ขีดเส้นส่งเอกสาร‘ทักษิณ’15ม.ค.
แพทยสภาออกโรง
เค้นรพ.ตร.ช่วยเทวดาป่วยทิพย์
ยันมีมูลต้องทำให้กระจ่าง
‘คปท.’เดือดจี้‘ทวี’ลาออก
แพทยสภา ขีดเส้น รพ.ตำรวจ ส่งเอกสารการรักษา“ทักษิณ”ภายในวันที่ 15 มกราคมปีหน้าหลังพบเทวดาป่วยทิพย์มีมูลไม่ใช่เรื่องโคมลอย ลั่นมีอำนาจเต็ม สอบจริยธรรมหมอรักษาแม้ว ด้านคปท.จี้“ทวี”ลาออก
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี อดีตนายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย และอดีตกรรมการแพทยสภาฯ ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา กล่าวถึงการทำงานของอนุกรรมการฯ ที่ตั้งขึ้นโดยมติของคณะกรรมการแพทยสภา ให้สอบสวนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจเป็นเวลาร่วมหกเดือน ที่ล่าสุดคณะอนุกรรมการฯ ทำหนังสือถึงแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ให้ส่งเอกสารทางการแพทย์ทั้งหมดในการรักษาตัวนายทักษิณ ตลอดช่วงที่อยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ มาให้คณะอนุกรรมการฯภายในไม่เกิน 15มกราคม2568 โดย นพ.อมร กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ชุดดังกล่าวตั้งขึ้นมาหลังก่อนหน้านี้คณะกรรมการที่พิจารณาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว (นพ.วิชัย วงศ์ชนะภัย-เป็นประธาน) ส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการแพทยสภา ซึ่งคณะกรรมการชุดแรกเห็นว่า เรื่องมีมูล ทำให้มีการส่งเรื่องมาให้คณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ ดำเนินการพิจารณาฯ ก็เป็นตามกระบวนการของแพทยสภาฯ ทางอนุกรรมการฯ จึงทำหนังสือถึงรพ.ตำรวจ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ดำเนินการไปตามกระบวนการ อนุกรรมการยังไม่ได้รับเอกสารอะไร ต้องรอไปก่อน ฝ่ายกฎหมายของแพทยสภา ก็จัดการไปตามที่ส่งในหนังสือ
มีอำนาจเต็มในการสอบสวน
เมื่อถามย้ำว่า คณะอนุกรรมการฯ มีอำนาจเรียกเรื่องต่างๆ มาสอบสวนได้ตามกฎหมายใช่หรือไม่ นพ.อมร กล่าวว่า” ใช่ เรื่องการสอบสวน ต้องมีอำนาจอยู่แล้ว ไม่มีอำนาจไม่ได้ ต้องมีอำนาจในการสอบสวน เพราะเรามีหน้าที่สอบสวนเรื่องจรรยาบรรณแพทย์ หนังสือที่ส่งไป ก็ขอให้เขาส่งมาให้เราอย่างรวดเร็ว เพราะอนุกรรมการก็อยากทำให้มันจบเร็วเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้ขนาดไหน แต่ก็อยากให้เร็ว ตอนที่กรรมการสอบชุดแรก สรุปมา เขาก็สรุปว่าเรื่องมีมูล ไม่ใช่ข่าวโคมลอย ก็มีข้อมูล ทางนี้ก็เลยต้องขอข้อมูลมาดูให้มันชัดๆ ครบถ้วน เพราะตอนนี้ยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน” ประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภาฯ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่ นพ.อมร ส่งถึงแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุที่มาที่ไปในการขอเอกสารทางการแพทย์ในการรักษานายทักษิณ ชินวัตร ที่รพ.ตำรวจ ไว้ตอนหนึ่งว่า “ตามที่สำนักงานเลขาธิการแพทยภา ได้รับคำร้องให้ตรวจสอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามคำร้องที่ 235,256/2566 และ 23/2567 เกี่ยวกับกรณีเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 ผู้ป่วยรายนายทักษิณ ชินวัตร เข้ารับการรักษาในทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ต่อมาวันที่ 23 ส.ค.2566 ถูกส่งต่อการรักษาไปยัง รพ.ตำรวจ และจนกระทั่งผู้ป่วยได้เดินทาง ออกจาก รพ.ตำรวจ กลับมายังบ้านพัก เนื่องจากได้รับการพักโทษตามประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ โดยผู้ป่วยได้รับการพักโทษ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2567 ซึ่งตั้งแต่ที่ผู้ป่วยได้รับโทษจนถึงวันที่ได้รับการพักโทษ ผู้ป่วยถูกควบคุมตัวและรักษาตัวอยู่ภายใน รพ.ตำรวจ มาโดยตลอด กลายเป็นข้อสังเกต ของประชาชนถึงการทำหน้าที่ของแพทย์ รพ.ตำรวจ ว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ป่วยทั้งที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยจริงหรือไม่ แพทย์ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ออกใบวินิจฉัยโรคและรับรองให้ผู้ป่วยไปพักรักษา ที่ รพ.ตำรวจ เป็นความเท็จหรือไม่
ดำเนินการด้านจริยธรรม
คณะกรรมการแพทยสภาในการประชุม ครั้งที่ 10/2567 วันที่ 10 ต.ค.2567 พิจารณาแล้วมีมติ คำร้องมีมูล ส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจ ดำเนินการพิจารณาจริยธรรม”
อนึ่ง สำหรับ ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ถือเป็นแพทย์ผู้ใหญ่ที่ได้รับการยอมรับในวงการสาธารณสุขอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ ได้รับรางวัลเกียรติยศที่สำคัญ อาทิ รางวัลผลการวิจัยดีเด่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พ.ศ. 2536 รางวัลนักบริหารโรงพยาบาลดีเด่นภาครัฐและสถาบันการศึกษา ประเภทผู้บริหารวิชาการดีเด่น จากกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2552 โล่เกียรติคุณอาจารย์แพทย์ผู้ประพฤติตนดีเด่นในเชิงคุณธรรม จริยธรรม จากแพทยสภา พ.ศ. 2561 รางวัลมหิดลทยากร จากสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดลในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2563 รางวัลศิริราชเชิดชูเกียรติ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พ.ศ. 2562-2564 เป็นต้น
จี้”ทวี”ลาออกจากรัฐมนตรี
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “รมต.ยุติธรรมที่อยุติธรรม” ระบุว่า คุณทวี สอดส่อง รมต.ยุติธรรม ถึงแม้จะยังไม่มีรายชื่อถูกไต่สวนจาก ป.ป.ช.แต่ในฐานะ รมต.ที่กำกับดูแล จะหนีความรับผิดชอบไม่ได้ การทำลายกระบวนการยุติธรรมเกิดในยุคที่ ทวี สอดส่อง นั่งเก้าอี้ รมต.ยุติธรรม แต่ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ถูกกล่าวโทษตั้งแต่ อธิบดีมาจน ผบ.เรือนจำ รมต.ยุติธรรม ยิ่งอธิบายยิ่งพันตัวเอง ในทางคดีกับ ป.ป.ช.วันนี้ในห้องประชุม เราก็ชี้ให้ ท่าน เลขาฯ ป.ป.ช. ทราบข้อเท็จจริงทางการแพทย์ไปหลายประเด็น ซึ่ง 1 ในประเด็นที่ชี้ มีประเด็นที่ท่านต้องรับผิดชอบโดยตรง ในทางการเมือง ผมว่า ท่าน รมต.ยุติธรรม ลาออกเถอะครับ รับผิดชอบความเหลวแหลกที่เกิดขึ้น ในทางคดี ปปช.ก็จะชี้มูลท่านต่อไป
“ทวี”ยันขรก.บริสุทธิ์
ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มีมติให้ตั้งองค์คณะไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐสังกัดกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจรวม 12 ราย กรณีส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำนั้น ว่า ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ทาง ปปช.มีข้อมูลก็จะต้องรับไว้พิจารณาในเรื่องดังกล่าวเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ถูกระบุว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในส่วนของต้นสังกัดขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพราะตามขั้นตอนแล้วหาก ป.ป.ช. ยังไม่ชี้มูลถือว่ายังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาเพราะที่ผ่านมาก็มีหลายหน่วยงานที่มีการตรวจสอบ เช่น สตง.หรือองค์กรอิสระ ที่มีการตรวจสอบและไม่พบว่าไม่มีความผิด แต่หากคณะกรรมการชุดใหญ่ของ ป.ป.ช. ชี้มูลก็จะเข้าเกณฑ์ตามระเบียบที่จะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ
“จากการสอบถาม อธิบดีกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคนที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าไม่หวั่นไหวหรือกังวลกับการที่ ป.ป.ช.รับไว้พิจารณา เพราะเจ้าหน้าที่ก็ทำตามข้อกฎหมายมาตรฐานวิชาชีพกับผู้ต้องขังทุกรายตามระเบียบทั้งหมด ไม่ได้ดุลยพินิจเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด” รมว.ยุติธรรม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี