‘เทพไท’ชี้การเมืองวันนี้‘ทักษิณ’อ่านขาดจึงคุมหมด ฟันธงม็อบจุดไม่ติด-ฝ่ายอนุรักษ์ต้องใช้ให้ช่วยสู้ผีส้ม
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน ว่า วันนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นศูนย์กลางของทั้งหมด หรือก็คือทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่นายทักษิณ หรือนายทักษิณก็คือผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองสูงสุดของประเทศไทยในเวลานี้
ส่วนความเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะหวนคืนสู่การเมือง ถึงขั้นกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ตนจับสัญญาณได้จากเวทีหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี ที่นายทักษิณไปช่วยปราศรัยหาเสียงให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทย ในตอนหนึ่งได้กล่าวว่า ตนเองอายุ 75 ปี มีเงิน มีเวลา มีกำลังช่วยเหลือประเทศชาติ ไม่ต้องมีตำแหน่งก็ได้ ตนได้ยินตรงนี้ก็เห็นว่า ที่นายทักษิณเคยบอกว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงหลานแล้วแต่มาเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกแทน และคิดรุกคืบกลับมาสู่การมีตำแหน่งทางการเมือง
ประกอบกับการเห็นลูกสาวอย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ที่นายทักษิณพยายามผลักดันขึ้นมาแต่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ นายทักษิณจึงออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสร้างการยอมรับในสังคม ทั้งนี้ ปัจจุบันนายทักษิณไม่สามารถเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เพราะติดเงื่อนไขทางกฎหมาย ทำได้เพียงอยู่หลังฉาก แต่นายทักษิณก็พยายามเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเพื่อให้เห็นว่านี่คือผู้นำตัวจริง
รวมถึงการไปเป็นวิทยากรในการสัมมนาของพรรคเพื่อไทย ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายทักษิณก็บอกว่าพรรคเพื่อไทยเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และคนที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ก็คือนายทักษิณ อย่างการลงพื้นที่ของนายทักษิณก็จะมีภาพชาวบ้านออกมาชื่นชม ดังนั้นการเคลื่อนไหวของนายทักษิณก็เพื่อ 1.สร้างการยอมรับในสังคมและให้คนนึกถึงมากที่สุด 2.สร้างความไว้วางใจให้กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม ให้เห็นว่าบ้านเมืองไปไม่รอดหากไม่มีคนแบบนายทักษิณ ซึ่งหากฝ่ายอนุรักษ์นิยมสนับสนุนหรือไม่ขัดขวาง นายทักษิณก็มีโอกาสกลับมาสู่การเมืองได้
ส่วนกรณีที่นายทักษิณพูดจาข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาล ตนมองว่านายทักษิณรู้อยู่แล้วว่าพรรคการเมืองเหล่านี้ขู่อย่างไรก็ไม่ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล เพราะพรรคต่างๆ เหล่านั้น ลงทุนกับการเลือกตั้งในปี 2566 ไปมาก และต้องสะสมทุนเพื่อเตรียมตัวสู่การเมืองเลือกตั้งปี 2570 บางพรรคเคยรบกับนายทักษิณเป็นสิบปียังมาเข้าร่วมด้วย ดังนั้นนายทักษิณจึงสามารถแสดงบทบาทเป็นผู้จัดการรัฐบาลได้ คือจะไม่เกรงใจ น.ส.แพทองธาร ก็ต้องเกรงใจนายทักษิณ
แต่ในทางกลับกัน บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลก็รู้และพยายามกดดันนายทักษิณเช่นกัน เพราะรู้ว่านายทักษิณสลัดตนเองออกจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่ได้ การต่อสู้ครั้งก่อนกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ทำให้นายทักษิณต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง 17 ปี สู้มาจับมือกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมดีกว่า เพราะนายทักษิณก็รู้อีกว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมกลัวผีสีส้ม จึงพยายามทำให้ผีสีส้มดูน่ากลัว จากที่คนกลัวนายทักษิณเหมือนผี ตอนนี้นายทักษิณกลายมาเป็นหมอผีเพื่อปราบผีสีส้ม ตราบใดที่ผีสีส้มแรงขึ้น นายทักษิณก็ยังมีบทบาทเป็นหมอผีเพราะฝ่ายอนุรักษ์นิยมจำเป็นต้องเลี้ยงนายทักษิณไว้
“ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่จะไปสู้กับผีส้ม สู้พรรคประชาชน ดูสิว่ามีใครบ้าง? ใครที่จะสู้? มันไม่มี อย่างไรเขาก็คิดว่าให้ทักษิณ ใช้ทักษิณดีกว่า อย่างน้อยก็เรียกว่ามีชนักปักหลังไว้แล้ว ถ้าย่ามใจมาก ผยองมากก็กระตุกได้ แล้วเรื่องอะไรจะให้ผีส้มมันขึ้นมา ก็เลยใช้ทักษิณ คือ 2 ส่วนนี้นะ ในพรรคร่วมรัฐบาลมันไม่ต่างอะไรกับละครทีวีหรือหนังไทย ตบจูบ! คือทะเลาะกันแล้วก็ดีกัน ไปกันอย่างนี้จนจบ เว้นแต่มันถึงที่สุดแล้วก็ต้องยุบสภาแล้วก็ไปเลือกตั้งใหม่ แต่ถามว่าพร้อมไหม? มันก็ไม่พร้อม ไม่มีใครพร้อมสักคนวันนี้ ยุบสภาก็เสร็จพรรคประชาชนมันเอาหมด” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่มองว่าหมอผีจะไปรวมกับผีส้ม เรื่องนี้ยากเพราะหมอผีก็รู้ดีว่าหากไปร่วมแล้วตนเองจะต้องเจออะไรบ้าง ไหนจะคดีมาตรา 112 ไหนจะเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในองค์กรอิสระ ดังนั้นนายทักษิณรู้ว่า ณ ปัจจุบัน จุดที่ตนเองยืนอยู่คือสบายที่สุด คือพยายามอยู่ใต้ร่มเงาฝ่ายอนุรักษ์นิยม แต่ที่ผ่านมานายทักษิณก็ถูกฝ่ายอนุรักษ์นิยมเล่นงาน แต่เมื่อฝ่ายอนุรักษ์นิยมดึงนายทักษิณมา นายทักษิณจึงเป็นอนุรักษ์นิยมใหม่ ขึ้นมาเป็นหัวหอกของฝ่ายอนุรักษ์นิยม แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปอยู่กับผีสีส้ม
เพราะต้องยอมรับว่านายทักษิณไม่ใช่นักการเมืองที่มีอุดมคติหรืออุดมการณ์ แต่เป็นเพียงพ่อค้าหรือนักธุรกิจที่เข้ามาอยู่ในการเมือง หลักคิดของนายทักษิณจึงไม่ใช่อุดมการณ์หรือจุดยืน แต่เป็นอะไรก็ได้ที่ได้ประโยชน์กับตนเอง ครอบครัวและธุรกิจ และถึงนายทักษิณจะถูกยกเป็นรัฐบุรุษในต่างประเทศ แต่ไม่สามารถเป็นรัฐบุรุษในประเทศไทยได้ เพราะเป็นตำแหน่งที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ และต้องเป็นบุคคลที่เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศในระยะยาว แต่นายทักษิณถูกตัดสินจำคุกคดีทุจริต
ส่วนกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาในฐานะประธานอาเซียน ตนมองว่าเป็นเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัวของนายทักษิณ ซึ่งต้องการใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศ แบบเดียวกับที่ก่อนหน้านี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของ ฮุน เซน ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และประเทศต่อไปที่นายทักษิณพยายามจะมีบทบาทคือเมียนมา จากที่มีข่าวเชิญตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มากินข้าวที่ จ.เชียงใหม่ ใครจะรู้ว่าในอนาคต พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา อาจตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาก็ได้
ซึ่งนี่คือความพยายามของนายทักษิณ ในการทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเห็นว่าตนเองเป็นนายกฯ อินเตอร์ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านและประชาชนคนไทยยอมรับหมด หากผลการเลือกตั้งออกมาแล้วได้คะแนนมากที่สุด เอาชนะพรรคประชาชนได้ ถามว่าใครจะไปขวางได้ และตนขอเป็นคนแรกที่ฟันธงว่านายทักษิณมีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยมีอภินิหารทางกฎหมายเกิดขึ้นบ่อยมาก ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้
“ข้อจำกัดของคุณทักษิณที่ไม่สามารถเข้าไปสู่ตำแหน่งได้เพราะมีเงื่อนไขทางกฎหมายห้ามไว้ อันดับแรกคุณทักษิณมีเรื่องมีคดี สมมติว่ารัฐบาลชุดนี้ รัฐบาลของคุณทักษิณ ออกพระราชกฤษฎีกาล้างมลทินให้กับคุณทักษิณ พระราชกฤษฎีกาล้างมลทินออกมาหลายครั้งแล้วในประเทศไทยที่ล้างมลทินให้ แล้วก็เขียนท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าล้างมลทินให้คดีอะไรบ้าง” นายเทพไท ระบุ
นายเทพไท ยังกล่าวอีกว่า การออกพระราชกฤษฎีกาล้างมลทิน สามารถทำได้โดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญเสียด้วยซ้ำไป หรือหากไม่เลือกทางนี้ จะไปใช้ช่องทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ได้ เพราะจะมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หาก สสร. ไปกำหนดคุณสมบัติที่อาจแตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 หรือฉบับ 2550 นายทักษิณก็มีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ อย่างที่ตนย้ำว่าประเทศไทยมีอภินิหารทางกฎหมายเกิดขึ้นเสมอ เพียงแต่ประชาชนจะยอมรับหรือไม่
ส่วนที่มีผู้โต้แย้งว่า หากนายทักษิณกลับมาจะมีคนออกมาชุมนุมประท้วงเต็มบ้านเต็มเมือง ตนก็ขอถามกลับว่าจะมีม็อบที่ไหนออกมา เอาง่ายๆ นายทักษิณถูกลงโทษจำคุก 1 ปี แต่ไม่ต้องอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว หากเป็นในอดีตม็อบออกมาเยอะแล้ว ถามว่าวันนี้มีที่ไหน เห็นมีเพียงแกนนำที่เดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คือเป็นเพียงสัญลักษณ์
ส่วนที่มีภาพการรวมตัวกันของภาคส่วนต่างๆ จะมีผลอะไรหรือไม่ ในชั่วโมงนี้ตนมองว่าม็อบไม่เข้มแข็งอย่างเมื่อก่อน เพราะมีแต่ความสับสนกันทุกฝ่ายทั้งเสื้อเหลืองพันธมิตร กปปส. นกหวีด นปช. เสื้อแดง เพราะต่อสู้กันไป-มา สุดท้ายแกนนำก็มาจูบปากร่วมเป็นรัฐบาล ฮั้วประโยชน์ทางการเมืองลงตัว แล้วมวลชนจะอยู่อย่างไร ดังนั้นหากจะมีใครมาเป็นแกนนำชวนมวลชนออกมาชุมนุมอีก มวลชนก็จะต้องถามตนเองแล้วว่าจะออกไปดีไหม จะเหมือนรอบก่อนหรือไม่ ที่มวลชนไปเป็นนั่งร้านให้แกนนำจูบปากกันอีก มวลชนก็อาจไม่อยากจะออกไป
นอกจากนั้น ตนมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว ในอดีตการชุมนุมคือการไปนอนกลางถนน ตั้งโรงครัว ถ่ายทอดสดผ่านช่องดาวเทียม แต่คนยุคทุกวันนี้เดือดร้อนอะไรก็ชุมนุมทางออนไลน์ เว้นแต่สถานการณ์ฉุกเฉินจริงๆ ก็อาจจะออกมา แต่ถึงออกมาก็ไม่นาน ประเภทปักหลักค้างคืนพักแรมจะมีน้อย คือจากม็อบก็เป็นเพียงกระแสสังคมกดดัน เรื่องนี้นายทักษิณก็อ่านขาดอีกว่าวันนี้ไม่มีอะไร
ส่วนสื่อมวลชนปัจจุบันสปอนเซอร์ก็หายากอยู่แล้ว และสปอนเซอร์ที่มากที่สุดก็คือหน่วยงานของรัฐ ถ้านายทักษิณบอกว่าไม่ให้สปอนเซอร์แล้วจะเอาโฆษณามาจากไหน ซึ่งการแทรกแซงสื่อนั้นนายทักษิณก็ทำมาโดยตลอด รวมถึงการใช้กลไกรัฐเข้าไปตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม อย่างที่ไปเปรยบนเวทีสัมมนาที่หัวหิน ที่เอ่ยถึงคนที่มีเมีย 3 ลูก 5 น่าจะให้สรรพากรไปตรวจสอบ หรือคดียิงกันที่ จ.ปราจีนบุรี แค่นายทักษิณเปรยว่าเป็นพื้นที่ผู้มีอิทธิพลมานาน ยังไม่ทันที่ น.ส.แพทองธาร จะตั้งคณะกรรมการอะไร ตำรวจก็ลงพื้นที่ตรวจค้นกวาดเรียบแล้ว
ส่วนคำถามว่าแล้วจะมีอะไรที่หยุดนายทักษิณได้บ้างหรือไม่ ตนมองว่าหากมีเหตุการณ์บางอย่าง เช่น กรณีที่ ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบการที่นายทักษิณได้รับอนุญาตให้ออกจากเรือนจำไปพักที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายทักษิณป่วยจริงหรือไม? หากไม่ป่วยจริงก็จะเข้าข่ายหลอกลวง หรือกรณีที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ จะไปยืนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หาก ป.ป.ช. ชี้ว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง ก็อาจถูกจับเข้าคุกอีกครั้งก็ได้
“คุณทักษิณคือนายกฯ ตัวจริง สั่งหมดทุกอย่าง คุณทักษิณก็เลยตีเมืองขึ้นหมด ฉะนั้นคุณทักษิณเห็นว่าอำนาจมีหมด จะทำอะไรก็ได้ ดังนั้นม็อบที่ว่า หรือใครถามผมว่าถ้าทักษิณกลับคืนตำแหน่งนายกฯ แล้วไม่กลัวม็อบหรือ? แกไม่กลัวหรอก แล้วยิ่งแกกดดันได้หมด สื่อกระบอกเสียงแกคุมได้หมด แล้วใครจะไปเอาอะไรมา? คือผมว่านอกจากคุณทักษิณจะพลาดทำร้ายตัวเอง” นายเทพไท กล่าว
คลิกชมคลิปเต็มได้ที่นี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี