"เขากระโดง"ลามทุ่ง!!! "กมธ.ทหาร"ปูด"กองทัพ" สร้างค่ายทหารผิดจุดจากที่ขออนุญาต เลี่ยงพื้นที่เขากระโดง เตรียมเรียก"รฟท.-ผบ.มทบ.26-มท."แจงพรุ่งนี้ เหน็บมีอิทธิพลขนาด"ค่ายทหาร"ยังยอมย้ายหนี
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า การประชุม กมธ.ฯ ในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.) ได้เชิญผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ผู้ว่า รฟท.) , ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ , อธิบดีกรมที่ดิน และอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 หรือ ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก มาชี้แจงต่อ กมธ.ฯ เนื่องจากมีข้อสงสัย และได้รับการร้องเรียนว่า ในการอนุญาตก่อสร้างค่ายมณฑลทหารบกที่ 26 หรือ มทบ.26 นั้น อาจมีการสร้างผิดที่จากเดิมที่กองทัพเคยขออนุญาตไว้เมื่อปี 2521 มีการขออนุญาตจากจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ที่ขออนุญาตคือจังหวัดทหารบกสุรินทร์ (แยกบุรีรัมย์) ที่ขอสร้างค่ายทหารในจังหวัดบุรีรัมย์ ชื่อกองพันทหารราบเบา ปรากฏว่าได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ขณะนั้นให้สร้างตามหนังสือสำคัญที่หลวง นสล.4130 และมีการก่อสร้างจนกลายเป็น ร.23 พัน.4 คือ ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ในปัจจุบัน
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เมื่อไปดูที่ตั้งค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เมื่อเทียบกับหนังสืออนุญาตของผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ขณะนั้น มีข้อสงสัยว่า จะมีการสร้างค่ายทหารผิดที่ และที่ที่ควรจะสร้าง ปรากฏว่าเป็นที่ข้อพิพาทเขากระโดง เพราะมีบุคคลคนหนึ่งอ้างว่าซื้อที่มาจากตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง แล้วไปฟ้องร้องต่อการรถไฟฯ ปรากฏว่าการรถไฟฯ ก็ฟ้องแย้ง จนศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าที่ตรงนั้นเป็นที่รถไฟจริง และที่ตรงนั้นควรจะเป็นที่ตั้งค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ในปัจจุบัน แต่เหตุใดทำไมค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ถึงไปอยู่อีกที่หนึ่ง ที่ห่างจากพื้นที่ที่ขออนุญาตไว้ 2 กิโลเมตร
"อยากถามว่า หมุดหมายของใบอนุญาตอยู่ตรงไหนกันแน่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ข้อสงสัยว่าที่ดินแปลงนั้นเป็นที่ทรงอิทธิพลขนาดว่าค่ายทหารยังยอม ย้ายค่ายหนีจริงหรือไม่ ดังนั้น รายละเอียดทั้งหมดเราจะสอบกันในวันที่ 28 พ.ย." นายวิโรจน์ กล่าว
ด้าน นายต่อพงษ์ จีนใจน้ำ อดีตผู้สมัคร สส.บุรีรัมย์ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษาประจำ กมธ.ฯ กล่าวว่า พบข้อสงสัยต่อกรณีที่ กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 หรือ ร.23 พัน.4 มทบ.26 ในขณะนั้น ได้มีการขออนุญาตจังหวัดบุรีรัมย์ขณะนั้น ในการสร้างค่ายทหารกองพันทหารราบเบา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2521 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้อนุญาตให้มีการสร้าง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2521 จนเป็น ร.23 พัน.4 ในปัจจุบัน แต่เมื่อพิจารณาที่ตั้งของค่ายในปัจจุบัน และเปรียบเทียบกับหนังสืออนุญาตการก่อสร้างที่มีการการระบุแผนที่ชัดเจน มีหลักเขตชัดเจนว่าทิศเหนือจรดที่ของการรถไฟ แต่ที่ปัจจุบันที่มีการก่อสร้างนั้นเป็นที่ที่ทิศเหนือจรดที่ของเอกชน จึงเชื่อว่าที่ที่กองทัพขอใช้ตั้งแต่แรกผิดที่ จนปี 2561 มีการฟ้องศาลปกครอง ศาลปกครองได้เรียกเอกสารต่างๆ เข้ามา จึงปรากฏหลักฐานว่ามีคำพิพากษาของศาลฎีกาฉบับหนึ่งระหว่างผู้ซื้อที่ดินฟ้องการรถไฟ โดยผู้ซื้อที่ดินแจ้งว่าได้ซื้อที่ดินมาจาก นายชัย ชิดชอบ โดยนายชัย แจ้งว่า ซื้อมาจากราษฎร จนศาลฯ ได้พิพากษาให้เป็นที่ดินของ รฟท.และค่ายทหารฯ ดังกล่าว
"ทำให้เกิดความสงสัยว่าเหตุใดกองทัพจึงไม่ก่อสร้างค่ายฯ ในที่ดินที่ได้รับอนุญาตตั้แต่แรก เหตุเพราะมีการครอบครองที่ดินทางเหนือติดกับเขากระโดงโดยตระกูลใหญ่ตระกูลนี้หรือไม่ ทาง กมธ.ฯ จะได้ตรวจสอบว่าเหตุใดกองทัพถึงไม่ยอมก่อสร้างค่ายฯ บนที่ดินที่ได้รับอนุญาตตั้งแต่แรก และที่ไปสร้างแปลงใหม่ได้รับอนุญาตจากที่ใด" นายต่อพงษ์ กล่าว
ที่ปรึกษาประจำ กมธ.ฯ กล่าวด้วยว่า ในจังหวัดบุรีรัมย์มักมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นอีกเยอะเช่น มีการเปลี่ยนหลักกิโลเมตรของจังหวัดมากกว่า 3 ครั้ง มีการขยับหลักหมุด หลักกิโลเมตร ของจังหวัดมากกว่า 3 ครั้ง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใดหรือไม่ ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.) กมธ.ฯ ก็จะสอบเรื่องนี้ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี