(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

สำหรับกรณีตามข้อหารือของกรมธนารักษ์นั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่ากรมธนารักษ์ได้มีคำสั่งลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2530 สั่งลงโทษตัดเงินเดือนข้าราชการผู้หนึ่ง 10% เป็นเวลา2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2530เป็นต้นไป และลงโทษตัดเงินเดือนข้าราชการอีกผู้หนึ่ง 10% เป็นเวลา3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2530เป็นต้นไป ดังนั้น กรมธนารักษ์จึงมีอำนาจตัดเงินเดือนบุคคลทั้งสองได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2530ถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2530 เท่านั้นเพราะพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 มีผลใช้บังคับในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 แล้ว

ประเด็นที่ 2 ที่ว่ากรมธนารักษ์ได้สั่งลงโทษตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือนข้าราชการหรือลูกจ้างก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 นี้ใช้บังคับ โดยให้ตัดเงินเดือนหรือลดขั้นเงินเดือนในวันสิ้นเดือนธันวาคม 2530 ดังนี้จะตัดเงินเดือนหรือลดขั้นเงินเดือนข้าราชการ หรือลูกจ้างผู้ถูกลงโทษทางวินัยดังกล่าวในเดือนธันวาคม 2530 ได้หรือไม่นั้น

ก.พ.พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการล้างมลทินเช่นเดียวกับประเด็นที่ 2 ซึ่งการตีความพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา60 พรรษา พ.ศ.2530 อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมธนารักษ์จึงควรหารือปัญหาในประเด็นนี้ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยตรงต่อไป (หนังสือสำนักงานก.พ.ที่นร 0711/ป286 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2531)

(5) องค์การสวนยาง กระทรวงเกษตรฯและสหกรณ์ ได้หารือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ.2530 ไปยังก.พ.2 ข้อนั้น

สำนักงานก.พ.ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นดังนี้

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)