กกต.ถกปม‘ทักษิณ’ขู่พรรคร่วม
‘เพื่อไทย’สะท้าน
สอบยุบพรรคใกล้ถึงขั้นสุดท้าย
‘เสี่ยหนู’โชว์ปึ้ก‘นายกฯอิ๊งค์’
‘นฤมล’รับ20สส.ซบกล้าธรรม
เอาแล้ว!“ประธาน กกต.”เผยปมร้องสอบยุบพรรคเพื่อไทยใกล้ขั้นสุดท้าย ส่งหนังสือถึง หน.พรรคเข้าให้ข้อมูล กรณียอม“ทักษิณ”ครอบงำเหตุหม่ำมาม่าบ้านจันทร์ส่องหล้า ดึงเรื่อง“ทักษิณ”ขู่พรรคร่วมฯงานสัมมนาหัวหินพิจารณาด้วย“สนธิญา”ร้องให้กกต.วินิจฉัยกรณี“ทักษิณ”พูดเหน็บพรรคร่วมฯ
ใช้สิทธิ์อะไร‘พ่อนายกฯ’ขนมือเศรษฐกิจ‘ครม.ลูกสาว’ขึ้นเวทีโคราช20ธ.ค.นี้ ‘อนุทิน’ยันไม่ต้องชี้แจง ‘ทักษิณ’ไม่ว่าจะพูดอย่างไรให้ความเคารพตลอดไม่กล้าต่อล้อต่อเถียง‘เสี่ยหนู’โชว์ปึ๊ก‘นายกฯ‘อิ๊งค์’ด้าน‘เฉลิมชัย’มั่นใจ‘ทักษิณ’ไม่ได้ตําหนิ ปชป.ปมพรรคร่วมฯโดดประชุมครม.
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณียุบพรรคการเมืองว่า ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนเข้าสู่สำนักงานกกต.กว่า 100 เรื่อง แต่นายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งการยุติไปแล้วเนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ
กกต.ชี้ใกล้สุดท้ายสอบ‘แม้ว’ครอบงำ
ประธาน กกต.ยังระบุว่า ยังเหลือราวๆ 4-8 เรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ บางเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการใกล้ขั้นสุดท้ายแล้วที่จะมีการรวบรวมความเห็นเสนอให้นายทะเบียนพิจารณาว่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้นายทะเบียนจะต้องพิจารณาว่ายุติเรื่องหรือส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีคำร้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีครอบงำพรรคเพื่อไทยนายอิทธิพรกล่าวว่า เรื่องนี้มีการร้องมาเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาราวๆ 4 คำร้องก็เป็นไปตามขั้นตอนการทำงานตามมาตรา 93 เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน ซึ่งสั่งให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงหลักฐานดำเนินการในส่วนนี้
“ความคืบหน้าเท่าที่ทราบคือคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานได้เรียกผู้ร้องทั้ง4 คนมาให้ถ้อยคำแล้วและมีหนังสือไปยังสื่อต่างๆที่ผู้ร้องกล่าวอ้างถึงให้มาให้ข้อเท็จจริงด้วยรวมถึงมีหนังสือถึงหัวหน้าพรรคให้เข้ามาชี้แจงในประเด็นที่ถูกกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว ส่วนความคืบหน้าก็อยู่ที่การดำเนินการในแต่ละขั้นตอนไป”ประธานกกต.ระบุ
เตรียมถกปม‘ทักษิณ’ขู่พรรคร่วมฯ
เมื่อถามถึงล่าสุดที่นายทักษิณกล่าวขู่พรรคร่วมฯในการสัมมนาที่หัวหินจะพิจารณาร่วมด้วยหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ตามที่เป็นข่าว ที่ปรากฏต่อสาธารณะทางหน่วยงานหรือคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงก็มีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงเอามาประกอบการพิจารณาว่าเรื่องนี้จะมีความเห็นว่าอย่างไร.
ส่วนกรณีความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องยุบพรรคภูมิใจไทย นายอิทธิพร กล่าวว่าคณะกรรมการ กกต.รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทำงานเสร็จแล้วและเสนอเรื่องไปที่นายทะเบียน อยู่ระหว่างการพิจารณาขั้นสุดท้ายของนายทะเบียนว่า 1.จะมีความเห็นในเรื่องนี้เป็นอย่างไร 2.จะมีกรณีที่ต้องสอบเพิ่มเติมหรือไม่ตามแนวทางปฏิบัติทั้งนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว หากเลขากกต.ในฐานะนายทะเบียนเห็นว่าข้อเท็จจริงที่มีอยู่ไม่เพียงพอก็จะใช้อำนาจตามมาตรา93พ.ร.ป.พรรคการเมืองก็สั่งยุติเรื่องและแจ้งให้กกต.ทราบแต่หากเห็นว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายจริงๆก็จะเสนอให้ ที่ประชุมกกต.พิจารณาตามมาตรา92ต่อไป
ร้องกกต.สอบพท.ใช้งบไหนจ้าง‘แม้ว’
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่พรรคเพื่อไทย จัดสัมมนาที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค.รวมถึงคำพูดของนายทักษิณ ในช่วงปาฐกถาในเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทยในหลายประเด็น
โดยนายสนธิญากล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยจัดประชุมสัมมนาได้ใช้งบประมาณของกกต.ที่เป็นงบอุดหนุนพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนหรือไม่และเป็นจำนวนเท่าไหร่ อีกทั้งการที่นายทักษิณ ไปเป็นวิทยากร ฝ่ายไหนเป็นผู้เบิกจ่ายค่าจ้างให้กับนายทักษิณ กกต.จ่าย หรือพรรคเพื่อไทยเป็นผู้จ่าย หรือนายทักษิณ ไม่รับค่าจ้าง เนื่องจากพรรคการเมืองที่ได้รับการรับรองจากกกต. จะมีเงินส่วนหนึ่งให้กับพรรคการเมืองนั้นๆในการดำเนินกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการประชุมสัมมนา หรือกิจกรรมอะไรต่างๆ
จี้วินิจฉัย‘ทักษิณ’พูดเหน็บพรรคร่วมฯ
นายสนธิญายังขอให้ตรวจสอบคำพูดของนายทักษิณที่ระบุช่วงปาฐกถาว่ารัฐมนตรีที่ไม่เข้าร่วมประชุมครม.นั้น ไม่จริงใจในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อีกทั้ง การที่สส.พรรคการเมืองอื่นไม่ลงมติตามที่พรรคเพื่อไทย ต้องการในการประชุมรัฐสภามีการระบุว่าสส.พรรคการเมืองอื่นๆไม่ให้ความร่วมมือกับนโยบายรัฐบาล สงสัยการที่นายทักษิณพูดนั้นใช้สิทธิอะไรรวมถึงได้ระบุว่าให้พรรคเพื่อไทยฟ้องนักร้องเรียนพรรคเพื่อไทยมีฝ่ายกฎหมายอยู่แล้ว นายทักษิณจำเป็นต้องบอกหรือไม่ปกติแล้วกกต.จะต้องส่งเจ้าหน้าที่อยู่ในงานกิจกรรมของพรรคการเมืองโดย กกต.จึงต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาวินิจฉัยว่าคำพูดของนายทักษิณ ขัดต่อรัฐธรรมนูญรวมถึงเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 28-29 ที่ระบุถึงการชี้นำ ครอบงำควบคุมพรรคการเมืองหรือไม่
“นายทักษิณถูกตัดสิทธิทางการเมือง เป็นผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112รวมถึงถูกจำคุกและถูกยึดทรัพย์ ซึ่งนายทักษิณ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือ เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ไปพูดในวงประชุมของพรรคเพื่อไทย ท่านใช้สิทธิอะไรเพราะเป็นคนนอก เป็นแค่พ่อของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าพ่อของนายกฯสามารถคุยได้ทุกเรื่องแล้วนายทักษิณ คุยในพรรคเพื่อไทย เพื่ออะไรที่ไปกล่าวหาพรรคร่วมรัฐบาลใช้สิทธิอะไร” นายสนธิญาย้ำและยืนยันว่าร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยคำพูดของนายทักษิณและถ้ากกต.เห็นว่ากระทำการขัดต่อกฎหมาย ตนก็พร้อมที่จะแจ้งความดำเนินคดีต่อนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่าเรื่องที่ร้องวันนี้จะนำไปสู่การยื่นร้องยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสนธิญากล่าวว่าจะเป็นกระบวนการต่อไป ถ้ากกต.มองว่าผิดหรือไม่ ตนก็มีสิทธิที่จะร้องต่ออัยการสูงสุด และผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่า การกระทำเหล่านี้ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ แต่กระบวนการแรกเป็นกระบวนการเรียกร้องว่าสิ่งที่นายทักษิณได้พูดนั้น ใช้สิทธิอะไร
‘ทักษิณ’ขนมือศก.ครม.ลูกสาวขึ้นเวที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมขึ้นเวทีบรรยายงานสัมมนา “ISANNEXT พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก”ในเครือมติชนที่จะจัดขึ้นที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ในวันที่ 20 ธันวาคม 2567โดยบนเวที จะมีผู้ร่วมบรรยายทั้งวันตั้งแต่เวลา 09.30-21.30 น. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ,นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง ,นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ,นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และนางสาวฐาปณีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก่อนที่ช่วงค่ำจะเป็นกิจกรรม“Dinner สำรับโคราช”ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น Soft Power อีสาน
‘อนุทิน’ไม่ต้องชี้แจง’ทักษิณ’
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ชี้แจงเรื่องการเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนวันนี้พรรคภูมิใจไทยมาครบหรือไม่ ว่า ก็มาปกติยกเว้นใครที่ติดภารกิจ ตอนที่แจ้งว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการประชุมครม.วันพุธ ปกติถ้าวันอังคารเป็นวันหยุดมักจะเลื่อนไปเป็นการประชุมในสัปดาห์ถัดไป แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีขยัน เรียกประชุมวันพุธ รัฐมนตรีบางคนเขาก็รับงานไว้แล้วซึ่งตนก็เห็นว่าเป็นวันพุธจึงไปนัดแพทย์ไว้ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมบอกสื่อว่าให้ช่วยอธิบายให้ด้วย ไม่เข้าใจก็ไปโถมหนักเข้าไปอีก ระหว่างนั่งรอแพทย์ลงเลเซอร์ได้รับโทรศัพท์จากนพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมพูดติดตลกว่าตนก็อยากหล่อบ้างเพราะคนบอกว่าเรายังไม่หล่อ
นายอนุทิน ยืนยันด้วยว่า คงไม่ต้องชี้แจงเป็นการส่วนตัวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯข่าวก็ออกมาหมดแล้วมีไม่กี่คนที่ผมไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงและให้ความเคารพตลอด ไม่ว่าท่านจะพูดอย่างไรก็ตาม ผมมีข้อยกเว้นของผม เพราะผมรักของผม เหมือนใครที่เรารักเราเคารพมากๆดุด่าว่ากล่าว”พร้อมกันนี้ยกตัวอย่าง“ผมดุคนรถทุกวันจนตายไปก็ยังคิดถึงเขาอยู่เลย เพราะไม่มีคนให้ดุ มันไม่เคยเถียงผมมันก็รักผม”
‘เสี่ยหนู’โชว์ปึ๊ก‘นายกฯ‘อิ๊งค์’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.25 น.ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินลงมาจากตึกบัญชาการ 1พร้อมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย โดยหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดคุยอย่างเป็นกันเองและนัดไปเจอกันที่สนามบินเพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ด้วยกันผู้สื่อสื่อข่าวถามว่าเดินลงมาพร้อมกันเป็นการโชว์มิตรภาพหรือเปล่านายอนุทินได้หยอกสื่อด้วยการทำท่าง้างมือ ขณะที่นายกฯกล่าวกับสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดีว่า“เป็นประเด็นตลอด”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงที่มีข่าวว่า“สจ.จอย”ณภาภัชอัญชสาณิชมน ภรรยา สจ.โต้ง จะลงสมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี ในนามพรรคเพื่อไทย ตรงนี้เป็นมติพรรคแล้วหรือยัง นายกฯกล่าวว่า “อ๋อ ทีละเรื่องๆ” ก่อนเดินขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาล
‘เสี่ยต่อ’มั่นใจ‘แม้ว’ไม่ได้ตําหนิปชป.
ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาตำหนิรัฐมนตรีหลายคนที่ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมาซึ่งนายเฉลิมชัย เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ว่า ตนไม่ทราบว่าท่านหมายถึงใคร แต่วันนั้นตนมีอาการป่วย จนถึงวันนี้เสียงก็ยังไม่ดี ยืนยันว่าไม่มีอะไร ตนทำงานเต็มที่เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่านายทักษิณ ไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า “ส่วนตัวมั่นใจครับ”
‘เดชอิชม์’มั่นใจ100%ไม่ได้โยงปชป.
นายเดชอิชม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาตำหนิรัฐมนตรีที่ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าตนไม่ได้เข้าร่วมการประชุมครม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปเปิดงาน การประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเมื่อถามว่าได้ฟังที่นายทักษิณพูดในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเดชอิชม์ กล่าวว่า ได้ฟังแล้ว โดยยืนยันว่าไม่ได้หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน 100%
‘นฤมล’พร้อมรับ20สส.ซบ‘กล้าธรรม’
ขณะที่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม(กธ.) กล่าวถึงความชัดเจนของ 20 สส.กลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา สมัครเป็นสมาชิกพรรคว่า มีความชัดเจนและคุยกันแล้วเมื่อกระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยก็คงมีการกรอกใบสมัคร ซึ่งเราได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว คาดว่าน่าจะเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ เพราะกำลังประสานกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เพราะต้องตรวจสอบในระบบดูรายชื่อของแต่ละคนว่าสิ้นสมาชิกภาพแล้วเรียบร้อย ถึงจะเริ่มดำเนินการของฝ่ายเรา
เมื่อถามว่า หลังจากนั้นจะมีการปรับโครงสร้างพรรคหรือไม่นางนฤมล กล่าวว่า ยังคุยกันคร่าวๆแต่ยังไม่ได้สรุปลงตัวว่าจะเป็นอย่างไรเพราะถ้าเปลี่ยนตัวคณะผู้บริหารพรรคต้องมีการประชุมใหญ่ เนื่องจากตำแหน่งสำคัญๆต้องเป็นการเลือกตั้งในที่ประชุมใหญ่จึงต้องเตรียมการจัดประชุมใหญ่ ปีนี้ไม่ทัน คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า
เตรียมเปิดตัวภายในสัปดาห์นี้
เมื่อถามว่าร.อ.ธรรมนัส จะนั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เดี๋ยวขอโทรถามก่อนเมื่อถามว่า แต่ ร.อ.ธรรมนัส จะมีบทบาทในพรรคกธ.แน่นอนใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า อย่างที่คุยกันก็ แน่นอนอยู่แล้วยังไงเราก็ทีมงานเดียวกันที่มาอยู่ด้วยกันก็เป็นเพื่อนสส.กันมาทั้งหมด ไม่มีปัญหาอะไรเมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ามี 20 สส.บวก 4 แล้ว จะมีมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า “ติดตามตอนต่อไป”
เมื่อถามต่อว่าจะเปิดตัวได้ภายในสัปดาห์นี้เลยหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ถ้าเรียบร้อยก็น่าจะได้ถ้าจัดการเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งประสานสื่อมวลชน
รอพปชร.ส่งเรื่องขับ20สส.ทางการ
ด้านนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็น20สส.ของพรรคพลังประชารัฐ ถูกขับออกจากพรรคเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ว่า ตอนนี้กระบวนการทาง กกต.แล้วเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง ว่า โดยกฎหมายบอกว่าวันที่พรรคมีมติ จะมีผลทันที แต่การประชุมต้องเห็นชอบ องค์ประชุมต้องครบ และในการขับจะต้องมีกรรมการบริหารพรรค และ สส.ประชุมร่วมกัน มติที่ขับต้อง 3 ใน 4 ซึ่งตรงนี้ ไม่มีใครทราบ เป็นเรื่องภายในของพรรค ตอนนี้สำนักงาน กกต.ได้แต่ตามว่าเมื่อไหร่พรรคที่ถูกขับจะทำรายงานการประชุมมาให้เพื่อที่จะได้ตรวจสอบองค์ประชุมว่าครบหรือไม่กับสมาชิกที่ถูกขับออกย้ายไปอยู่พรรคใหม่แล้วหรือไม่
ได้รับประสานยื่นเข้าพรรคใหม่
นายแสวงระบุว่าเท่าที่ตนได้รับรายงานคือ สมาชิกที่ถูกขับออกจากพรรคได้มีการไปสมัครพรรคใหม่แล้วและได้รับการประสานงานว่าจะมายื่นหนังสือว่าเข้าไปอยู่สังกัดพรรคใหม่วันนี้(17ธ.ค.)ซึ่งเป็นสิทธิของเขา เมื่อเขาไปสมัครพรรคใหม่และพรรคใหม่ได้ยื่นมา โดยทางสำนักงานนายทะเบียนก็จะตรวจสอบและส่งเรื่องว่ามีสส.ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งถูกขับไปอยู่สมาชิกพรรคใหม่ และส่งหนังสือไปที่สภา ส่วนการตรวจความถูกต้อง ต้องรอจากพรรคต้นสังกัดว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องก็สมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ถูกขับ ต้องรอดูเอกสาร ตอนนี้อธิบายได้แต่ขั้นตอนและข้อกฎหมายเท่านั้น
‘ปชน.จ่อยื่นแก้ไขม.256-ตั้ง สสร.
ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่ต้องลงมติว่าจะเห็นด้วยกับมติของกรรมาธิการร่วม ซึ่งยืนยันเกณฑ์ผ่านประชามติด้วยเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น ในวันที่ 18 ธ.ค. ว่า พรรคประชาชนได้หารือเป็นการภายในและเห็นว่าต้องยืนยันเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ประชามติ ตามที่สภาฯ เห็นชอบ ส่วนความเห็นที่ขัดแย้งจะทำให้ร่างพ.ร.บ.ประชามติฉบับแก้ไขถูกยื้อไป 180 วันนั้นไม่เห็นไร เพราะพ.ร.บ.ประชามติฉบับปัจจุบันยังสามารถใช้บังคับได้ หากจะใช้ออกเสียงประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ด้วยจำนวนประชามติ 2 ครั้ง
“ในสัปดาห์นี้ พรรคประชาชนจะเข้าชื่อเพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256และเพิ่มหมวดใหม่ ให้มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)ทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้สามารถพิจารณาและบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระรัฐสภาได้ในช่วงเดือนม.ค.2568 จากกรณีที่นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาเห็นทิศทางที่จะสามารถบรรจุวาระได้ โดยไม่ต้องผ่านการทำประชามติก่อนหลังจากที่พรรคประชาชนเสนอแล้วต้องเข้าสู่กระบวนการทำความเห็นของฝ่ายกฎหมายของสภาต่อไป”นายปกรณ์วุฒิ ย้ำ
ย้อนถามความชัดเจน‘เพื่อไทย’
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยมีท่าทีจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ด้วยหรือไม่ หลังจากที่ได้หารือกับนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯมาแล้ว นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนในขณะนี้ แต่หากจะดำเนินการไปพร้อมกันในเดือนม.ค.2568 ภายในสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้าต้องชัดเจน เพราะการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การมี สสร. นั้น ต้องมีเวลาดำเนินการก่อนบรรจุวาระ 15 วัน
“ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาชนเสนอแก้ไขรายมาตรา กว่า 17 ฉบับนั้น ยังหารือกันว่าไม่ควรทำทีเดียวพร้อมกันเพราะจะสับสน ผมมองว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การมีสสร.ควรพิจารณาก่อนในเดือนม.ค.นี้ ส่วนการแก้รายมาตรานั้นควรนัดประชุมรัฐสภาสัปดาห์ถัดไป”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
มติสว.153เสียงยึดเสียงข้างมาก2ชั้น
ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมวุฒิสภา มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธาน ซึ่งเป็นวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ …) พ.ศ. …. ที่คณะกรรมาธิการร่วมกัน พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมีมติเห็นชอบร่างแก้ไขของวุฒิสภาที่แก้ไขด้วยเกณฑ์ผ่านประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้เกณฑ์ผ่าน 2ชั้น คือ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสัยงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ใช้เสียง และ มีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สว.อภิปรายแสดงความเห็นครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมได้ลงมติปรากฏว่ามติวุฒิสภา 153 เสียงเห็นด้วยกับกรรมาธิการร่วม ต่อ 24 เสียง และงดออกเสียง 13 เสียง ทั้งนี้ ในขั้นตอนต่อไปต้องรอให้สภาผู้แทนฯลงมติในรายงานของกรรมาธิการร่วมซึ่งสภาฯ ได้นัดลงมติวันที่ 18 ธ.ค.นี้ หาก สส.ลงมติแย้งกับสว.จะเป็นผลให้ ร่างพ.ร.บ.ประชามติ(ฉบับแก้ไข) ต้องถูกยับยั้งไว้ เป็นเวลา 180 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี