คปท.เดือดบุกทวงถามปปช.18ธ.ค.
‘ทวี’หลุดคดีอุ้ม‘แม้ว’
ช่วยเหลือนักโทษเทวดาชั้น14
รวมพลเค้นคอค้นหาเท็จจริง
รมว.ยธ.ยัน12ขรก.ทำถูกต้อง
เชื่อมั่นทุกคนเคลียร์ข้อหาได้
คปท.นัดบุกปปช. 18 ธันวาคม ทวงถาม“รมต.ทวี”หลุดโผเอื้อนักโทษเทวดาชั้น 14 ด้านรมว.ยุติธรรม เชื่อ 12 ข้าราชการชี้แจงได้เพราะทำตามระเบียบ ระบุเป็นเรื่องดีที่ได้ตรวจสอบ “รังสิมันต์ โรม” เตือนต้องทำให้กระจ่างอย่าให้เกิดข้อครหา ตามมาทีหลัง
สืบเนื่องจากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง (ป.ป.ช.) มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ
โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12คน
งง!”ทวี”หลุดโผเอื้อแม้ว
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูป(คปท.) ที่เคลื่อนไหวติดตามกรณีดังกล่าวได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่รอด ปปช.มีมติวันนี้ ไต่สวน ข้าราชการช่วยทักษิณป่วยทิพย์ ชั้น14จำนวน 12 คน คปท.ในฐานะผู้ร้อง เคยร้องให้ดำเนินเนินการกับ รมต.ยุติธรรม ทวี สอดส่อง ด้วยเหตุเพราะเมื่อถึงเวลาที่รมต.ยุติธรรม ต้องเข้าไปตรวจสอบ กลับไม่ตรวจสอบ มันเหมือนกรณีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ระงับการโกงเรื่องจำนำข้าว ดังนั้นเรื่องนี้ ทวี สอดส่อง หนีความรับผิดชอบไม่ได้ 18ธ.ค.นี้ ต้องถาม ปปช.ประเด็นนี้อีกครั้ง” นายพิชิต ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำกรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12ราย ประกอบด้วย 1.นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2.นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3.นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4.นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5.พลตำรวจโทโสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6.พลตำรวจโท ทวีศิลปี เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7.พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8.พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออก ใบความเห็นแพทย์ 9.นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10.แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11.นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12.นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
“ทวี”มั่นใจขรกบริสุทธ์
สำหรับประเด็นดังล่าว พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ได้ทราบข่าวแล้ว ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นทั้ง 12 คนที่ถูกระบุชื่อ เพราะได้เห็นหลักฐานแล้ว ได้ปฏิบัติตามกฏหมายและระเบียบ ตามหลักวิชาชีพที่เป็นสากลทุกประการ และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ไต่สวน เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม การเข้าไปไต่สวนจะทำให้บุคคลที่ยังไม่ได้ส่งหลักฐานจะได้มอบข้อมูลและหลักฐาน เนื่องจากเรื่องนี้มีประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย กรณีผู้ป่วยจะมีกฎหมายคุ้มครอง จึงไม่ได้นำหลักฐานส่งไป ซึ่งได้เคยสอบถามไปว่าหากมอบหลักฐานไปแล้วและมีการนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองก็จะนำเรื่องนี้ไปส่งมอบให้กับ ป.ป.ช. และตนเชื่อมั่นว่า ป.ป.ช. จะอยู่บนเหตุผลและข้อมูล ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ต่อไปนี้ประเด็นนี้จะเข้าสู่กระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย
ปฎิบัติหน้าที่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรมราชทัณฑ์เตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ทุกคนมั่นใจ เพราะกฎหมายถูกเขียนเอาไว้ก่อนที่บุคคลจะมาที่เรือนจำ ซึ่งผู้คุมขังประกอบด้วย 1.ราชทัณฑ์ 2.กฎกระทรวงคือโรงพยาบาล 3.ที่คุมขังอื่น ถือเป็นหลักสากล แต่ประการสำคัญคือกระบวนการเรื่องป่วย ทั้งแพทย์และบุคลากรมีความมั่นใจ หากได้ดูเวชระเบียนหรือหลักฐานซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่เช่นนั้นจะเอาไปพูดในสถานที่ต่างๆ หากใครมีพยานหลักฐานควรจะนำไปมอบให้กับ ป.ป.ช. ตนเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน เพราะเขามีประวัติและผลงานเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และการทำงานตรงไปตรงมา อย่ามองว่ากรมราชทัณฑ์จะเข้าข้างใคร กรมราชทัณฑ์ไม่เคยอคติกับใคร เราต้องบริหารงานตามกฎหมาย อาจจะไม่มีดุลยพินิจด้วยซ้ำไปเพราะกฎหมายเขียนไว้
เมื่อถามย้ำว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีใช่หรือไม่ที่จะได้พิสูจน์ความจริงกันไปเลย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งการรับเรื่องไว้ไต่สวนก็มีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีมุมมองเรื่องป่วยจริงหรือไม่ป่วยจริง และหลักฐานทางการแพทย์ ในฐานะที่ได้เห็นผ่านตา ในบางช่วงยืนยันว่าหลักฐานมีครบทุกอย่าง และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ให้ผู้ที่ถูกระบุชื่อได้ไปชี้แจง
ปัดโดนปปช.ตัดตอน
เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นฝ่ายปฏิบัติที่ถูกตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คงไม่ เพราะ ป.ป.ช.ก็เขียนระบุไว้อยู่แล้ว เพียงแต่เขามองว่า ในขณะนั้นตนยังไม่ได้รับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม
เมื่อถามย้ำ เรื่องนี้เหมือนจะถูกตัดตอนอยู่ที่เจ้าหน้าที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ป.ป.ช.เป็นองค์กรที่จะต้องดำเนินการไต่สวน หากสืบสวนแล้วไม่มีมูลก็ไม่รับ ซึ่งมีเรื่องที่ถูกร้องเรียนและไม่ถูกชี้มูลก็เยอะ เมื่อถามอีกว่า ส่วนตัวพร้อมใช่หรือไม่ เพราะประเด็นดังกล่าวอาจจะทำให้หลุดออกจากเก้าอี้ได้ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเลย เพราะเรายึดมั่นในข้อเท็จจริงและหลักกฏหมาย และนายทักษิณถูกควบคุมตามกฏหมาย เพียงแต่ไม่สะใจกับคนบางกลุ่ม อย่างเช่น รายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่เคยกล่าวอ้าง ซึ่งไม่เคยสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องเลย เป็นเพียงการเรียกบุคคลแล้วเอาความคิดเห็น ซึ่งหากเอาความเห็นของคนที่อยู่ตรงข้ามมันก็จะปรากฏเช่นนั้น ไม่ใช่ความเห็นปกติในการสืบสวนสอบสวน เขาควรจะเอาประจักษ์พยาน ผู้รู้ผู้เห็นจริงและอยู่ในเหตุการณ์
ไม่กังวลจนท.เกียร์ว่าง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรายืนยันว่า โรคที่ปรากฏเกินกว่าศักยภาพของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และการส่งตัวทุกแห่งกฎหมายไม่ได้ให้ถามโรงพยาบาล กฎหมายให้สถานพยาบาลของเรือนจำซึ่งมี 400 กว่าแห่ง ซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่ไม่มีแพทย์ มีแพทย์แค่ทัณฑสถาน ส่วนที่อื่นๆ จะมีแค่พยาบาลหรือบุคคลที่ผ่านการฝึกอบรมเท่านั้น เมื่อประเมินแล้วก็ส่งตัว ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายที่ระบุว่าให้ส่งตัวโดยเร็ว ส่วนประเด็นที่มีความสงสัย ทุกคนจะเอาข้อมูลไปส่งให้กับ ป.ป.ช. ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว หากใครที่ไม่พอใจประเด็นใดก็นำหลักฐานไปส่งให้ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
“ปู”กลับก็ต้องยึดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าต่อไปเจ้าหน้าที่จะเกียร์ว่างเนื่องจากทำแล้วจะต้องถูกตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนมาเป็น รมว.ยุติธรรม ไม่เคยทำอะไรเพื่อส่วนตัวเลย อยากให้ข้าราชการทำตามกฏหมาย
เมื่อถามว่า หากประเด็นของนายทักษิณเคลียร์หมดแล้ว ถ้า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาจะง่ายขึ้นใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกฏหมายคือ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราพัฒนากระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และหากใครเห็นว่ากฎหมายนี้ไม่ดีหรือต้องมีการแก้ไข สามารถมาเสนอแนะได้ซึ่งเรารับฟัง แม้แต่ข้อเสนอแนะของ กสม. เกี่ยวกับกฎกระทรวงดังกล่าว ทำไมไม่ให้อำนาจรัฐมนตรีในการพิจารณา ให้เพียงแค่รับทราบ ซึ่งเป็นกฎกระทรวงเก่า แต่อย่างไรก็ตาม การรับทราบไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีจะไม่ดูแล ซึ่งในกรณีดังกล่าวทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งใบแพทย์และได้สอบถามหลายครั้ง ซึ่งได้เห็นและเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่จะรับไว้ และที่สำคัญ นายทักษิณอยู่ในหลักเกณฑ์การถูกคุมขังของราชทัณฑ์ครบตามกฏหมาย ไม่ได้มีชั่วโมงไหนที่ไม่ได้อยู่ในที่คุมขังซึ่งหมายถึงเรือนจำ ซึ่งทุกสถานที่ไม่ใช่เฉพาะกรณีของนายทักษิณ แต่ทุกที่ที่มีคนป่วย
‘โรม’ชี้ปปช.ต้องมีคำตอบให้สังคม
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ว่า ถึงขั้นนี้แล้วปปช.ต้องมีคำตอบคำถามให้สังคมโดยเร็วเพราะกรณีชั้น14เป็นเหตุการณ์ไม่ปกติแน่นอน และตนยินดีจะมอบข้อมูลเพิ่มเติมให้ปปช.ห่วงแต่ว่าปปช.มีงานเยอะอาจต้องใช้เวลา
เมื่อถามว่ามีข้อกังวลถึงกรอบระยะเวลาการพิจารณาของ ป.ป.ช. หรือไม่ เนื่องจากคดีหนึ่งจะใช้เวลาหลายปี นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ร้องไปยัง ป.ป.ช.หลายเรื่อง ตนทราบดีว่าการดำเนินการ“ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยคือ1. นายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ 2.ที่ถูกส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลกระบวนการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 3.อยู่โรงพยาบาลจนครบ 180 วันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 4.เมื่ออยู่จนครบได้รับการพักโทษการประเมินต่างๆ เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่”นายรังสิมันต์ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี