"เพื่อไทย"ตั้งโต๊ะแจงปม"MOU44" "นพดล"โต้ยิบ ปัดข้อกล่าวหา ไม่มี MOU ขายชาติ ย้ำไม่ยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ยันไม่เสียดินแดนแม้ตารางมิลลิเมตรเดียว ยก 4 เหตุ อ้างหากยกเลิกบันทึกความเข้าใจ ไทยจะพลาดข้อได้เปรียบที่จะผูกพันให้กัมพูชาต้องเจรจาตามกฏหมายระหว่างประเทศ โวรัฐบาลเจรจาโปร่งใส ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ที่รัฐสภา นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยเพื่อ (พท.) พร้อม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย , นายนพดล ปัทมะ และนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงหลังประชุมพรรคเสร็จสิ้น
โดย นายนพดล กล่าวว่า ในที่ประชุม สส.มีการพูดคุยถึงการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่เกี่ยวกับ MOU44 ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาใช้เป็นกรอบในการเจรจาเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล หรือ OCA และในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ใช้ดำเนินการเจรจาเนื้อหาไม่ได้มีผลกระทบต่อเรื่องสิทธิด้านเขตแดน แต่จากกรณีที่มีการยื่นหนังสือต่อรัฐบาล เชื่อว่ารัฐบาลจะตอบข้อข้องใจของผู้ยื่นหนังสือได้ทุกประเด็นในเวลาที่เหมาะสม เรื่องนี้ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตรฯ ใหม่ หรือกรณีของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าเป็นศัตรูทางการเมือง เพราะถือว่าเป็นคนไทยที่มีข้อห่วงใยที่จะต้องรับฟัง แต่สิ่งหนึ่งที่ยอมรับไม่ได้คือการใช้ความเท็จในการขับเคลื่อนกระบวนการที่จะกระทบสถานภาพของรัฐบาล
เมื่อถามว่า ประเด็นที่มีการกล่าวหา การเจรจาตาม MOU44 ว่าเป็นการยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา นายนพดล กล่าวว่า ตนยืนยันไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เป็นความเข้าใจผิดและวิเคราะห์เองโดยสิ้นเชิง เพราะคนพวกนี้เคยวิเคราะห์ว่าตนจะทำให้เสียดินแดน แต่สุดท้ายศาลก็พิพากษาว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง และจะต้องฟังกรมสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งถือที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ยืนยันว่า MOU44 ไม่ได้ทำให้เสียดินแดน หรือยืนยันเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา จะต้องพึงรับฟัง ยืนยันรัฐบาลนี้จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางมิลลิเมตรเดียว ขอให้สบายใจว่า การเจรจา ไทยจะไม่ยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา หากการเจรจาล้มเหลวไปไม่ได้ก็ไม่กระทบสิทธิของไทยและกัมพูชา และถ้ายืนยันตามที่ประกาศเขตไหล่ทวีปในปี 2516 คือท่าทีของประเทศไทยไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นไม่มี MOU ขายชาติใดๆ และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลจ้องเกี๊ยเซียะกับกัมพูชา นำน้ำมันและแก๊สธรรมชาติมาแบ่งปันกันโดยไม่สนใจเรื่องเขตแดน เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความความจริง ตาม MOU44 ในข้อสองที่ระบุไว้ว่า เรื่องเขตแดนกับเรื่องการพัฒนาร่วมกันจะต้องผูกกันเป็นเรื่องควบคู่ขนานกันไปไม่สามารถเจรจาเรื่องผลประโยชน์ และเรื่องเขตแดนไว้ทีหลังนั้นไม่สามารถที่จะทำได้
"ส่วนถ้ายกเลิก MOU44 ผลจะตามมาคือ 1.การอ้างสิทธิ์ในเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อปี 2515 และของไทยเมื่อปี 2516 จะยังคงอยู่ทุกประการ 2.พื้นที่ทับซ้อน 26,000 ตารางกิโลเมตร จะยังคงอยู่ทุกประการ 3.เราจะพลาดข้อได้เปรียบที่จะผูกพันให้กัมพูชามาเจรจาตามกฏหมายระหว่างประเทศ และย้อนแย้งกับสิ่งที่ได้มีการอ้างว่า ลากเส้นไม่ถูกต้อง 4.กัมพูชาและไทยยังมีพันธะกรณีตามกฏหมายระหว่างประเทศ คศ.1982 ต้องเจรจาโดยสุจริตและต้องหาข้อยุติที่เป็นธรรม แม้ไม่มี MOU44 ก็ยังต้องเจรจากันต่อไป เมื่อมีสะพานที่ต้องข้ามอยู่แล้วคุณจะไปพังสะพาน แล้วบอกไปสร้างสะพานใหม่เพื่ออะไรไม่สมเหตุสมผล" นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวย้ำอีกว่า ทั้งนี้ ได้ให้ความมั่นใจว่า ในฐานะ สส.พรรคเพื่อไทย มั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะดูแลผลประโยชน์ของชาติเป็นอย่างดี และการเจรจาที่โปร่งใสไม่ให้เกิดการเสียพื้นที่ และท้ายที่สุดไม่มีการงุบงิบ เพราะกระบวนการจะต้องผ่าน 5 ขั้นกลั่นกรอง ที่ประชาชนจะมองเห็นทุกขั้นตอน คือ 1.เจรจาของคณะทำงานทางเขตแดนและพัฒนาร่วม 2.คณะอนุ JTC 3.คณะกรรมการเทคนิคร่วมชุดใหญ่ 4.คณะรัฐมนตรี และ 5.ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา รัฐบาลไหนทำให้เสียดินแดนไม่มีทางอยู่เป็นรัฐบาลได้ และประชาชนจะไม่ให้อภัย อาจต้องติดคุกด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีเกียรติประวัติในการปกป้องดินแดนจะรักษาดินแดนของเราอย่างดีดีที่สุด ในการเจรจายืนยันจะรักษาได้ทั้งดินแดนและความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี