'นายกฯ'เปิดงานซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทย ชูโครงการ1หมู่บ้าน1เซฟ ผลักดันนวัตกรรมถนอมอาหาร หวังต่างชาติได้ชิมรสดั้งเดิม ประกาศพร้อมเป็นครัวโลกประเทศความมั่นคงทางอาหาร
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2567 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหาร และปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “Soft Power Food” กับการพัฒนาประเทศไทย โดยมี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และมีเชฟอาหารชื่อดังเข้าร่วม เช่น นายชุมพล แจ้งไพร เป็นต้น
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างมากที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มต้นของการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศเรา แน่นอนว่าอาหารไทยของเราเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้วทั่วโลก แต่วันนี้เราต้องการจะยกระดับอุตสาหกรรมนี้ให้มีหลักเกณฑ์ และสามารถให้คนในทุกพื้นที่สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างเต็มรูปแบบโครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเซฟอาหารไทย จะสามารถพัฒนาศักยภาพของประชาชน ที่มีความสามารถในด้านการทำอาหารอยู่แล้ว เพื่อให้มีโอกาสในการเรียนรู้เพื่อเป็นเชฟที่เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น และเมื่อเข้าหลักสูตรโครงการนี้จบแล้ว ก็จะสามารถเป็นเชฟที่ professional (มีความเชี่ยวชาญ ) ที่สร้างงาน สร้างอาชีพได้ และสามารถเผยแพร่สูตรอาหารต่างๆ เพื่อยกระดับอาชีพของตัวเองไปอีกขั้นหนึ่ง
นายกฯ กล่าวต่อว่า จากหลักสูตรนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเชฟทุกคนที่เข้าอบรม ไปเผยแพร่รสชาติอาหารไทยในแบบที่เป็นต้นตำรับของอาหารไทยจริงๆ ซึ่งอาหารไทยของเรามีหลายแบบ ทุกท่านอาจจะเคยชิมอยู่แล้ว ซึ่งบางทีเราก็ไม่ทราบว่าอะไรเรียกว่าอะไรบ้าง แต่ในหลักสูตรมีรูปแบบอาหารไทยมากมาย ทั้งอาหารไทยโบราณอาหารไทยชาววัง และอาหารประจำถิ่น ประจำพื้นที่ต่างๆ ที่แต่ละภาคก็มีรสชาติที่แตกต่างกันไปเราเชื่อว่าคนไทยมีฝีมือเป็นอย่างมาก ซึ่งจริงๆหลายๆท่านทำอาหารที่บ้านเองอยู่แล้ว โดยอาศัยองค์ความรู้ที่สืบทอดต่อกันมาจากครอบครัวของตัวเอง แต่พอได้เข้าหลักสูตร ก็จะรู้วิธีที่เป็นหลักมากขึ้น หรือตามหลักสูตรมากขึ้น หากจบแล้วก็จะได้ใบรองรับหลักสูตร เพื่อเป็นการรองรับว่าการอบรมผ่านขั้นตอน ผ่านการเรียนรู้ที่เป็นระบบ ก็จะช่วยส่งเสริมในการทำอาหารมากขึ้น
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้สามารถไปทำงานร้านอาหารไทยในต่างประเทศได้ หรือบางท่านเปิดร้านอาหารไทยเป็นของตัวเองในต่างประเทศ การที่เราทำแบบนี้นอกจากจะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนไทยแล้ว ยังเป็นการส่งทูตทางวัฒนธรรมของเราไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่าทุกประเทศที่เราไปท่องเที่ยวจะมีร้านอาหารไทยและเชื่อว่าหลายประเทศบอกว่าอาหารไทยคืออาหารโปรดของคนต่างชาติ ซึ่งหลักสูตรนี้ จะสามารถไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยอย่างถูกต้อง ก็เหมือนเป็นตัวแทนของคนไทย เช่น การจัดสำรับ การจัดรูปแบบอาหาร สูตรการปรุง การทานแบบคนไทยจริงๆ ทำอย่างไร ซึ่งความจริงคนต่างชาติเรียนรู้ประเทศไทยจากอาหารไทยเป็นอย่างแรก เพราะฉะนั้นการที่เราทำเชฟอาหารไทยที่มีคุณค่า ส่งไปเมืองนอก เป็นประโยชน์ทั้งในเรื่องของอาหารและวัฒนธรรมด้วย
นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้การที่เราเริ่มทำในเรื่องของเชฟอาหารไทยแล้ว สิ่งต่อไปคือการส่งออกอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบทางการเกษตร เราต้องมีการพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นการแช่แข็ง การถนอมอาหาร เพื่อให้วัตถุดิบเหล่านั้นหรือเครื่องปรุงต่างๆสามารถอยู่ได้นานขึ้นและรสชาติยังเหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่ทานในเมืองไทย ถ้าเราพัฒนาตรงนี้จบทุกสูตรสามารถส่งออกได้ คนต่างชาติจะสามารถได้ลิ้มรสชาติอาหารไทยจริงๆ จากประเทศไทย คือ สิ่งที่เรามองเห็นว่าจะสามารถพัฒนานอกจากเรื่องของคนแล้วพัฒนาอุตสาหกรรมได้ ซึ่งถือเป็นภาพรวมที่เริ่มพัฒนามาตั้งแต่เกษตรกรไปจนถึงอุตสาหกรรม
”เราอยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและเป็นครัวของโลก ดิฉันไปที่ประเทศไหน ก็พูดเรื่องนี้อย่างเต็มปากว่าประเทศไทยเองพร้อมที่จะเป็น ความมั่นคงทางอาหาร ( Food Security) ให้ทั่วโลก ซึ่งบางประเทศมีความไม่สงบหรือการเกษตรไม่เพียงพอ เราเองสามารถเป็นผู้เก็บอาหาร หรือ ความมั่นคงทางอาหารให้ได้ และถ้านวัตกรรมของเราไปถึงเราสามารถถนอมอาหารได้นานขึ้นจะช่วยให้เกษตรกรและคนไทย ที่สำคัญเราเอง พร้อมส่งออกทุกๆวันทั้งปีอันนี้คือข้อที่ประเทศเราได้เปรียบ ฉะนั้นการทำทุกอย่างเหล่านี้เป็นการส่งเสริม รูปแบบอย่างต่อเนื่องทั้งระบบ นี่คือ ยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลมองเห็นว่าเราจะผลักดันเรื่องแบบนี้ต่อได้อย่างไร ซอฟพาวเวอร์เรื่องอาหาร เป็นสิ่งที่พูดแล้วทุกคนรู้จักได้ง่าย อุตสาหกรรมอาหารสามารถเติบโตได้อย่างเต็มรูปแบบได้อีกมาก รัฐบาลสนับสนุนเต็มที่แน่นอน“ นายกฯ กล่าว
จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการ “Mini Showcase: The Best of Thai Foods in Different Regions” ที่บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี โดยได้ลองชิมเมนูอาหารต่างๆที่เชฟนำมาโชว์ภายในงาน เช่น ข้าวมันไก่ แกงคั่วหัวตาล เมี่ยงกลีบบัว ต้มยำกุ้ง เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี