‘เรืองไกร’ร้องกกต.ส่งศาลรธน.
เช็คบิลนายกฯอิ๊งค์
ฝ่าฝืนจริยธรรมฯปมMOU44
วินิจฉัยความเป็นรมต.สิ้นสุด
‘ณัฐวุฒิ’เย้ยม็อบใหญ่เกิดยาก
“เรืองไกร”ร้องกกต.ส่งศาลรธน.วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ “อิ๊งค์”ปมMOU44ไม่ปกป้องรักษาอธิปไตย ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯข้อ 6 หรือไม่ ด้าน“ปานเทพ” เปิดเอกสาร JC2544 รับรอง MOU2544“ทักษิณ-ฮุนเซน”ลงนามพบเป็นสนธิสัญญาไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา“สมคิด”เผยรัฐบาลพร้อมมารับ“สนธิ”บุกทำเนียบฯยื่นหนังสือMOU44 ไม่ห่วงขู่ปลุกม็อบลงถนนชี้โลกเปลี่ยนไปแล้วเชื่อทุกคนมีเหตุผล‘ณัฐวุฒิ’หยาม!ฟันธงไม่มี‘ม็อบใหญ่’จะเกิดขึ้นง่ายๆแค่‘ก๊กอนุรักษ์นิยม’เป็นวิธีเดิมๆมี‘ส้ม’เป็นกองเชียร์’บิ๊กอ้วน’เมิน’สนธิ’บุกทำเนียบฯบอกประเด็นเดิมๆ เผยตั้งคกก.JTCไม่ทัน ครม.29พ.ย.ยันเร่งแก้รธน.ทั้งฉบับสุดความสามารถได้แค่ไหนแค่นั้น
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะกล่าวว่าวันนี้(26พ.ย.)ได้ส่งหนังสือร้องเรียนทางไปรษณีย์ เพื่อขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีเหตุสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170(5) มาตรา 160 (5)ประกอบมาตรฐานทางจริยธรรมฯข้อ 6 หรือไม่ จากกรณีMOU44บันทึกข้อตกลงไทย-กัมพูชาเกี่ยวกับกรอบเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา
‘เรืองไกร’ร้องกกต.ส่งศาลรธน.
แบ่งเป็นข้อๆดังนี้1.ตามคำสัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธารเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงขอให้ตรวจสอบผลการหารือของพรรคร่วมรัฐบาลกรณีMOU44 มีจริงตามที่น.ส.แพทองธาร เปิดเผยหรือไม่ MOU 44 ยังคงอยู่ ไม่สามารถมีการยกเลิกได้ใช่หรือไม่ หากจะยกเลิกต้องใช้ข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ ใช่หรือไม่ หากไทยยกเลิกเองก็ไม่สามารถทำได้ เพราะอาจถูกฟ้องได้ เพราะเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ ใช่หรือไม่, ตรวจสอบว่ามีการพูดคุยทางทะเลในสัดส่วนที่มีการขีดเส้น จริงหรือไม่ซึ่งMOUมีการขีดเส้นไม่เหมือนกัน จริงหรือไม่ แต่เนื้อหาใน MOUเป็นข้อตกลงจะมีการเจรจากันทั้งสองประเทศ ใช่หรือไม่
ตรวจสอบว่าMOU44ยกเลิกไม่ได้ ถ้าไม่มีการตกลงระหว่างสองประเทศ และเรื่องนี้ต้องเข้าสู่ที่ประชุมสภา ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย จริงหรือไม่,ตรวจสอบว่าMOU 44 ทำขึ้นสมัยใด มีการนำเรื่องนี้ต้องเข้าสู่ที่ประชุมสภา หรือไม่, ตรวจสอบว่า หากไทยยกเลิก MOU44 อาจโดนฟ้องร้องจากกัมพูชาอย่างแน่นอน จริงหรือไม่ กัมพูชาจะใช้กฎหมายใดในการฟ้องร้อง, ตรวจสอบว่า MOU 44 เป็นเรื่องข้อตกลงระหว่างประเทศ จริงหรือไม่ และไทยยังไม่ได้เสียเปรียบในเรื่องของการตกลงเรื่องนี้อย่างไร,ตรวจสอบว่า มีพรรคร่วมรัฐบาลใดที่เห็นด้วยในการเดินหน้า MOU 44 บ้าง ลงนามกันไว้หรือไม่ อย่างไร, ตรวจสอบว่าเรื่อง MOU44ดังกล่าว อาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 1ซึ่งบัญญัติว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้”หรือไม่ และตรวจสอบว่ารัฐบาลนี้ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่ จริงหรือไม่ และการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่รักษาไว้ซึ่งอธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6 หรือไม่
‘อิ๊งค์’ฝ่าฝืนจริยธรรมปมMOU44
2. เนื่องจากมาตรฐานทางหมวด 1 จริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ข้อ 6 กำหนดว่า “ข้อ 6 ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบของประชาชน 3. เนื่องจากมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 27 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า“การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมในหมวด 1ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง”
“ ดังนั้นหากการกระทำเรื่อง MOU 44 ดังกล่าว เข้าข่ายมาตรฐานทางจริยธรรม ลักษณะ 1 ข้อ 6 กรณี ย่อมอาจเป็นไปความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 160 (5) ที่อาจเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง”นายเรืองไกร ระบุ
พร้อมสำเนาหลักฐานส่งให้กกต.
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนได้ส่งสำเนาประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง เส้นฐานตรงและน่านน้ำภายในของประเทศไทย ลงวันที่ 11มิ.ย.2513 สำเนาประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง เส้นฐานตรงและน่านน้ำภายในของประเทศไทยบริเวณที่สี่ ลงวันที่ 17 ส.ค. 2535 สำเนาประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง เส้นฐานตรงและน่านน้ำภายในของประเทศไทย ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2536) ลงวันที่ 2 ก.ย. 2536 สำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16066/2555 และสำเนามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2553มาเป็นตัวอย่างเพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบของกกต.ด้วยแล้ว
เปิดJC2544’แม้ว-ฮุนเซน’ลงนาม
วันเดียวกัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กว่าเปิดเอกสาร JC 2544 และแชร์ไปให้มากๆ ขอขอบคุณท่านอาจารย์หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ที่ได้อนุญาตให้เผยแพร่เอกสารสำคัญ เป็นแถลงการณ์ร่วมระหว่าง ไทย-กัมพูชา ลงนามโดย ทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุนเซน วันที่ 18 มิถุนายน 2544ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า JC2544 หรือ J44
โดยเฉพาะข้อ 13 และ ข้อ 14 ที่ได้มีการรับรอง MOU 2544 จึงทำให้สถานภาพของ MOU2544 กลายเป็นสนธิสัญญาที่ได้มอบอำนาจโดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ได้มีพระบรมราชโองการ จึงขอนำเสนอและช่วยกันเผยแพร่ในโอกาสนี้ เพื่อเพิกถอนทั้ง MOU2544 และ JC2544 ด้วยความปรารถนาดี
‘สมคิด’ชี้รบ.พร้อมคุยรับฟังเหตุผล
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เตรียมเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเรื่องMOU44วันที่2ธ.ค.เวลา10.30น.
โดยกล่าวว่ารัฐบาลยินดีที่จะรับเรื่องที่นายสนธิยื่น เรายินดีรับฟังทุกความเห็น รัฐบาลไม่ได้เลือกว่าใครจะมายื่นไม่ว่าฝ่ายสนับสนุนหรือฝ่ายคัดค้าน และนายสนธิ ถือเป็นผู้ใหญ่ พูดจามีเหตุมีผลอยู่แล้วซึ่งตนก็พร้อมที่จะมารับ ทั้งนี้ เรื่องนี้ยังไม่ได้รายงานให้นายกฯรับทราบยังไม่แน่ใจว่านายกฯจะมอบหมายให้ใครไปรับหนังสือหรือนายกฯจะไปรับหนังสือด้วยตัวเองเพราะยังไม่แน่ใจว่าช่วงเวลานั้น นายกฯจะมีภารกิจหรือไม่ ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาใครไปรับหนังสือ หากตนไปรับก็อาจจะชวนรัฐมนตรีที่ว่างในช่วงนั้นออกไปรับด้วยถ้ามากันเยอะก็คงจะข้างนอก ที่ฝั่งกพ.แต่ถ้ามาไม่เยอะก็อาจจะให้มายื่นในทำเนียบฯ ซึ่งยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
“สำหรับเนื้อหาในหนังสือที่นายสนธิ จะมายื่นเรื่อง MOU44นั้น ทราบว่าเป็นเรื่องที่นายสนธิบอกว่าพร้อมที่จะอธิบายและเห็นต่อว่ารัฐบาลด้วยว่าเข้าใจคาดเคลื่อนซึ่งก็เป็นความคิดของนายสนธิแต่การยื่นหนังสือถือเป็นผลดีเพราะถือว่ามีเหตุมีผลในการที่จะยื่นและนายสนธิก็บอกเองว่าเหตุผลของท่านดีกว่า”นายสมคิด ระบุ
ไม่ห่วง‘สนธิ’ขู่ปลุกม็อบลงถนน
เมื่อถามต่อว่านายสนธิขู่ว่าจะปลุกม็อบลงถนนอีกครั้งหากรัฐบาลไม่ตื่นตัวกับเรื่องนี้ นายสมคิด กล่าวว่า คงไม่ได้ขู่มั้ง ท่านทำจริงของท่านถือเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีการปลุกคนลงถนนหากไม่เห็นด้วย เรามีหน้าที่รับฟังถ้าฟังกันด้วยเหตุด้วยผล ก็เชื่อว่าจะคุยกันได้หมด มนุษย์อยู่ที่การพูดคุย ขอย้ำว่ารัฐบาลพร้อมที่จะพูดคุยอยู่แล้ว ะคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าห่วงอะไร เพราะนายสนธิ ก็เป็นผู้ใหญ่
ถามย้ำว่ากลุ่มพันธมิตรในอดีตที่ผ่านมาซึ่งมีนายสนธิเป็นแกนนำการชุมนุมในครั้งนั้นสร้างความเสียหายให้กับประเทศมากเป็นห่วงหรือไม่ว่าครั้งนี้จะเกิดความเสียหายอีกนายสมคิดกล่าวว่าคิดว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ววิธีการก็เปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วเชื่อว่าทุกคนมีเหตุผล หากดึงให้ประเทศเสียหาย เชื่อว่าประชาชนคงทราบดี เชื่อประชาชนทุกคนรักประเทศไทยทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ดังนั้นรัฐบาลพร้อมที่จะพูดคุย ทั้งนี้จะขอดูเหตุผลในหนังสือที่นายสนธิ ยื่นก่อนว่าคืออะไรก่อนที่จะให้คำตอบได้ว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร
‘ณัฐวุฒิ’ชี้ม็อบใหญ่ไม่เกิดขึ้นง่ายๆ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและอดีตแกนนำนปช.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก“นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”ระบุว่า...มีคนถามว่ากำลังจะมีการชุมนุมบนท้องถนนหรือไม่ และรัฐบาลเตรียมการรับมืออย่างไร
คุณสนธิ ลิ้มทองกุลกับพวก มีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และมีศักยภาพในการเคลื่อนไหวมวลชนแต่ผมคิดว่าการประกาศลงถนนคงไม่ใช่เร็วๆนี้ เพราะยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการชุมนุมขนาดใหญ่แบบหลายๆปีก่อนจะเกิดขึ้นง่ายๆ
การปลุกประเด็นเรื่องชาตินิยมแม้จะมีผลกับคนส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่วาระของคนส่วนใหญ่ เพราะขั้นตอนการเจรจาใดๆกับประเทศเพื่อนบ้านยังไม่เริ่มและหากมีการดำเนินการรัฐบาลก็จะทำอย่างชัดเจนโปร่งใส โดยมีทรัพยากรปิโตรเลียมกว่า 10 ล้านล้านบาท ที่จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของประเทศเป็นเป้าหมาย
หวังสังคมไทยจะสุกงอมทางความคิด
นายณัฐวุฒิ ยังมองว่า คุณสนธิ บอกว่าการเมืองใกล้สุกงอม ผมก็หวังว่าสังคมไทยจะสุกงอมทางความคิดด้วยเช่นกันว่าการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย ล้วนนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงโดยอำนาจนอกระบบซึ่งเกิดความเสียหายร้ายแรงจนถึงปัจจุบันในมุมของรัฐบาลย่อมไม่ประสงค์การเผชิญหน้า ไม่ปรามาส ไม่ท้าทายกลุ่มใดๆการทำงานยังเป็นช่วงเริ่มต้น นายกรัฐมนตรีกำลังจะแถลงผลงาน 90วันแรก และประกาศนโยบายด้านเศรษฐกิจอีกหลายเรื่องเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังตั้งความหวังกับการทำงานของพรรคเพื่อไทย
การส่งสัญญาณเคลื่อนไหวครั้งนี้ แม้จะมาจากคนกลุ่มเดิม ด้วยประเด็นและวิธีการแบบเดิม แต่บริบททางการเมืองต่างออกไป นี่คือรูปธรรมหนึ่งของการเมือง 3 ก๊กที่ผมเคยตั้งข้อสังเกตไว้พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านปัจจุบัน เป็นการร่วมกันด้วยกลไกอำนาจ กติกา และสถานการณ์ ไม่ใช่การหลอมรวมทางอุดมการณ์ ความสัมพันธ์ของทั้ง 3 ก๊กจึงมีทั้งส่วนที่เผชิญหน้า และประสานประโยชน์กัน
แค่ก๊กอนุรักษ์นิยม-มี‘ส้ม’กองเชียร์
อดีตแกนนำนปช.กล่าวอีกว่าที่กำลังเคลื่อนไหวเรื่องการชุมนุมอยู่นี้คือก๊กอนุรักษ์นิยม(ยังไม่มีพรรคไหนเป็นตัวแทนชัดเจน)แม้พลังของก๊กนี้จะเลือกพรรคการเมืองที่กำลังร่วมรัฐบาลกับก๊กเพื่อไทย แต่ไม่ยอมรับการนำของเพื่อไทยและยังมีความรู้สึกเป็นฝ่ายตรงข้ามเหมือน20ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบนเวทีนอกจากวิจารณ์เพื่อไทยยังโจมตีก๊กพรรคประชาชนด้วย เพราะไม่เอาก๊กนี้เช่นกันหากมีการเคลื่อนไหวมวลชนต้านรัฐบาลเพื่อไทย อาจเป็นได้ที่จะมีกองเชียร์ก๊กพรรคประชาชนบางส่วนเข้าด้วย เพราะเคยร่วมก๊กอนุรักษ์นิยมมาก่อนโดยลักษณะทางมวลชนที่ออกจากก๊กเพื่อไทยส่วนใหญ่เข้าก๊กพรรคประชาชน ส่วนจากก๊กอนุรักษ์นิยมจะไม่เข้าก๊กเพื่อไทย แต่ไหลเข้าก๊กพรรคประชาชนด้วยและอาจไหลกลับก๊กอนุรักษ์นิยมอีกได้ ถ้าสถานการณ์มาถึง
ฟันธงเชื่อไม่คิดว่าจะมี‘ม็อบใหญ่’
“ผมไม่คิดว่าจะมีม็อบใหญ่ที่ควรจะเป็นคือแต่ละก๊กสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะยังมีประชาชนอีกมากที่ไม่ได้ยึดติดผูกพันกับก๊กไหน แล้ววัดกันในสนามเลือกตั้ง ผลงานจะเป็นตัวชี้ขาดชัยชนะแต่อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดสถานการณ์ชุมนุมต้านรัฐบาลนี้ โดยคนกลุ่มเดิมวิธีการเดิมเมื่อ 20 ปีก่อน ปรากฏการณ์ทางมวลชนแต่ละก๊กจะเป็นเช่นไร”นายณัฐวุฒิ ย้ำทิ้งท้าย
‘บิ๊กอ้วน’เมิน’สนธิ’ไม่ลงไปรับหนังสือ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะมายื่นหนังสือกรณี MOU44ที่ทำเนียบรัฐบาลวันที่ 2 ธ.ค.นี้ เวลา 10.30 น.ว่า ก็ให้พูดไป ไม่เป็นไรหรอก ตนบอกไปแล้วว่าเป็นประเด็นเดิมๆ ตราบใดที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เขาก็สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามตนคงไม่ลงไปรับหนังสือด้วยตัวเองเพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ทราบประเด็นที่นายสนธิจะมายื่นเพราะไม่ได้ฟัง
เผยตั้งกก.JTCส่ออาจทันครม.29พ.ย.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคหรือ JTCเพื่อจัดสรรผลประโยชน์ร่วมกันทางทะเล ระหว่างไทย และกัมพูชาว่า ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าจะตั้งแล้วเสร็จทันวันที่ 29 พ.ย.นี้หรือไม่ ต้องรอดูว่ากระทรวงการต่างประเทศมีความพร้อมมากแค่ไหน อยู่ระหว่างการคัดเลือกคณะกรรมการโดยหัวใจหลักคือต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้เก่งด้านกฎหมายทะเล อาจจะเป็นกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือและกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ เนื่องจากต้องเป็นบุคคลที่เข้าใจเนื้อหาโดยกว้างมากเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเราพยายามทำอย่างโปร่งใสมากที่สุดซึ่งผลจะเป็นอย่างไรยังไม่แน่ใจ
ส่วนการตั้งคณะกรรมการจะแล้วเสร็จทันวันศุกร์ที่29พ.ย.นี้หรือไม่นายภูมิธรรม ย้ำว่า ไม่สามารถตอบได้ แต่นายกรัฐมนตรีเคยพูดไว้แล้วว่าจะนำเข้าที่ประชุมโดยเร็วที่สุด ขณะนี้เรื่องอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศและกรมสนธิสัญญากำลังรวบรวมข้อมูล ส่วนตำแหน่งประธานเดิมเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงแต่ท้ายที่สุดจะเป็นใครนั้นก็ยังไม่ทราบ
ต้องผ่าน3เงื่อนไข/ไม่ผ่านไปต่อไม่ได้
“ส่วนตัวเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจมากนัก เพราะเราก็พยายามทำให้ความไม่ชัดเจนทั้งหมดเกิดความชัดเจนที่สุด แต่เรื่องนี้ถูกควบคุมเป็นอย่างดี เนื่องจากมีMOU44ส่งผลให้การสรุปผลอะไรต่างๆต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนและต้องเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาทั้ง2ฝ่ายรวมไปถึงต้องยืนตามกฎหมายทะเลระหว่างประเทศไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องผ่านทั้ง3 เงื่อนไขนี้ หากไม่ผ่านก็ไปต่อไม่ได้อยู่ดี”รมว.กลาโหม ย้ำ
บอกปมMOU44ไม่อยากเถียงกันไปมา
นายภูมิธรรม ยืนยันว่าส่วนตัวไม่อยากให้สัมภาษณ์ถึงกรณีMOU 44 อีกแล้ว จนกว่าการตั้งคณะกรรมการJTC จะมีความคืบหน้า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการนำเรื่องดังกล่าวมาทะเลาะเบาะแว้งกัน และโยงประเด็นไปมา ตนไม่อยากเถียงอะไรกับใครไม่เกิดประโยชน์ ตนอยากทำงานมากกว่า จึงอยากให้ทุกคนใจเย็น รอให้กระบวนการทุกอย่างจบสิ้น หากตั้งคณะกรรมการเสร็จ อยากจะเสนออะไรก็สามารถทำได้ ไม่ว่าผลการประชุมจะเป็นอย่างไร ก็จะมีเวทีสภา และเวทีประชาชนที่ต้องอนุมัติ และทำความเข้าใจ พร้อมย้ำว่าไม่อยากตอบอะไรที่เป็นการเถียงกันไปมา
ยันเร่งแก้รธน.ทั้งฉบับสุดความสามารถ
นายภูมิธรรมในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯเปรยว่าการแก้รัฐธรรมนูญ(รธน.)ทั้งฉบับหากเสร็จไม่ทันอาจจะขอแค่ให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)ก็พอฉะนั้นจะต้องทำความเข้าใจประชาชนอย่างไรว่าคงต้องรอแต่ละสภาโหวตยืนยันว่าการแก้ไขกฎหมายประชามติ ซึ่งไม่ทราบว่าผลจะออกมาเช่นไร หากต้องพัก180วันก็จะไม่สอดคล้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่แนวโน้มน่าจะปล่อยไว้180วัน เพื่อรอให้สภายืนยันตามร่างเดิมที่ให้ใช้มติเสียงข้างมากฉะนั้นทุกอย่างขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจน เราพยามเร่งทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการ ความจริงตามแผนไม่ควรมีเรื่อง180วัน แต่เมื่อเกิดความจริงขึ้นมาแล้ว ด้วยความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับกระบวนการซึ่งก็เป็นปัญหาที่ต้องคิดฉะนั้นทำได้แค่ไหนก็จะทำสุดความสามารถและขอดูแต่ละขั้นตอนก่อน
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่พรรคประชาชนจะนำมาเป็นประเด็นโจมตีเนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถแก้ รธน.ทั้งฉบับตามที่หาเสียง นายภูมิธรรมถึงกับอุทานว่า“โธ่”และว่า“สนใจประชาชน สนใจเรื่องบ้านเมืองหน่อย หากจะโจมตีทุกประเด็นบ้านเมืองคงเดินไปไม่ได้ และตนมองว่าไม่เป็นไรเพราะเขาแสดงความเห็นได้เพราะเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเหมือนเสียงบ่นไม่ว่ากันและมีสิทธิที่จะเสนอ
‘อิ๊งค์’งดครม./รอถกสัญจรเชียงใหม่
ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเตรียมเดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย เพื่อตรวจราชการ และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1/2567 ในระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-1 ธ.ค.2567 ทำให้ต้องเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากวันนี้(26พ.ย.)เป็นวันศุกร์ที่ 29 พ.ย.2567
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหมในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม(ศปช.)ได้รายงานต่อนายกฯว่าคณะทำงานได้ศึกษาวางแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อกำหนดแนวทางป้องกันปัญหาน้ำท่วม และดินโคลนถล่มในพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนในปีที่ผ่านมาเสร็จแล้ว โดยระยะเร่งด่วน เร่งดำเนินการให้เสร็จทันก่อนฤดูฝนปีหน้าหรือแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม2568โดยจะเร่งขุดลอกแหล่งน้ำ และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ
วันนี้ส่วนที่เกี่ยวข้องเสนอแผนเข้ามาได้เห็นชอบในหลักการและจะเสนอเข้าที่ประชุมครม.สัญจรในสัปดาห์นี้เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินงานได้ตั้งแต่ 1มกราคม2568 เป็นต้นไป ส่วนแผนระยะกลางระยะยาว จะมีการขุดคลองผันน้ำ การสร้างแนวป้องกันตลิ่ง และการจัดทำแก้มลิงชั่วคราว ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาแม่น้ำปิง จ.เชียงใหม่ และแม่น้ำกก จ.เชียงรายได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี