ยธ.เดินหน้าลดความแออัด
ขัง‘นักโทษ’นอกคุก
‘ยิ่งลักษณ์’ลุ้นรับอานิสงส์
ตามระเบียบราชทัณฑ์ใหม่
สอดคล้องกับคำพูดเทวดา
พาน้องสาวกลับสงกรานต์
เก็บอาการไม่อยู่! “ยธ.-ราชทัณฑ์” เข็นระเบียบขังนักโทษนอกคุก บอกอยู่ระหว่างรับฟังความเห็น สามารถปรับแก้อายุโทษจากไม่เกิน 4 ปี ได้ให้ทันช่วงสงกรานต์ อ้ำอึ้งเอื้อประโยชน์ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แต่ สอดรับพอดี
กับคำพูดของนักโทษเทวดา ที่ว่าน้องสาว
จะกลับบ้านสงกรานต์ปีหน้า ก่อนร่ายยาวพักโทษ “บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง” ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 ธันวาคม 2567 ที่อาคารกระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม. นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม และผู้บริหารกรมราช ทัณฑ์ ประกอบด้วย นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ , นายสมบรูณ์ ศิลา ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม , นายแพทย์วัฒนชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผอ.ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ , นายพรประสม แก้วเสถียร ผอ.กลุ่มงานพักการลงโทษ กองทัณฑปฏิบัติ กรมราชทัณฑ์ ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการปล่อยตัว พักการลงโทษของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” ซึ่งเป็นกระแสข่าวที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอยู่ในขณะนี้ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจร่วมกัน
นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการประกาศใช้ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังนอกเรือนจำ ว่า ยืนยันไม่ได้เพื่อรอใครคนหนึ่งกลับมาถึงประกาศหรือไม่ แต่รอความครบถ้วนของประกาศเสียก่อน โดยเป้าหมายเพื่อลดความแออัดในเรือนจำ
ลุ้นระเบียบขังนอนเรือนจำ
นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวเสริมว่า ระเบียบดังกล่าวอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นประชาชน จนถึง 17 ธ.ค.67 เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข จากนั้นเมื่อเรียบร้อยท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็จะลงนามประกาศใช้ได้ทันที ถ้าในการทำประชาพิจารณ์มีคนเห็นแย้ง 90% อาจจะต้องมีการปรับแก้ไข แต่หากไม่ถึง 20% ก็อาจจะไม่ต้องมีการปรับเนื้อหาแต่อย่างใด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเงื่อนไขประกาศระเบียบดังกล่าวหรือไม่ นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ระเบียบหลักเกณฑ์เป็นเพียงเบื้องต้น ยังไม่ออกเป็นหลักเกณฑ์ที่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการเลย จึงยังตอบไม่ได้และเรายังไม่ได้มีการพิจารณาเนื่องจากเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งตอนนี้ต้องรอให้ประกาศดังกล่าวออกมาก่อน และทุกอย่างก็คงเดินหน้าไปตามระเบียบ เราไม่มีการดำเนินการว่าใครจะเข้าเงื่อนไขดังกล่าวก่อนล่วงหน้า
ไม่ได้ทำเพื่อ”ยิ่งลักษณ์”
นางกนกวรรณ กล่าวเสริมเรื่อง หลักเกณฑ์การคุมขังนอกเรือนจำ ว่า เราจะใช้เกณฑ์การพิจารณาตามหลัก “ทัณฑวิทยา” ซึ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติในการลงโทษ ซึ่งจะมีคณะกรรมการในการตัดสิน โดยขอเรียนว่ามันไม่ใช่สิทธิ์หรือประโยชน์ของผู้ต้องขัง แต่เป็นการบริหารเรือนจำ เนื่องจากขณะนี้มีผู้ต้องขังจำนวนมาก และเป็นหลักสากลที่หลายๆประเทศใช้อยู่ และการที่จะให้เขาไปอยู่ในที่คุมขังอื่น ก็ไม่ใช่การอยู่เฉยๆ ต้องมีกฎมีระเบียบ โดยจะต้องมีการประเมินความเสี่ยงจากคณะกรรมการในระดับเรือนจำก่อนจะไปคุมขังนอกเรือนจำ
นายสมบูรณ์ กล่าวยืนยันว่า เราไม่ได้วางระเบียบนี้เพื่อรอใครคนใดคนหนึ่ง แต่ประกาศนี้ออกมาเมื่อปี 2566 ซึ่งเมื่อมีประกาศแล้วก็ต้องออกระเบียบตามมาในช่วงนี้ ยอมรับ มันปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างความคลังแคลงใจ ว่าเราทำเพื่ออะไร แต่เรายืนยันได้ว่าเราไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง เราทำเพราะมันเข้าเงื่อนไขและความครบถ้วนในกระบวนการต่างๆ
เมื่อถามว่าจะทันไตรมาสแรกของปี 2568 หรือไม่ เพราะมันประจวบเหมาะพอดีกับที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกลับมาในช่วงสงกรานต์ นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ถ้าถามความเห็นของตนก็น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็มีขั้นตอนในการปฏิบัติไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าไตรมาสแรกมันก็ 3 เดือนมันก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ในส่วนของนางสาวยิ่งลักษณ์ ตนไม่ทราบว่าเขาจะกลับเมื่อไหร่ ได้ยินเพียงแต่ข่าว ดังนั้น เรื่องของการคาดเดาว่าจะทันหรือไม่ ตนไม่สามารถระบุได้ เพียงแต่บอกว่า “มันใกล้จะเสร็จแล้ว”
อ้างอยู่รพ.ตำรวจก็ถือว่าติดคุก
เมื่อถามว่าระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำที่กำหนดอายุโทษไม่เกิน 4 ปี หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมา จะไม่ต้องเข้าเรือนจำ และไปคุมขังที่บ้านได้เลยหรือไม่ นางกนกวรรณ เบื้องต้นที่วางระเบียบคือคำพิพากษาล่าสุดไม่เกิน 4 ปี แต่ท่านอดีตนายกฯมีโทษจำคุกมากกว่า ก็ต้องอยู่ในเรือนจำระยะเวลาหนึ่ง แต่ทุกอย่างมันยังอยู่ระหว่างการดำเนินการมีแก้ไขได้อีก หลังรับฟังความเห็น
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวเหมือนกับนายทักษิณ หรือไม่ นายสมบูรณ์ กล่าวยืนยันว่า ท่านนายกทักษิณติดคุก เพราะไปอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจก็ถือว่าเป็นคุกแห่งหนึ่งตามกฎหมาย ยอมรับว่าเรากังวลต่อข้อสงสัยของพี่น้องประชาชน แต่เรายืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ ดังนั้น ในเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนั้น ป.ป.ช.กำลังดำเนินการอยู่ รอกันวินิจฉัยของป.ป.ช.เป็นผู้ตัดสิน
เผยการพักโทษมีหลายรูปแบบ
พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า การพิจารณาการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ มี 2 รูปแบบ โดยแบบปกติเป็นนักโทษชั้นกลาง ชั้นดีเยี่ยม การจำคุกมาแล้ว 2 ใน 3 ขอกำหนดโทษ ส่วนแบบพิเศษเป็นการจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 รวมทั้งมีอาการป่วยรุนแรงและเฉพาะกฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจะมีการพิจารณาเสนอรายชื่อจากทางเรือนจำและคณะกรรมการ 8 ราย เข้าอนุกรรมการกรมราชทัณฑ์ 19 ราย ประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ แพทย์ ศาล กรม ประพฤติ โดยมีปลัด ยธ. เป็นประธาน ทั้งนี้ ในปี 66 มีการพักโทษแบบปกติ 10,552 คน แบบพิเศษ 1,776 คน รวม 12,328 คน ส่วนปี 67 มีการพักโทษแบบปกติ 6,792 คน แบบพิเศษ 1,320 คน รวมทั้งสิ้น 8,112 คน ข้อมูล ณ วันที่ 5 ม.ค.67
“เสี่ยเปียง”ป่วยหลายโรค
ด้าน นายสมบูรณ์ ศิลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม เผยว่า กรณี นายอภิชาติ หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” ได้รับโทษในแบบกรณีพิเศษ มีอายุเกิน 70 ปี และมีโรคป่วยร้ายแรง 7 โรค โดยเฉพาะโรคไตวายเรื้อรัง มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต หากอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เข้ากลุ่มผู้ป่วย 608 ซึ่งต้องอยู่ในกระบวนการรักษาที่เหมาะสม รวมทั้ง มีผู้อุปการะเป็นหลักแหล่ง โดยการพิจารณาความเห็นของคณะอนุกรรมการมีความเห็นชอบ 8.0 ในการพักโทษ ”เสี่ยเปี๋ยง“ ก่อนเสนอในระดับกรมราชทัณฑ์ต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ต้องขังคดีจำนำข้าวอีก 2 รายอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม เพราะโทษยังไม่เข้าหลักเกณฑ์
ต่อข้อถามว่า จะทำความเข้าใจกับสังคมอย่างไรกรณีผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว ได้รับการพักโทษพร้อมๆกัน ในช่วงรัฐบาลนี้ นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ไม่ใช่การปล่อยในรัฐบาลชุดนี้ แต่ข้อเท็จจริงเป็นเพราะเข้าเกณฑ์ช่วงนี้พอดี
เบาหวานดันโลหิตสูง
ส่วนทาง นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑ สถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เผยว่า สุขภาพของ “เสี่ยเปี๋ยง” มีประวัติโรคประจำตัวตามวัยอยู่แล้ว ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง กระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม มีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด กระทั่งปี 65 พบความผิดปกติมีภาวะบวม ปัสสาวะออกน้อย จากการตรวจเลือดมีค่าไตผิดปกติ จึงส่งตัวไปรักษาต่อโรงพยาบาลภายนอกที่มีศักยภาพสูงกว่า คือ รพ.รามาธิบดี มีแพทย์เฉพาะทางดูแลโรคไต จากวินิจฉัยโรคพบว่าเป็นโรคไตเสื่อมระยะสุดท้าย ต้องฟอกไต ล้างไตด้านหน้าท้อง จนกลางปี 66 ต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต แต่ “เสี่ยเปี๋ยง” ยังช่วยเหลือตัวเองได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ในปี 66 มีผู้ต้องขังเป็นโรคไต ประมาณ 15 ราย เข้าเกณฑ์พักโทษ 1 ใน 3 และยังมีผู้ต้องขังโรคไตอีกหลายรายกำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ถ้าเข้าเกณฑ์พักโทษ
ได้รับอภัยโทษหลายครั้ง
ขณะที่ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการเรือนจำ มีการเสนอชื่อผู้ป่วยหนักมา 3 รายแต่พิจารณาเพียง 2 ราย คือ “เสี่ยเปี๋ยง” ป่วยโรคไตร้ายแรง และ ผู้ต้องหาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย 1 ราย ส่วน ผู้ต้องขังความผิดต่อศีลธรรมอีก 1 รายได้ปัดตกไป โดย “เสี่ยเปี๋ยง” ได้รับอภัยโทษ 5 ครั้ง แต่เข้าเกณฑ์พักโทษกรณีเจ็บป่วยร้ายแรง แม้บางคนอายุน้อยก็สามารถเข้าหลักเกณฑ์ได้ รวมถึง เป็นผู้ต้องขังรายแรกที่เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต นอกนั้นเป็นผู้ต้องขังฟอกไต ซึ่งการพักโทษยังอยู่ระหว่างการรับโทษ และต้องรายงานตัวตอบกรมคุมประพฤติตามกำหนด นอกจากนี้ ในส่วน นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ โทษจำคุก 48 ปี ได้รับอภัยโทษ 4 ครั้ง จนเหลือ 10 ปี 8 เดือน จำคุก 7 ปี 3 เดือน 10 วัน ครบ 2 ใน 3 ตามเงื่อนไขแบบปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีทุจริตที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองโทษจำคุก 40 กว่าปี แต่รับโทษจริงไม่ถึง 10 ปีนั้น นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ เผยว่า การอภัยโทษเป็นพระราชอำนาจ ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์เป็นเพียงต้นเรื่องให้ยื่นคำร้องผ่าน นายกรัฐมนตรี เพื่อถวายกราบบังคมทูลฯ
ไม่ขอก้าวล่วง ปปช
เมื่อถามว่าประเด็น “เสี่ยเปี๋ยง” ป่วยหนักจะเข้ากรณี นายทักษิณ ชินวัตร เคยอ้างเจ็บป่วยจนถูกส่ง รพ.ตำรวจ จนเกิดข้อครหานั้น นายสมบูรณ์ ยืนยันการวินิจฉัยมาจากแพทย์และต้องส่ง รพ. เพื่อรักษาตัวต่อ อีกทั้ง เรื่องดังกล่าวอยู่ใน ป.ป.ช. ดำเนินการแล้วจึงไม่ขอลงรายละเอียด ส่วนคดีผู้ต้องหาคดีจำนำข้าวหลายรายถูกปล่อยตัวในรัฐบาลชุดนี้ อาจเป็นช่วงถูกลงโทษครบเงื่อนไขพอดี
อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ปฏิบัติตามระเบียบชัดเจน โดยปกติ ซึ่งการที่ไม่ได้ออกมาเปิดเผยก็เป็นการปฏิบัติปกติกับนักโทษพักโทษทุกคน แต่เมื่อมีข่าวจึงออกมาชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลชัดเจน ขณะนี้ในเรือนจำมีผู้ป่วยฟอกไต อีก 120 คนที่เรือนจำดูแลอยู่แต่ยังไม่ได้รับการพักโทษเพราะยังคุมขังไม่ครบ 1ใน 3 จึงยังไม่เข้าเกณฑ์ หากเข้าเกณฑ์ ก็ต้องเสนอเข้ารับการพักโทษเช่นกัน ส่วนผู้ต้องขังเปลี่ยนถ่ายไต มีเสี่ยเปี๋ยงเพียงรายเดียว จึงรุนแรงกว่าและไม่เหมาะที่จะอยู่ในเรือนจำได้
“เสี่ยเปี๋ยง”มีเอี่ยวบ้านเอื้ออาทร
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว ปัจจุบันเหลือ ผู้ต้องขัง 2รายที่ยังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้แก่ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ 1 รายเพราะไม่มีปัญหาสุขภาพ และยังคุมขังไม่เข้าเกณฑ์การพักโทษ แต่ก็ใกล้ที่จะเข้าเกณฑ์จำคุก 1ใน 3 แล้ว
ด้าน นายพรประศม แก้วเสถียร ผู้อำนวยการกลุ่มงานพักโทษการลงโทษ กองทัณฑปฏิบัติ กรมราชทัณฑ์ ระบุเสริมว่า ส่วนกรณี นายภูมิ สาระผล ผู้ต้องหาคดีจำนำข้าว กำหนดโทษ 8 ปี จำมาแล้ว 6 ปี 12 เดือนเศษ ได้รับการปล่อยตัวแบบปกติ ในเดือน ส.ค.67 นอกจากนี้ ในส่วนคดีบ้านเอื้ออาทรของ “เสี่ยเปี๋ยง” ยังถูกอายัดคดีและอยู่ในการเกณฑ์พักโทษ
“วัชระ”บุกถามหาค่าเสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้สอบถามทีมผู้บริหารกระทรวงและกรมราชทัณฑ์ ถึงกรณีการพักโทษนายบุญทรง และเสี่ยเปี๋ยง ซึ่งเป็นนักโทษคดีทุจริตสร้างความเสียหายให้แก่รัฐกว่า 9 แสนล้านบาท ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามคำพิพากษาศาลแล้วหรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกจำคุก ก่อนจะที่เข้ารักษาอาการเจ็บป่วยที่ชั้น 14 ของ รพ.ตำรวจนั้น ได้มีการส่งเอกสาร โดยเฉพาะเวชระเบียนให้แก่ ป.ป.ช. ครบถ้วนแล้วหรือไม่ นายสมบรูณ์ ได้ชี้แจงว่าการส่งมอบเวชระเบียนนั้น เป็นสิทธิ์ของคนไข้ที่จะให้หรือไม่ก็ได้ หากไม่ให้ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์นำเวชระเบียบที่เป็นความลับในการรักษาไปมอบให้ ป.ป.ช. เพราะมีความผิดตามกฎหมาย พร้อมย้ำว่า กรมราชทัณฑ์ไม่สามารถส่งเวชระเบียนให้ ป.ป.ช. ได้ เพราะคนไข้ไม่อนุญาต และยืนยันว่า การดำเนินการพักโทษนั้น ดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย ไม่ได้ใช้ดุลยพินิจส่วนตัว
อ้างได้ยึดทรัพย์ไว้บางส่วน
ส่วนการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐนั้น ทางผู้บัญชาการเรือนจำคลองเปรม บอกว่า ได้มีการนำเสนอในคณะอนุกรรมการพักโทษให้พิจารณา แต่ชดใช้แล้วหรือไม่นั้น ไม่มีใครเห็นข้อมูล เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ง. ในการอายัดและยึดทรัพย์สินให้เป็นของแผ่นดิน ส่วนการชดเชยเป็นตามที่ปปง.และกรมบังคับคดีได้ไปอายัดทรัพย์สินไว้ตามข้อมูลข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งดำเนินการไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่คงเหลืออีกเท่าไรนั้น ไม่ทราบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี