‘นายกฯ’ร่วมพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ขอบคุณ‘มาเลเซีย’ต้อนรับอบอุ่น ก่อนร่วมประชุมความร่วมมือเศรษฐกิจ และสันติภาพในภูมิภาค พร้อมเทียบเชิญเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 ธ.ค.67 ตามเวลาท้องถิ่น ณ เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ในโอกาสเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลมาเลเซีย โดยดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ
จากนั้นเป็นการประชุมประจำปีระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ นายสรวงษ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์การเกษตร และน.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม เข้าร่วมประชุม
ก่อนเริ่มการประชุม น.ส.แพทองธาร กล่าวขอบคุณนายอัลวาร์ และ ทางการมาเลเซีย ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและสมเกียรติ ซึ่งนับว่าเป็นการเดินทางมาเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังเข้ารับตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า มาเลเซียเป็นมิตรประเทศ ที่ใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์ อันดีมากอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นหุ้นส่วน ทางการค้า ที่ใหญ่ที่สุดประเทศหนึ่งในอาเซียน ขณะเดียวกัน มาเลเซียยังเป็น 1 ใน10 ประเทศ ที่มีคนไทยอาศัยอยู่จำนวนมากอีกด้วย ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ทั้ง 2 ประเทศ มุ่งมั่น ในการประสานความร่วมมือ ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน เพื่อความก้าวหน้าและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
จากนั้นเวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น โดยเวลาที่กรุงเทพฯ ช้ากว่ามาเลเซีย 1 ชั่วโมง) ณ ห้อง Dewan Putra ชั้น 3 สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย น.ส.แพทองธาร และดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานการแลกเปลี่ยน (1) บันทึกความเข้าใจระหว่าง Malaysian Rubber Board (MRB) กับการยางแห่งประเทศไทย เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และ (2) ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งมาเลเซียและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีมาเลเซียร่วมแถลงข่าว ภายหลังการประชุมประจำปี ครั้งที่ 7 โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะรักษาพลวัตความสัมพันธ์เพื่อ “สันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” (“Common Peace and Prosperity) และไทยสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซีย ในปี 2025 พร้อมเน้นประเด็นสำคัญ ดังนี้
- ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องที่จะให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในด้านการค้าและการลงทุน การเชื่อมโยงชายแดน เศรษฐกิจดิจิทัล และการท่องเที่ยว
- ส่งเสริมศักยภาพความร่วมมือในอุตสาหกรรมยางและฮาลาล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ไทยและมาเลเซียจะเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายการค้า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2027 ด้วย
- ความร่วมมือในพื้นที่ชายแดน ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่สองประเทศเผชิญอยู่ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ ไทยและมาเลเซียยินดีที่โครงการโครงสร้างพื้นฐานชายแดนมีความคืบหน้า และพร้อมจะทำงานอย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อยกระดับการเชื่อมโยงทางถนนและทางราง เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าชายแดนและให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนมากขึ้น
โอกาสนี้ ผู้นำทั้งสองได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจที่สำคัญ 2 ฉบับเกี่ยวกับความร่วมมือด้านยางและวัฒนธรรม ซึ่งเชื่อมั่นว่า เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของสองประเทศ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียสำหรับมิตรภาพ และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งในศักยภาพความร่วมมือระหว่างกันที่จะก้าวไปข้างหน้าในอนาคต และความสำคัญของการพบปะหารือกันเป็นประจำ พร้อมเชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางเยือนประเทศไทยในโอกาสต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวันอย่างเป็นทางการที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติ ณ ห้อง Protocol ทำเนียบนายกรัฐมนตรี มาเลเซีย ก่อนเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี