แบบนี้ใครจะกลัวกฎหมาย? "ยะใส"ยกเคส"บุญทรง"ได้ลดโทษอย่างไว ชี้ระเบียบราชทัณฑ์มีปัญหาแล้ว
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายสุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 48 ปี ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ได้รับการพักโทษ อนุญาตให้ออกจากเรือนจำมาใช้ชีวิตในบ้านพักได้ โดยต้องติดกำไล EM และมีระยะเวลาคุมประพฤติ 3 ปี 5 เดือน ว่า ตามระเบียบราชทัณฑ์ นายบุญทรงได้รับการลดโทษ 2 รอบ เนื่องจากเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม การได้ลดโทษ 2 รอบ ในเวลาเพียง 1 ปี ถือว่ามากไปหน่อย จากจำคุก 48 ปี เหลือ 16 ปี และเหลือ 10 ปีตามลำดับ โดยนายบุญทรงถูกจำคุกในปี 2560 จากนั้นในปี 2564 ได้รับการลดโทษไปถึง 38 ปี จึงมีคำถามกันมาก เพราะศาลตัดสินโทษไปอย่างหนึ่ง แต่จะต้องติดคุกจริงเป็นระยะเวลาเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับกรมราชทัณฑ์ ส่วนการพักโทษนั้นทางกรมราชทัณฑ์ก็ชี้แจงว่าเรื่องนี้กรมราชทัณฑ์ไม่ได้วินิจฉัยเอง แต่มีกรรมการพิเศษซึ่งมีตัวแทนจากหลายหน่วยงานมาร่วมพิจารณาว่าผู้ต้องขังรายได้จะได้รับอนุญาตให้เข้ามาตรการพักโทษบ้าง
อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยพักโทษอย่างที่เห็นในกรณีของนายบุญทรงถือเป็นปลายทาง ต้นทางคือระเบียบราชทัณฑ์ที่ออกมาในยุคที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งระเบียบนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าลดทอนอำนาจการตัดสินโทษของศาล อีกทั้งมีการตั้งคำถามว่าเพื่อเตรียมการให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีคดีติดตัว เดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่ ก่อนหน้านั้นมีการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ท้ายที่สุดก็ถึงบางอ้ออย่างที่เห็น
ซึ่งรอบนี้เช่นเดียวกัน มีการถูกตั้งคำถามว่าการบปล่อยนายบุญทรงแม้เป็นการพักโทษ ยังต้องคุมความประพฤติที่ จ.เชียงใหม่ไปจนถึงปี 2571 คือจนกว่าอายุการรับโทษจะครบ ปูทางให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีคดีติดตัว ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี ฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในคดีรับจำนำข้าว ได้กลับไทยหรือไม่ โดยในแง่มุมกฎหมายอาจไปไม่ถึง แต่ในทางจิตวิทยาทางการเมืองคือไปถึงโดยตรง
เช่น คนทั่วไปอาจจะเห็นว่านายบุญทรงก็ติดคุกมาหลายปีจนสภาพแก่หง่อมแล้ว น่าจะเมตตาแกบ้าง หรือเรื่องจำนำข้าวก็ผ่านไปนานแล้ว ก็อาจจะรู้สึกประมาณว่าลืมๆ กันไป ไม่ต้องไปไล่บี้เอาผิดกันหรือไม่ ทั้งนี้ ในอดีตจะมีบางคดีที่ไม่มีสิทธิ์ขอลดโทษ เช่น คดียาเสพติด คดีข่มขืนกระทำชำเรา คดีทุจริตในภาครัฐ แต่ระยะหลังๆ เข้าใจว่าคงได้แล้ว แต่อาจได้น้อยกว่าคดีอื่นๆ ซึ่งแบบนี้ก็จะมีผลทางจิตวิทยา คือคนที่คิดทำผิดก็จะไม่กลัวกฎหมาย
“48 ปี ยังเหลือติดจริงแค่ 7 ปี อันนี้มีปัญหาแน่นอน เป็นคำถามตัวโตในระบบยุติธรรมของบ้านเรา นี่เป็นช่องโหว่หรือเป็นมาตรการแก้ปัญหาอะไร? มันสร้างปัญหาใหม่นะแบบนี้ แล้วโดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ไปวางระเบียบ เช่น นักโทษชั้นเยี่ยมจะขอได้ง่ายขึ้นถี่ขึ้น ปีเดียวลดตั้ง 38 ปี มากไปหรือเปล่า? คือทยอยลดก็อีกเรื่องหนึ่ง นี่จาก 48 เหลือ 16 จาก 16 เหลือ 10 ผมเข้าใจว่าระเบียบราชทัณฑ์มีปัญหาแล้ว อาจต้องเอากลับมารื้อกันใหม่ว่ามันไปทำให้เกิดอำนาจซ้อนอำนาจ อำนาจเหนือศาล และคนผิดไม่ได้รับผิดแบบสมน้ำสมเนื้อกับความเสียหายที่เขาก่อ” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นซึ่งตนไมได้กล่าวหา คือระเบียบที่ให้มีการวินิจฉัย จะเปิดช่องให้เกิดการวิ่งเต้นหรือไม่ ส่วนคณะกรรมการวินิจฉัยพักโทษผู้ต้องขัง ตนไม่แน่ใจว่าสามารถเปิดเผยรายชื่อได้หรือไม่ สื่อมวลชนก็ลองไปถามดู หรือราชทัณฑ์จะชี้แจงเองก็ได้ว่าไม่มีใบสั่งจากกระทรวงยุติธรรมหรือกรมราชทัณฑ์ แต่เป็นกรรมการที่มาจากหลายภาคส่วน จะได้ชอบธรรมขึ้น ซึ่งตนไม่ติดใจกรณีของนายบุญทรงเพราะได้ติดคุก 7 ปีแล้ว ต่างจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่บอกให้รอแต่สุดท้ายก็หนีออกนอกประเทศ
ซึ่งในเวลานั้นคนก็เห็นใจนายบุญทรงที่ถูกหลอกไปศาล ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกลับมาอย่างไร จะใช้ช่องทางไหนตนก็ยังนึกไม่ออก แต่ในทางจิตวิทยาการเมือง คนก็คงเห็นว่าจะเอากันขนาดไหน ผ่อนๆ อะลุ้มอล่วยกันบ้าง ส่วนที่ลูกชายของนายบุญทรง บอกว่าพ่อของตนเป็นนักการเมืองที่ติดคุกนานที่สุด เรื่องนี้หากนับเฉพาะยุครัฐธรรมนูญฉบับ 2540 เป็นต้นมาก็ใช่ แต่ก่อนหน้านั้นไม่แน่ใจ
ส่วนคำถามว่ากรณีของนายบุญทรงจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง ตนมองว่า 1.ระเบียบราชทัณฑ์กับการผดุงความยุติธรรมของบ้านเมืองมีความย้อนแย้งกันพอสมควร กระบวนการยุติธรรมอาจต้องมาดูกันทั้งระบบ เพราะปลายน้ำไม่ได้อยู่ที่ศาลแต่ไปอยู่ที่ราชทัณฑ์ คำถามคือได้สัดส่วนสมน้ำสมเนื้อ คือตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรง แต่ติดคุกจริงไม่กี่ปี แบบนี้เป็นปัญหาแล้ว 2.สิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขัง ต้องไปดูว่าระเบียบนี้ใช้กับผู้ต้องขังทั่วๆ ไปด้วยหรือไม่ 3.เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว ระเบียบราชทัณฑ์ไปลดทอนหรือเปิดช่องให้วิ่งเต้นหรือไม่
ชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=8ZDle2q99Xw
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี