“กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ” ติงรัฐบาลเนือย แก้ปมร้อน“เมียนมา”ยิง“เรือประมงไทย”อ้างรุกล้ำน่านน้ำ ยันเรื่องร้ายแรง บี้เข้มออกแอ๊กชั่น สางปัญหาจริงจัง ใช้ความใกล้ชิด “2 ประเทศเพื่อนบ้าน”เจรจาปล่อย 4 ตัวประกัน “เตรียมเรียกสารพัดหน่วยเกี่ยวข้องแจง 13 ธันวาคมนี้ พร้อมนำปม“ว้าแดง”ประชิดชายแดนไทยพิจารณาด้วย
เมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 4 ธันวาคม 2567 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจากตัวแทนครอบครัวชาวประมงใน จ.พังงา ที่ได้รับผลกระทบ และอยู่ในเหตุการณ์กรณีเรือประมงไทยถูกทหารเมียนมายิงและจับกุมบริเวณน่านน้ำที่มีความใกล้กันระหว่างไทยกับเมียนมา จนส่งผลให้ผู้เสียชีวิต
ตัวแทนชาวประมงพังงาที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว และถูกกระสุนยิงแฉลบเฉียดศีรษะ เปิดเผยถึง ความรู้สึก ว่า การกระทำแบบนี้เกินกว่าความรุนแรง หากจะมีการยิงเตือน ต้องยิงขึ้นฟ้า หรือยิงลงน้ำ ไม่ใช่ยิงเข้ามาที่เรือชาวประมง ชาวประมงเพียงออกไปหาปลาไม่ใช่ออกไปสู้รบกับใคร
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นใจต่อผู้ที่สูญเสีย และขอให้กำลังใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย รวมถึงบุคคลที่ถูกจับกุมไปทั้ง 4 ราย หวังว่าบุคคลที่ถูกจับกุมไปจะกลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัย ขณะที่ผู้เสียชีวิต ทรัพย์สินที่สูญเสียไป กมธ.ฯจะติดตามในด้านการเยียวยาเต็มที่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีเรือประมงไทยรุกล้ำน่านน้ำเมียนมาหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์กันอีกครั้ง แต่เรื่องความเหมาะสมของสถานการณ์ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ตนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่น่าร้ายแรงจนถึงขั้นยิงกันขนาดนี้ หากเรือประมงเป็นโจรสลัด ก็คงเป็นเป็นอีกแบบ ดังนั้นการยิงไปที่ตัวเรือ โอกาสที่จะมีผู้เสียชีวิตมันเล็งเห็นได้อยู่แล้ว การใช้ความรุนแรงระดับนี้ไม่สามารถยอมรับได้ คาดหวังว่ารัฐบาลจะเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงท่าทีไปยังรัฐบาลเมียนมา ว่าเหตุการณ์นี้ยอมรับไม่ได้ เรายังไม่รู้ว่ารัฐบาลไทยจะมีท่าทีจริงจังในการส่งสาสน์ไปยังเมียนมาขนาดไหน
“ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนมีความรู้สึกว่าท่าทีของประเทศไทยมันดูเบาไป เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ มองว่าเป็นเรื่องร้ายแรง หากปล่อยไปเรื่อยๆ เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ระบุว่าดังนั้นในวันที่13ธ.ค.นี้ ทางกมธ.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาในเรื่องนี้ หวังว่าจะได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ และได้รับทราบแนวทางอย่างเป็นทางการของรัฐบาลว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร แน่นอนว่าเราสามารถแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่การป้องกัน การแสดงท่าทีของไทย มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเราเป็นรัฐเอกราชเราก็คงไม่อยากทำแบบเดียวกันต่อประเทศไหนที่มารุกล้ำ เราก็คงไม่เริ่มต้นด้วยการยิงเขาเลย มันคงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ทางกมธ.จะติดตามอย่างจริงจัง ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะมีความร้ายแรง กมธ.จะทำทุกวิถีทางในการประสานช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ประธานกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมกมธ. วันที่13ธ.ค.นี้ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ ทัพเรือภาคที่3 เลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล(ศรชล.) ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นต้น ก็หวังว่าจะเป็นพื้นที่ในการคลี่คลายปัญหา ต้องมาดูกันว่าจะมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างไร
เมื่อถามว่ารัฐบาลไทยควรดำเนินการอย่างไรกับตัวประกันไทยทั้ง 4 รายที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เขาควรได้รับการปล่อยตัวกลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัยที่สุด ที่ผ่านมาเราทราบมาตลอดว่ารัฐบาลไทย กับรัฐบาลเมียนมามีความใกล้ชิดกันมาตลอด ในเมื่อบอกว่ามีความใกล้ชิด จึงมีความจำเป็นต้องใช้ความใกล้ชิดดังกล่าวเพื่อปล่อยตัวประกัน ต้องหาความเหมาะสมในการแสดงท่าทีทางการทูตเพื่อให้เมียนมารับรู้ว่าคือเรื่องร้ายแรง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก
เมื่อถามว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุ มีคณะกรรมการเจรจาและได้ทำหนังสือท้วงไปแล้ว จะเพียงพอหรือไม่ หรือต้องมีกรรมการพิเศษ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงต้องดูว่าสุดท้ายพอหรือไม่
“แต่ท่าทีของรัฐบาลเรา มันเบาไปหน่อย พอมันเบาไป พอไม่มีกระแสสังคม พอไม่มีพี่น้องสื่อมวลชนไปสอบถาม ผมไม่มั่นใจว่าจะทำหนังสือไปหรือไม่ ท่าทีมันเบามาก คงต้องสอบถามรัฐบาล ยืนยันว่าเรานิ่งนอนใจไม่ได้ เราต้องทำให้รัฐบาลทหารเมียนมาเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรง” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ยังกล่าวถึงกลุ่มว้าแดงที่ประชิดชายแดนไทยว่า ปัญหาตามแนวชายแดนเป็นเรื่องที่ กมธ.ฯกังวลมาโดยตลอด ความกังวลระดับแรก ถ้ามีความรุนแรงมากขึ้น เช่น ทิ้งระเบิดโดยรัฐบาลทหารเมียนมา บางครั้งไม่ได้เจาะจงไปที่กลุ่มกองกำลังไปกระทบต่อชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้ง ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นจะบอกว่าเป็นเรื่องของเมียนมาอย่างเดียว ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยไม่ได้ เพราะ ถ้าเกิดว่าความขัดแย้งเขาหนัก สุดท้ายคนจะหนีมาที่ประเทศเรา
“เมื่อพูดถึงเรื่องว้าแดง ก็จะมีเรื่องการรุกล้ำเขตแดนเข้ามาในประเทศไทยด้วย ผมเองก็จะเอาเรื่องนี้พิจารณาในวันที่ 13 ธ.ค. รวมกับเรื่องเรือประมงที่ถูกเรือรบเมียนมายิง ว้าเขาโดดเด่นในเรื่องอาชญากรข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยาเสพติดจำนวนมากในหลายกรณีบ่งชี้ว่าแหล่งผลิตยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในเขตอิทธิพลของว้า ดังนั้น เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่มีการล้ำเขตแดนมาที่ประเทศไทย และมากไปกว่านั้น กลุ่มที่ล้ำเขตแดน ต้องยอมรับว่าเขาเป็นกลุ่มที่อาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย มันอาจจะทำให้เราสามารถโยงได้ว่าปัญหายาเสพติดที่มันระบาดหนักในประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันก็อาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้หรือเปล่า ที่มีการรุ่งเรืองทั้งอำนาจและมีกองกำลังต่างๆมากมาย” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เปิดสภามาวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ตนจะตั้งกระทู้ถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะทุกอย่างชัดเจนแล้วบริษัทที่เกี่ยวข้อง เช่น เงินที่เกี่ยวข้อง บัญชีม้าต่างๆ มันชัดเจน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี