบาลก็ทำงานอย่างขยันขันแข็งอยู่แล้ว แต่ถ้ามีการร้องกันแบบไร้มูลเหตุต่างๆ ก็จะสร้างสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต่างประเทศมองมายังประเทศไทยจะทำอย่างไร
พท.จ่อฟ้องกลับ”ธีรยุทธ”
ด้านนายกฤช เอื้อวงศ์ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า เบื้องต้นเราดูเรื่องของการฟ้องเท็จและหมิ่นประมาทที่จะฟ้องต่อศาลอาญาไว้ก่อน และอาจจะดูว่ามีกฎหมายอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เช่นใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยจากนี้จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องดังกล่าวมาดูรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนจะดำเนินการเมื่อไหร่นั้นคงใช้เวลาไม่นาน เมื่อถามว่าการฟ้องดังกล่าวจะดำเนินการฟ้องใครบ้าง นายกฤช กล่าวว่า เบื้องต้นจะเป็นนายธีรยุทธ ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องดังกล่าว แต่กำลังดูอยู่ว่ามีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้างนอกจากนายธีรยุทธ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการฟ้องร้องผู้ยื่นคําร้องกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครอง ว่า ตนได้คุยกับนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้ใหญ่หลายคนในพรรคแล้ว ทราบว่าฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ร่างคำฟ้องแล้ว เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากล้มล้างการปกครองเป็นข้อหารุนแรง เป็นการใส่ร้ายที่หนักหนา เมื่อเป็นเช่นนี้ ยืนยันว่ายังไงก็ต้องฟ้อง ให้อภัยไม่ได้
“วันชัย”เย้ยหมอไม่รับเย็บ
นายวันชัย สอนศิริ อดีตส.ว. ได้โพสต์ข้อความเรื่อง “สมน้ำหน้า นักร้องถูกตบกระบาลหน้าคว่ำ หมอไม่รับเย็บ” ผ่านเฟซบุ๊กหลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง พรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่กระทำการล้มล้างการปกครองว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ยกคำร้องว่า พรรคเพื่อไทยและนายทักษิณไม่ได้ล้มล้างการปกครอง เป็นการตบกระบาลเปรี้ยงไปยังบรรดานักร้องจนหน้าคว่ำคะมำไปตามๆกัน แท้ที่จริงนักร้องพวกนี้คือพวกที่พยายามจะล้มล้างและเซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา หาเรื่องจับแพะชนแกะ โยงเรื่องโน้นเรื่องนี้สารพัดให้เป็นประเด็น เป็นนิติสงคราม เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ทำให้เป็นเรื่อง คำวินิจฉัยในวันนี้ชี้ให้เห็นได้ว่า อย่าร้องกันมั่วๆส่งเดช ไม่เข้าท่าเข้าทาง
“คนพวกนี้สู้ในสภาก็ไม่ได้ จะจัดม็อบนอกสภาก็ไม่ไหว ทำอย่างไรก็จุดไม่ติด การร้องศาลรัฐธรรมนูญก็คงเป็นวิธีเดียวที่คนพวกนี้จะทำได้ เคยได้ผลเรื่องคุณเศรษฐามาแล้วก็เลยได้อกได้ใจ หวังว่า จะเอาศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นเครื่องมือกำจัดรัฐบาลเหมือนที่เคยทำได้ แต่ศาลท่านไม่เอาด้วย ยิ่งผลคะแนนที่ออกมานั้นมันเกือบจะเอกฉันท์เต็มร้อย ทำให้ไอ้ห้อยไอ้โหนประเภทนักร้องที่จะเล่นเกมแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ ทำให้หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ” นายวันชัยระบุ
จี้เพื่อไทยเร่งสร้างผลงาน
นายวันชัยระบุ สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ เพื่อไทยและนายทักษิณก็อย่ามัวกระหยิ่มยิ้มย่อง ต้องใช้โอกาสนี้ สปีดการทำงานให้เต็มสูบ เรื่องปราบปรามยาเสพติด แก้ปัญหาเศรษฐกิจ การทำมาค้าขาย ต้องเห็นผลให้ได้ภายในเดือนสองเดือนนี้ ศาลท่านก็ยกคำร้องแล้วว่านายทักษิณไม่เกี่ยวกับเรื่องครอบงำชี้นำอะไรทั้งนั้น ลุยได้ต้องลุย เดินเครื่องได้ต้องเดิน เพื่อไทยเป็นรัฐบาลนะ ไม่ใช่เป็นฝ่ายค้าน ผลงานต้องมี ไม่ใช่มีแต่น้ำลายพ่นกันไปวันๆ เวลาก็เหลือเพียงสองปีเศษ จะเอา 200 เสียงขึ้นไป ต้องไม่ใช่เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ คนเขารอผลงานและการแก้ปัญหาอยู่ อย่าให้เขารอนานไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นทักษิณก็ทักษิณเถอะ เพื่อไทยก็เพื่อไทยเถอะ ยังขืนอืดอาดยืดยาด ระวังจะโดนเหมือนที่เคยโดนมาแล้ว
ปลอบนักร้องอย่าสิ้นหวัง
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า อย่าสิ้นหวัง คนเราอาจจะไม่ได้อะไรที่หวังทั้งหมดอย่าผิดหวังที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณา คดีล้มล้างการปกครอง
อย่างน้อยในประเด็นที่ 2 กรณีการครอบงำที่อาจทำให้ไทยต้องสูญเสียอาณาเขตทางทะเลและทรัพยากรใต้น้ำ มีตุลาการสองท่านที่เห็นว่าคดีมีมูลแต่ที่อยากเตือนสติ กระบวนการยุติธรรม ผู้พิพากษา อย่ายึดติดตัวบทจนมองไม่เห็นความเสียหายที่เป็นภาพใหญ่ ที่กำลังเกิดขึ้น ประการสำคัญกระบวนการยุติธรรมต้องไม่ทำให้ผู้คนฝังใจเชื่อคำกล่าวว่าคนรวย นักการเมืองโกงชาติ ทำผิดไม่ติดคุก จะทำให้คนหมดศรัทธา สิ้นหวังในกระบวนการยุติธรรม
รอดจากคดีนี้ ยังมีอีกหลายคดีคดีชั้น 14 ช่วยเหลือคนผิดไม่ติดคุก นักการเมือง ผู้มีอำนาจไม่ติดคุก รอ ป.ป.ช.สวมหัวใจสิงห์ส่งคดีให้ศาล ลุงเสรีอย่าเปลี่ยนใจ ไม่เปลี่ยนคำให้การ หากคดีนี้ผิดจะมีคนติดบ่วงด้วยอีกหลายคน
อีกคดีที่น่าสนใจคดีครอบงำพรรค ขอเพียง กกต.รวบรวมความกล้าส่งศาลใหัวินิจฉัย อย่าตัดตอนหากกระบวนการยุติธรรมไม่ทำงาน ม็อบลงถนน น่าเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดความรุนแรง ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น คนไทยรบกันเอง คนที่จะห้ามได้คือ กระบวนการยุติธรรมต้องทำงาน อย่าปัดตกเร็วเกินไป อย่าเพิ่งสิ้นหวัง
แซะ “ทักษิณ” คนมีเส้นของจริง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กว่า ทักษิณ คนมีเส้น !!!ส่วนตัวก็เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะรับคำร้องของทนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ด้วยเหตุผลเพื่อลดกระแสแรงกดดันจากสังคม ซื้อเวลาการพิจารณาออกไปก่อน ซึ่งผลการวินิจฉัยจะเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่อีกใจหนึ่งผมก็เชื่อว่า คุณทักษิณเป็นคนมีเส้น และได้พูดเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ไม่มีใครเชื่อ วันนี้น่าจะตาสว่างกันบ้างแล้ว ว่าคุณทักษิณคือคนที่มีเส้นของจริง ไม่ต้องพิสูจน์อะไรกันอีกซ.ต.พ.กันนะครับ
โอด “ปู” ไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาบอกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯจะเดินทางกลับมาประเทศไทย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นอดีตนายกฯที่ทำงานให้กับประเทศชาติ แต่กลับมาถูกดำเนินคดีในความผิดปล่อยปละละเลยในโครงการรัฐ จนไม่สามารถอยู่ในประเทศได้ ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคดีเกิดขึ้นหลังจากการรัฐประหารในปี 2556 ท่ามกลางบรรยากาศมาตรา 44 ที่ให้อำนาจสูงสุดแก่คณะผู้ทำการรัฐประหาร ประกอบกับในวันนั้นมีการใช้มาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการเดินหน้ายึดทรัพย์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำย้อนหลังใดๆทั้งสิ้น ที่สำคัญดำเนินการก่อนที่คดีอาญาจะสิ้นสุด ถือว่าเป็นการชี้นำคดีอาญาหรือไม่ อยากถามสังคมว่าแบบนี้แล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับความเป็นธรรมใช่หรือไม่ ตนเชื่อว่าคนในสังคมไทยที่มีใจเป็นธรรมคงมองเรื่องนี้ไม่ต่างจากตน
บอกกลับไทยไม่มีสิทธิพิเศษ
นายวรชัย กล่าวว่า ส่วนที่นายทักษิณ พูดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกลับประเทศไทยนั้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความชอบธรรมที่คนไทยทุกคนต้องได้กลับประเทศ และวันนี้คนไทยต้องการความสามัคคีปรองดอง เดินหน้าประเทศไทย เพราะฉะนั้น การกลับมาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย และเท่าที่ทราบมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางกลับประเทศและเข้าสู่กระบวนการบังคับโทษตามกฎหมายราชทัณฑ์ ไม่ใช้สิทธิพิเศษใดๆทั้งสิ้น ขอให้ฝ่ายแค้นอย่าเอาประเด็นนี้มาเป็นประเด็นการเมือง เพื่อโจมตีทำลายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย อย่าขยายความขัดแย้งนำไปสู่ความวุ่นวายของประเทศ เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าให้รัฐบาลได้แก้ปัญหาทั้งเรื่องความยุติธรรมและปัญหาปากท้องของประชาชน
ปชป.อบรมความรู้การเมือง
วันเดียวกัน ที่ จ.สุพรรณบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้ นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด กรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วยนายธนิตพล ไชยนันทน์ ผู้อำนวยการพรรค และผศ. ดร.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรค ร่วมกันจัดโครงการให้ความรู้ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยขึ้น ที่ศาลาวานิชสัมพันธ์ วัดอัมพวัน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีสมาชิกพรรคและประชาชนที่สนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีประชาชนอีกส่วนหนึ่งต้องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แบบตลอดชีพอีกด้วย เพราะเห็นว่ามีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียว พร้อมกับได้ให้กำลังใจพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่อย่างสุดกำลัง เพื่อให้เป็นพรรคการเมืองที่เป็นที่พึ่งที่หวังของพี่น้องประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ในโครงการดังกล่าว ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการยื่นแบบภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะต้องยื่นในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ปี 2568 ตามบทบาทและหน้าที่พลเมืองไทย โดยผู้เสียภาษีสามารถแสดงเจตจำนงเลือก อุดหนุนเงินภาษีให้กับพรรคการเมืองที่ชื่นชอบได้โดย “ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม และไม่กระทบการขอคืน” ง่ายๆ เพียงแสดงความประสงค์อุดหนุนเงินภาษีให้กับพรรคประชาธิปัตย์ได้สูงสุด ไม่เกินปีละ 500 บาท โดยระบุรหัส 001 ผ่านใบ ภ.ง.ด. 90 หรือ 91 แล้วแต่ก็กรณี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี