"พิธา"เดินเช็คเรตติ้งตลาดประตูท่าแพ ก่อน"ทักษิณ"ลงหาเสียงพรุ่งนี้ ลั่นพร้อมสู้ ดันคนรุ่นใหม่นั่ง"นายก อบจ.เชียงใหม่" ไม่หวั่นแม้"ทักษิณ"ลุยเอง บอกอย่าลืม 7 เขตเชียงใหม่เป็นของเรา รับลงพื้นที่ทับไลน์กันบ่อยไม่มีอะไร แค่เขตยุทธศาสตร์ ไม่กังวลฐานเสียงหลักกลับมาเลือกไม่ได้ แต่รับว่าเลือกตั้งท้องถิ่นต้องแก้ไข ให้เลือกตั้งล่วงหน้าหรือนอกเขตได้
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.จังหวัดเชียงใหม่ และว่าที่ผู้สมัคร สจ.จังหวัดเชียงใหม่ เดินตลาดถนนคนเดินประตูท่าแพ ก่อนที่จะมีรับสมัครเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) และนายพิธาก็จะเป็นหนึ่งในผู้ช่วยหาเสียงด้วย และเป็นการลงพื้นที่ก่อนที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่มาช่วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ "สว.ก๊อง" ระหว่างวันที่ 23 - 24 ธันวาคม 2567
โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงบันดาลแฟนคลับวิ่งเข้ามาขอถ่ายรูปนายพิธา แน่นตลาด รวมไปถึงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ ต่างพากันมาต่อแถวขอถ่ายรูปคู่เช่นกัน ซึ่งตลอดทางนายพิธา ได้กล่าวสวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชนล่วงหน้า แต่ยังไม่ได้มีการหาเสียงใดๆ เนื่องจากจะเปิดรับสมัครในวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้ ยังมีประชาชนที่สัญจรไปมาตะโกนว่า "นายกฯ ของประชาชน" "พิธาสู้" และคำยอดฮิตคือ "พิธาหล่อมาก"
มีบางช่วงบางตอน นายพิธาสวมบทพ่อค้าไปช่วยขายของที่ร้านน้ำส้ม ซึ่งแม่ค้าร้านน้ำส้มได้ถามว่าลูกสาวเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ จะมีเลือกตั้งล่วงหน้าหรือไม่ นายพิธา จึงกล่าวว่า ไม่ได้ แต่ตอนนี้พรรคประชาชนกำลังเร่งเดินหน้าให้สิทธิ์ที่อื่นได้ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะยอมหรือเปล่า เพราะถ้าคนมาใช้สิทธิ์เยอะๆ ก็จะมีคนไม่ชอบอีก
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าใครไม่ชอบ นายพิธา กล่าวว่า เคยมีนักข่าวต่างประเทศไปถามผู้สมัครท้องถิ่นรายหนึ่ง ว่าไม่มีเลือกตั้งนอกเขตรู้สึกอย่างไร เขาก็ตอบทันทีว่า "เป็นประโยชน์กับเขา เพราะอย่างนี้ละ เขาถึงจะชนะ"
ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ ว่า ตอนนี้เป็นไปได้ด้วยดี นายพันธุ์อาจ เปิดตัวมาจะครบปีพอดี และเป็นคนที่คิดนอกกรอบ ที่เคยอยู่ในกรอบ ซึ่งตนอยากเห็นนายก อบจ.รุ่นใหม่ ที่มีพลัง แนะนำความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยี มาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแผน 100 วัน ก่อนที่จะมีฝุ่น ซึ่งในการมาเชียงใหม่ที่ผ่านมา จนถึงเดือนเมษายนปีที่แล้ว พบว่าเชียงใหม่ มีฝุ่นเกินกว่า 50 กว่าวัน ซึ่งตอนนี้เรารู้ล่วงหน้าก็ควรจะมีแผนรับมือกับฝุ่น ใช้เทคโนโลยีโดรน ประสานความร่วมมือกับ GISDA แจกเครื่องกรองราคาถูกให้กับประชาชน รวมถึงหน้ากากอนามัย
นายพิธา ย้ำด้วยว่า อยากจะเห็นนายพันธุ์อาจ มีโอกาสทำหน้าที่นายก อบจ.คนรุ่นใหม่ของเชียงใหม่ในอนาคต
เมื่อถามว่า คู่แข่งคนสำคัญ นายทักษิณ ชินวัตร กำลังจะลงพื้นที่มาหาเสียง นายพิธา กล่าวว่า ยินดีกับการแข่งขันอยู่แล้ว เพราะในทางการเมือง หากมีการแข่งขันมีการแสดงวิสัยทัศน์ นำนโยบายมาสู้กัน น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ทั้งนายทักษิณ และตนก็เป็นผู้ช่วยหาเสียงทั้งคู่ ก็ยังหวังว่า ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะมีสื่อมวลชนสักช่องจัดดีเบต เหมือนที่ จ.อุดรธานี และ จ.อุบลราชธานี เพื่อให้ผู้สมัครทั้งสองท่านได้โชว์วิสัยทัศน์ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกับภาวะผู้นำที่ต้องใช้กับ จ.เชียงใหม่ ทั้งฤดูฝนและฤดูฝน ที่ดับฝันประชาชน จะมีแนวคิดอย่างไรก็อยากให้ ผู้นำตัวจริงที่ดูแลงบประมาณได้แสดงวิสัยทัศน่าจะเหมาะสมกว่า
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์นายทักษิณ อาจจะกลับมาทวงคืนพื้นที่ จ.เชียงใหม่ นายพิธา กล่าวว่า "ก็เป็นสิทธิ์ของคุณทักษิณ แต่ในพื้นที่มี สส.7 คน เป็นของพรรคประชาชน ซึ่งทางเราก็มองว่าเป็นเขตยุทธศาสตร์ สื่อมวลชนก็มีความสนใจ ถามว่าทำไมทับไลน์กันบ่อย 2 คนนี้ คราวที่แล้วจำกันได้ มาก็ปีใหม่ไทย ตอนนี้มาก็ปีใหม่สากล ถึงเลยชนกันบ่อย ต่างคนต่างพรรคก็วางแผนในการลงพื้นที่ ก็เลยเจอกันบ่อย"
พร้อมย้ำว่า เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งเราอยากได้ทั้งนายก อบจ.ลำพูน และเชียงใหม่ เพื่อจะได้ทำงานร่วมกัน ทางการท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม การทำ CODING การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และอยากเห็นนายก อบจ.ทำงานร่วมกับ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เพราะจะเป็นคนที่สามารถใช้เทคโนโลยีที่คนรุ่นเก่าไม่สามารถใช้ได้ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับไฟป่า ฝุ่น และการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องสมัยใหม่ จึงอยากเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ และอยากให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ ออกไปใช้สิทธิ์กันเยอะๆ เหมือนกับการเลือกตั้งในปี 2566 ซึ่งอดีตพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงมากกว่า 4 แสนเสียง เชื่อว่าจะได้นายก อบจ.ที่คิดนอกกรอบ เคยผ่านระบบราชการ ทำงานกับจิสด้า แก้ไขปัญหาได้ทุกฤดู
เมื่อถามว่า 7 เขตของเรายังแข็งแรงใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า แน่นอนเราทำงานอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นเพียงผู้ช่วยหาเสียง แต่ก็ได้ติดตามเรื่อง พ.ร.บ.อากาศสะอาดว่าถึงไหนแล้ว ซึ่งผู้ที่จะมาบริหารก็คือนายก อบจ.ไม่ใช่ผู้ว่าฯ ซึ่งนี่ถือเป็นการผลักดันกฎหมายของ สส.เชียงใหม่ ที่เป็นข่าวดี ในเรื่องของ pm 2.5 ในตรวจสอบการรับซื้อข้าวโพด ว่ามาจากการเผ่าป่าหรือไม่ ซึ่ง สส.เชียงใหม่ ถือว่าทำหน้าที่ในสภาและดูแลพื้นที่อย่างเต็มที่ ในวันพรุ่งนี้ในการลงพื้นที่ตลาดวโรรส จะเป็นสิ่งสะท้อนว่า สส.เขตทำงานอย่างเหนียวแน่นหรือไม่
เมื่อถามว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงานส่วนใหญ่ ออกไปทำงานในต่างจังหวัดกังวลกับฐานเสียง หลักจะไม่กลับมาเลือกตั้งนายก อบจ.หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้กังวลใจเฉพาะเชียงใหม่ แต่กังวลกับระบบประชาธิปไตยทั้งประเทศ ในเรื่องของการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ไม่เหมือนกับสนามใหญ่ที่ให้ เลือกตั้งข้ามเขต , เลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งในต่างประเทศไม่ได้ ทำให้การมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงลดลงอย่างมีนัยยะ เช่นใน จ.อุดรธานี ที่ 69% เหลือเพียง 32% การเลือกตั้งแล้วมีคนมาใช้สิทธิ์ต่ำกว่า 50% คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องคิดแล้ว ขณะที่ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ก็บอกว่า เมื่อมีนโยบายออกล่วงหน้าก็กระทบ และการที่มีการเลือกตั้งหลายครั้งๆ เช่น เลือกตั้งในวันที่ 22 ธันวาคม ปีใหม่กลับมาบ้าน และเดือนกุมภาพันธ์มีเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) อีก ก็ไม่มีใครสามารถลางานเพื่อกลับมาเลือกตั้งได้บ่อยๆ
"อยากเชิญชวน กกต.และคนที่ดูแลเกี่ยวกับกฎหมายประชาธิปไตย ว่า การเลือกตั้งควรจะสะดวก เรียบง่าย ควรจะใช้เวลาน้อยคำนึงถึงพี่น้องประชาชน คนที่ต้องเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว คนที่เดินทางไปอยู่ต่างประเทศ อยู่ที่ไต้หวัน เกาหลีใต้ อิสราเอล ก็เยอะ แต่กลับมาเลือกตั้งไม่ได้ เข้าใจว่า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง จะเรียก กกต.มาพูดคุยในเรื่องนี้ ทั้งเรื่องนายก อบจ.ลาออกล่วงหน้า ซึ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นใช้งบประมาณกว่า 6 - 7 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการเลือกตั้งระดับประเทศที่สำคัญ รองจาก สส.กับนายกฯ แต่กระบวนการที่เทคโนโลยีขนาดนี้ ทั้งเรื่องจดหมายและการโหวตผ่านอินเทอร์เน็ตยังไม่อนุญาตให้เกิดขึ้นสักที อยากให้กระบวนการเลือกตั้งสะดวกกับประชาชน ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเป็นโลกก็ยังเป็นคนไทย"
เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่เห็นด้วยกับการที่นายก อบจ.ลาออก เพื่อมาชิงตำแหน่ง นายพิธา กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่จะทำให้งบประมาณเปลืองสองครั้ง ทำให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์ยากลำบาก และเป็นช่วงที่ไม่เกี่ยวกับปีใหม่ ซึ่งไม่มีใคร ที่เป็นสามัญชนคนธรรมดาที่จะสลับบ้านติดๆ กันทุก 2 สัปดาห์ได้ จึงทำให้การใช้สิทธิ์เลือกตั้งมีน้อย เช่นใน จ.ลำพูน ที่มีคนมาใช้สิทธิ์เพียง 16% ซึ่งเป็นคนที่รักประชาธิปไตยมากเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งตนหวังว่าชาวลำพูนและชาวเชียงใหม่จะออกมาใช้สิทธิ์กันเยอะๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่อาจจะไปเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ หรือปิดเทอม ซึ่งเมื่อวานตอนเจอเด็กจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหิดล ที่กลับมา ใน จ.อุบลราชธานี จำนวนมาก และหวังว่าจะทำให้ เกิดการตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี