ป.ป.ช.แจงยังไม่ชี้มูลปม“ทักษิณ”ป่วยทิพย์ชั้น 14 เผยอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่ชี้มูลความผิด
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ว่า ฝ่ายตรวจสอบไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช.โดยมี นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานคณะกรรมการไต่สวนได้เสนอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ป่วยทิพย์ ชั้น 14 มีทั้งระดับรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่โดยลงมติ เป็นเอกฉันท์ชี้มูลความผิดแล้วและให้เสนอคณะกรรมการ ปปช.พิจารณาชี้มูลและดำเนินคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีไอ้โม่ง “ว” ที่หวังอำนาจเป็นใหญ่ใน ปปช.ยอมตัวขายตนให้กับนักการเมือง แจ้งให้เปลี่ยนเรื่องเป็นให้ยุติการสอบสวนเพราะกรณีไม่มีมูลความผิด แต่คณะกรรมการไต่สวนไม่ยอม และจะส่งรายงานการตรวจสอบไต่สวนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้านี้
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ปปช.ชี้แจงว่า สำนักงาน ปปช.ขอเรียนให้ทราบว่า เรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรม สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำดังกล่าว ปัจจุบันอยู่ในชั้นการตรวจสอบเบื้องต้น ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ในชั้นนี้ยังไม่มีการชี้มูลความผิดกับผู้ถูกกล่าวหา และยังไม่มีการเสนอเรื่องกล่าวหาดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ปปช.แต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ระบุถึงความคืบหน้าคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ได้ลงมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด พร้อมส่ง ปปช.ชุดใหญ่พรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) เพื่อบรรจุวาระเข้าประชุมวินิจฉัยฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งนักการเมืองดำเนินคดีกับ รมต.ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว เพราะเป็นเรื่องสังคมกำลังจับจ้องมองตาไม่กระพริบ ข่าวความคืบหน้าดังกล่าวมาจากการรายงานของนายไพศาล พืชมงคล โพสต์ข้อความว่า คณะกรรมการตรวจสอบไต่สวนชั้น 14 มีนายเอกวิชญ์ ตัวแทนจากศาลฎีกาเป็นประธาน แม้ตรวจสอบไต่สวนเสร็จแล้ว แต่มีไอ้โม่ง ปปช.บางคนคอยถ่วงดึงไม่ให้นำเรื่องเข้าที่ประชุมใหญ่ ปปช.ในสัปดาห์หน้า
นายจตุพร กล่าวว่า ปัจจุบัน ปปช.เหลือกรรมการ 6 คนจากทั้งหมด 9 คน จึงเลือกประธานตัวจริงมาทำหน้าที่ไม่ได้ เพราะต้องใช้องค์ประชุมอย่างน้อย 7 คน ดังนั้น จึงให้ผู้มีอาวุโสทำหน้าที่รักษาการประธานไปพรางก่อน สิ่งนี้จึงกลายเป็นช่องว่างและมีเสียงอึ้ออึงถึงการแทรกแซงคณะกรรมการไต่สวนให้ยุติการตรวจสอบชั้น14“ผมอยากให้เสียงนี้ได้ยินไปถึง ป.ป.ช. โดยเฉพาะคนที่มีหน้าที่บรรจุระเบียบวาระเข้าที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช. ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องพระราชอำนาจ เรื่องพระบรมราชโองการ เรื่องกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องสร้างบรรทัดฐานความถูกต้องไว้กับแผ่นดิน ดังนั้น เรื่องนี้ประชาชนควรจับตาการพริ้ว และจะบิดยื้อกันหรือไม่ อย่างไร”
พร้อมกล่าวว่า เมื่อคณะกรรมการตรวจสอบไต่สวนได้มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดแล้ว ใครจะเอาฝ่ามือปิดแผ่นฟ้าคงลำบาก จึงขอเตือนไว้ก่อนว่า ความลับไม่มีในโลก และเรื่องใหญ่ขนาดนี้จะถ่วงไว้ได้สักกี่น้ำ และถ้ามีผลประโยชน์อื่นใดมาเกี่ยวข้องด้วย คิดว่าจะไม่ได้ใช้จ่ายหาความสุขกันง่ายๆอย่างนั้นหรือ เมื่อทำหน้าที่การปราบปรามทุจริต รวมถึงการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบควรปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ดังนั้น หากใครขัดขวางการไต่สวนชั้น 14 หรือใครเป็นไอ้โม่งขอให้บุคคลากรในองค์กรช่วยกันเปิดเผยตัวตนผู้นั้นต่อสาธารณะ
อีกทั้งกล่าวว่า กรณีชั้น14 จะเป็นเรื่องร้อนแรงขึ้นมา แต่การเมืองในยุคตระบัดสัตย์ ยุคเงินเป็นใหญ่ อำนาจเป็นใหญ่กันแบบนี้ ย่อมคาดการณ์กันยากลำบาก แต่เราได้แต่หวังว่า ความตื่นตัวของประชาชนจะเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงอันนี้ ยิ่งรัฐบาลตัดสินใจเจรจาแบ่งผลประโยชน์พลังงานกับกัมพูชาก่อนตกลงปักปันเขตแดนให้เป็นที่พึ่งพอใจกันแล้ว เรื่องนี้จะเป็นชนวนซ้ำเติมอย่างร้อนแรง จึงขอให้ประชาชนเฝ้ารอด้วยความตื่นตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี