ชี้การเมืองไทยใกล้เวลาสุกงอม
‘สนธิ’พร้อมลงถนน
อาสากู้ชาติเป็นครั้งสุดท้าย
โพลล์ยี้‘พท.-ปชน.’เล่นละคร
เพื่อไทยแก้เกมคดียุบพรรค
จัดทีมกฎหมายรับมือกกต.
“เพื่อไทย”ไม่กังวล กกต.เดินหน้าสอบคดียุบพรรคพร้อมทั้งทีมกฎหมายสู้“ชูศักดิ์”ยันพร้อมชี้แจงระบุข้อกล่าวหากว้างไป โพลล์ชี้พรรคประชาชน เปิดหน้าชนพรรคเพื่อไทยแค่ละครการเมือง
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (น.ส.จิราพร สินธุไพร) ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินหน้าสอบกรณียุบพรรค พท. โดยอ้างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองเกี่ยวกับการครอบงำ ว่า เรื่องที่ กกต.จะสอบเป็นเรื่องเกี่ยวกับการครอบงำ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับมาตรา 28 และมาตรา 29 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ก็เป็นหน้าที่ของเขาและเขามีกระบวนการอยู่ ซึ่งหากทาง กกต. แจ้งข้อกล่าวหามา เราก็มีหน้าที่ชี้แจงข้อกล่าวหา ไม่ได้กังวลอะไร
เมื่อถามว่า พรรค พท. จะเดินหน้าทำงานต่อ โดยไม่หวั่นไหวใช่หรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า ไม่ได้หวั่นไหวและก็ทำหน้าที่ไป แต่ต้องระมัดระวังเรื่องกฎหมายและข้อห้ามต่างๆ ชี้ข้อกล่าวหากว้างไป
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกันภายในพรรคบ้างหรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า ข้อกล่าวหาเรื่องของการครอบงำเป็นข้อกล่าวหาแบบกว้าง อยู่ที่การตีความ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกพรรคหากมีบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อถามต่อว่า เรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายเป็นคนดูโดยตรง หรือมีการตั้งใครขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมเป็นพิเศษหรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า จริงๆ ก็มีหลายคนที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย แต่ต้องมานั่งดูเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาของ กกต.ก่อนว่าเขาแจ้งข้อกล่าวหามาว่าอย่างไรบ้าง
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. ได้มีการพูดคุยอะไรกับฝ่ายกฎหมายถึงเรื่องนี้บ้างหรือไม่ นายกฤช กล่าวว่า มีการพูดคุยกันตลอดในพรรคอยู่แล้ว ซึ่งท่านก็ไม่ได้มีความเป็นห่วงหรือกังวลอะไร ทุกคนทำหน้าที่ไปตามปกติ เมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหามาฝ่ายกฎหมายก็มีหน้าที่ต้องมาประชุมว่าจะชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างไรและต้องว่าไปตามกระบวนการ
รัฐบาลเดินหน้าทำงาน
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องพรรค พท. ล้มล้างการปกครอง ถือเป็นสัญญาณที่ดีทางการเมืองของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า เป็นสัญญาณที่ดี เพราะประเด็นล้มล้างการปกครองเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่มีความสำคัญถึงขั้นยุบพรรค ซึ่งการที่ศาลไม่รับคำร้องเป็นสัญญาณว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในบริบทของรัฐบาล ทำให้รัฐบาลสามารถทำงานได้แบบต้องไม่กังวลอะไรในประเด็นเหล่านี้
นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนคิดว่าเรื่องนี้ทำให้รัฐบาลมีความมั่นใจในการทำหน้าที่ต่อในอนาคต และเชื่อว่าประเด็นล้มล้างไม่น่าจะมีอะไรแล้ว แต่ประเด็นอื่นที่มีการร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เช่น เรื่องการครอบงำพรรคนั้น มั่นใจเราสามารถชี้แจงได้ ไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล เราเตรียมตัวชี้แจงแล้วว่าเป็นอย่างไร ซึ่งคงชี้แจงแนวเดิมว่าการอ้างว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาสั่งการเรานั้น เราชี้แจงได้ว่าไม่ใช่เรื่องการครอบงำ แต่เป็นการปรึกษาหารือให้คำแนะนำที่ทำได้ทั่วไปทางการเมือง แต่คณะกรรมการบริหารพรรคยังมีอิสระในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เรื่องการสั่งการอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
“พรรคยังมีอิสระ และขณะนี้ยังไม่ได้มีหนังสือมาให้เราชี้แจงประเด็นอะไร แต่เพื่อไทยเตรียมพร้อมเสมอและมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้” นายชูศักดิ์ กล่าว
เหน็บ”พท.-ปชน.”ละครการเมือง
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “พรรคประชาชนเปิดหน้าชนพรรคเพื่อไทย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-20 พฤศจิกายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองในปัจจุบันระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการวิวาทะระหว่างพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยที่ผ่านสื่อในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 45.27 ระบุว่า เป็นแค่ละครทางการเมืองฉากหนึ่ง เพราะการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร รองลงมา ร้อยละ 29.16 ระบุว่า เป็นแค่ความพยายามที่จะเพิ่มคะแนนเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่น ร้อยละ 17.10 ระบุว่า เป็นเรื่องจริงจังว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันแน่นอนในการเลือกตั้งครั้งหน้า และร้อยละ 8.47 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
แต่ไม่จับมือร่วมรัฐบาล
สำหรับความเป็นไปได้ที่พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยจะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 36.72 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย รองลงมา ร้อยละ 32.37 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 17.71 ระบุว่า เป็นไปไม่ค่อยได้ และร้อยละ 13.20 ระบุว่า เป็นไปได้มาก
ด้านความเชื่อที่ว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่สามารถต่อสู้กับพรรคประชาชนได้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 27.86 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ รองลงมา ร้อยละ 25.88 ระบุว่า เชื่อมาก ร้อยละ 23.89 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 20.69 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 1.68 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เพื่อไทยได้ไม่ถึง200เสียง
สำหรับความเป็นไปได้ต่อคำกล่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ สส. เกิน 200 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.20 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย รองลงมา ร้อยละ 27.25 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 24.58 ระบุว่า เป็นไปไม่ค่อยได้ ร้อยละ 12.29 ระบุว่า เป็นไปได้มาก และร้อยละ 1.68 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นต่อบุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง (เช่น นายทักษิณ ชินวัตร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน) ขึ้นเวทีหาเสียงในฐานะผู้ช่วยหาเสียง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.49 ระบุว่า ไม่เป็นไรเพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม รองลงมา ร้อยละ 22.75 ระบุว่า ถึงกฎหมายไม่ห้ามก็ไม่สมควรขึ้นเวทีหาเสียง ร้อยละ 14.35 ระบุว่า ควรแก้กฎหมายห้ามไม่ให้ผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองขึ้นเวทีหาเสียง ร้อยละ 12.29 ระบุว่า ควรแก้กฎหมายยกเลิกการตัดสิทธิทางการ และร้อยละ 4.12 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
จี้เพื่อไทยต้องใจกว้าง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ว่า พรรคเพื่อไทย ต้องใจกว้าง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร กล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครองแล้ว มีแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาแสดงท่าทีเอาคืน เช่นนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และผู้ใหญ่ในพรรคหลายคน เกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้ที่ยื่นคำร้องกล่าวหาพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครองแล้ว
ตอนนี้มีความคืบหน้าให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคจัดทำร่างคำฟ้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่า จะใช้เวลาไม่นานในการยื่นฟ้อง เนื่องจากเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและเป็นการใส่ร้ายที่หนักหนา จึงไม่สามารถให้อภัยได้นั้น
ผมเห็นว่าการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร เป็นการกระทำตามสิทธิ์ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งสามารถทำได้ ไม่ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด เป็นช่องทางและเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ให้สามารถทำได้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ก็ยกคำร้องไปตามกระบวนการพิจารณา
ยอมรับในเสียงวิจารณ์
การที่แกนนำพรรคเพื่อไทยจะฟ้องกลับผู้ร้อว ถือว่าเป็นการขัดขวางการทำหน้าที่ของประชาชน ในการตรวจสอบพรรคการเมืองตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคการเมืองทุกพรรคเป็นองค์กรทางการเมือง ที่ประชาชนทุกคนสามารถตรวจสอบ และวิพากษ์วิจารณ์ได้
พรรคเพื่อไทยควรจะใจกว้างมากกว่านี้ ไม่ใช่ผูกใจเจ็บและปิดปากประชาชน ไม่ให้มีการตรวจสอบ ถือว่าเป็นการรังแกประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยเคยวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน แต่เมื่อผลการปฎิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญเป็นคุณต่อพรรคเพื่อไทย ก็พยายามนำผลของการวินิจฉัยมาเอาคืนประชาชน ที่ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
ขอฝากให้นายทักษิณ ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ และพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองของประชาชน ได้ทบทวนท่าที การเปิดศึกกับประชาชน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการตรวจสอบพรรคการเมืองของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี