ท้าพท.ให้รีบฟ้อง
‘ธีรยุทธ’ชี้ร้องเรียนตามรธน.
เล็งเอาคืนสวนกลับ‘ฟ้องเท็จ’
“ธีรยุทธ”ท้า“เพื่อไทย”แน่จริงฟ้องเลย หลังศาลรธน.ไม่รับคำร้องคดีล้มล้างการปกครอง ย้ำทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเล็งฟ้องกลับกรณีฟ้องเท็จ “ชูศักดิ์”ยันสัปดาห์นี้รู้ผลจะฟ้องนักร้องหรือไม่
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ในฐานะผู้ยื่นคำร้อง 6 ประเด็นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบ กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมครอบงำพรรคเพื่อไทยให้กระทำการอันอาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นที่พรรคเพื่อไทยอาจฟ้องกลับ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2567 ไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา ว่า หากไปดูที่นายเปลว สีเงิน แห่ง นสพ.ไทยโพสต์ ให้ทรรศนะไว้ว่า ในเรื่องการฟ้องเท็จนั้น คือการกล่าวหาให้ผู้ที่ถูกฟ้องต้องได้รับโทษทางอาญา
แต่คำร้องของตนนั้นไม่ได้ระบุให้ผู้ถูกร้องต้องได้รับโทษทางอาญา โดยเป็นการให้ตรวจสอบว่ามีการกระทำเกิดขึ้นหรือไม่ และมีเพียงคำสั่งให้หยุด ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ แต่ไม่ใช่โทษทางอาญาซึ่งมีเพียง 5 อย่าง คือประหารชีวิต จำคุก กักขัง ยึดทรัพย์และปรับ อีกทั้งยังมีกรณีของพรรคก้าวไกลฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในความผิดฐานแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท ซึ่งเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2567 ศาลตัดสินยกฟ้องเพราะเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ อันเป็นสิ่งที่ประชาชนพึงกระทำได้
นอกจากนั้น ในช่วงค่ำวันที่ 22 พ.ย. 2567 ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีเชิญตนไปโฟนอินเข้ารายการ ซึ่งรายการนั้นกำลังสัมภาษณ์คนของพรรคเพื่อไทยอยู่พอดีและได้พูดคุยกัน ทางนั้นติดใจเรื่องตนไปกล่าวหาว่าล้มล้างการปกครอง ตนก็ถามว่าแล้วในรัฐธรรมนูญมีคำว่าล้มล้างการปกครองหรือไม่ อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญยังวางบรรทัดฐานเรื่องเซาะกร่อนบ่อนทำลายและกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง
ซึ่งตนก็ลอกข้อความเหล่านี้มาใส่ในคำร้องเพื่อให้ศาลพิจารณา
ส่วนพยานหลักฐานก็ได้มาจากที่สื่อนำเสนอ หากเป็นเท็จก็เท่ากับสื่อนำเสนอความเท็จอย่างนั้นหรือ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะทุกสื่อเสนอเหมือนกันหมด และเมื่อตนกลับมาดูย้อนหลัง คนของพรรคเพื่อไทยก็บอกว่าแม้คำร้องไม่เท็จ นั่นเท่ากับยอมรับแล้วหรือไม่ว่าไม่ใช่ความเท็จ แบบนี้จะมาฟ้องได้อย่างไร ซึ่งดูจากข่าวที่ปรากฏ คือนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักงานนายกฯ และเป็นทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทย บอกว่ากำลังพิจารณาจะฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จ ซึ่งหากฟ้องมาตนก็จะฟ้องกลับเช่นกัน
ส่วนคำถามว่าการถูกฟ้องจะทำให้การทำงานของตนต้องหยุดชะงักหรือไม่ บอกเลยว่าไม่ชะงัก และคนที่ติดตามเอาใจช่วยตนอยู่ก็อาจมองได้ว่าเป็นการฟ้องปิดปากโดยใช้ตนเป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งพรรคการเมืองและนักการเมืองถือเป็นบุคคลสาธารณะ ในหลายประเทศก็มีหลักทางวิชาการว่าต้องน้อมยอมรับในสิ่งที่ประชาชนจะตรวจสอบได้ตลอดเวลา
“มีบทกฎหมายวางไว้เลยว่าถ้าฟ้องแบบนี้ทั้งๆ ที่คุณรู้อยู่แล้วว่าผมไม่ได้กระทำผิดอาญา ก็ต้องฟ้องกลับไปว่าคุณฟ้องผมเท็จ แล้วหลักฐานมันชัดพอคำฟ้องคุณมา ผมก็เอาคำฟ้องคุณไปยื่นศาลเป็นหลักฐานว่าคุณฟ้องกล่าวหาผมเป็นเท็จ เพราะบทกฎหมายวางหลักไว้เลยว่าต้องเป็นกรณีที่ธีรยุทธกล่าวหาผู้ถูกร้องทั้ง 2 ให้ต้องรับโทษทางอาญา ก็บอกแล้วตามช่องทางรัฐธรรมนูญไม่มีโทษอาญาอยู่” นายธีรยุทธ กล่าว
นายธีรยุทธ กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้มีโทษหนักพอสมควร แม้จะรอลงอาญาแต่ก็จะมีเรื่องจริยธรรมตามมาอีก รวมถึงคนที่ลงนามคำสั่งให้ฟ้องออกมาก็จะต้องรับผิดชอบ ซึ่งไม่ใช่ฝ่ายกฎหมายของพรรค แต่เป็นผู้กระทำการแทนพรรค ซึ่งตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง หมายถึงหัวหน้าพรรค ส่วนจะเซ็นมอบอำนาจให้ใครบ้างก็ว่ากันไป ให้นึกถึงนิติบุคคล ซึ่งก็หมายถึงกรรมการผู้มีอำนาจรับรอง
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการฟ้องกลับนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย หยุดการกระทำที่อาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะการจะฟ้องอะไรต้องดูข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ตนก็อยากให้ทีมกฎหมายดูให้รอบคอบ และสัปดาห์นี้น่าจะจบ ส่วนข้อกล่าวหานั้น ยังไม่สามารถที่จะบอกได้ชัดเจนว่าข้อหาอะไร แต่ก็อยู่ในกลุ่มเหล่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะฟ้องนายธีรยุทธคนเดียว หรือฟ้องนักร้องคนอื่นด้วย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กำลังดูอยู่ เมื่อถามอีกว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดนด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กำลังดูอยู่ว่ามีใครบ้าง ต่อข้อถามว่า หลายคนมองว่า พรรค พท.เป็นสาธารณะ การที่จะไปฟ้องกลับนักร้อง เกรงจะถูกมองไม่ดีหรือไม่ และจะวางมาตรฐานการถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้มากน้อยแค่ไหนในฐานะพรรคการเมือง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ในทางหลักสากล โดยเฉพาะความเห็นส่วนตัวการที่จะไปกล่าวหาอะไร ถ้าเป็นเรื่องของการติชมเพื่อความเป็นธรรม หรือให้ความเห็นเพื่อความเป็นธรรมของสังคม อย่างนี้เรารับกันได้ ไม่มีปัญหาอะไร
“แต่ถ้าเป็นในลักษณะของการใส่ร้ายโดยบิดเบือนข้อเท็จจริง บิดเบือนข้อกฎหมาย หรือไปกล่าวหาว่ามีการทุจริต ทั้งที่เขาไม่ได้ทำ หรือไม่ได้มีหลักฐานอะไร กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน มากล่าวหาว่าล้มล้างการปกครอง ซึ่งถ้าดูจริงๆ ข้อกล่าวหานี้แรงมาก เท่ากับกบฏ เมื่อมันแรงเช่นนี้โดยที่การกระทำของเราไม่ใช่ แต่คุณกลับไปปรับแต่งข้อเท็จจริง บิดเบือนว่ามันใช่ อย่างนี้ผมว่ามันควรต้องดำเนินการ ดังนั้น จะดูเป็นกรณีไป ดูเหตุผล ดูเจตนาเป็นหลัก เพราะผมเคยบอกแล้วว่าเรื่องล้มล้างการปกครองเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เท่ากับกบฏในอดีต ดังนั้น ศาลจึงบอกว่าเรื่องนี้ศูนย์เลย ไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง ถึงได้ยก อย่างนี้ก็ควรจะใช้ดุลยพินิจพิจารณาได้ว่าอย่างนี้ไม่ไหว มันเกินไปนะ แต่ถ้าเกิดเป็นการติชม สื่อติชมพรรคการเมืองตรงนั้นตรงนี้โดยสุจริต ตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา”
เมื่อถามถึงความคืบหน้าเรื่องการร้องยุบพรรค พท. กกต.เชิญไปชี้แจงบ้างหรือยัง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการเชิญมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี