‘ภูมิธรรม’จวกพวกปั่นกระแสจุดไฟสงคราม‘ไทย-ว้า’ คำนึงผลกระทบ เชื่อปัญหาเขตแดนทางบก -Mou44 การเจรจาคือทางออก ไม่หวั่น‘สนธิ’บุกทำเนียบยกระดับชุมนุม ลั่นไม่มีอะไรต้องชี้แจง
23 ธันวาคม 2567 ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาพื้นที่พิพาทชายแดนไทยเมียนมา ซึ่งอยู่ในกลุ่มอิทธิพลของกลุ่มว้า ว่า วันนี้มีการพูดคุยในที่ประชุมสภากลาโหม และได้เห็นเอกสารทั้งหมดโดยเฉพาะ เรื่องเขตแดน ทั้งพื้นที่หนองหลวง และพื้นที่ดอยหัวม้า ที่มีปัญหาดังนั้นการแก้ไขปัญหา เรายืนยันตามหลักการไม่ยอมให้อธิปไตยโดนรุกล้ำ และจะรักษาเอาไว้อย่างเด็ดขาด ซึ่งทางฝ่ายทหารได้ให้ความมั่นใจเรามีกำลังพลที่พร้อม ในการรักษาอธิปไตยและการผลักดันออกไป ขณะนี้โลกเผชิญภัยคุกคามกันทั่วโลก เราหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง และพยายามแก้ปัญหาด้วยการเจรจา กรณีว้าก็เช่นเดียวกัน ซึ่งมีอีกหลายเรื่องที่พูดไม่ได้ และไม่มีประโยชน์อะไรที่กลุ่มว้า จะมารุกรานเรา ที่ผ่านมาก็ไม่มีการกระทบกระทั่ง หรือรุกรานไม่เคยเกิดขึ้น ความรุนแรงเกิดขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวมีความทับซ้อน ไม่เฉพาะเรื่องเขตแดนอย่างเดียว มันยังเกี่ยวพันไปถึงเรื่องเมียนมาด้วย ตนให้ความมั่นใจได้ว่าไม่มีอะไรที่มีปัญหา เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันเหมือนกับเรื่องMOU 2544 ซึ่งถือเป็นการอ้างสิทธิ์และเป็นการคุ้มครองเขต ถือหลักฐานแผนที่คนละแบบ ดังนั้นการเจรจาเขตแดนต้องปรับให้ได้ว่า อะไรเป็นมาตรฐานกลาง แล้วก็ดำเนินการไปตามนั้น แล้วทุกคนก็รู้ว่าหากเกิดสงคราม อย่างที่บางคนรู้สึกว่ากระทรวงกลาโหมอ่อนแอเกินไป ตนอยากจะเรียนว่าเราแข็งแรง พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย เพียงแต่ไม่ใช่ทางเลือกแรกที่เราจะทำ หากเกิดสงคราม เรื่องง่ายๆที่ผ่านมาเราจะต้องใช้เวลาเป็นปี กว่าจะเจรจาตกลงได้ หากเกิดสงครามก็จะเกิดการกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ สงครามไม่เคยปราณีใคร หากไปถามประชาชน เขาก็ไม่อยากให้เกิดสงคราม เพราะคนที่รับผลกระทบมากที่สุดก็คือประชาชน ที่อยู่ตามแนวชายแดน ไม่ใช่พวกที่เรียกร้อง ที่อยู่ที่นี้ ทุกวันนี้ทุกคนเรียกร้องความอดทนอดกลั้น ในการแก้ไขปัญหา และยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นกฎหมายสากล ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเจรจา ในทุกรูปแบบ
“ดังนั้นจึงให้ความมั่นใจได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขตแดนไทย-เมียนมา 4 ลูกเรือประมงไทย หรือ เอ็มโอยู 2544 เป็นเรื่องที่ต้องเจรจาและหาประโยชน์ให้กับประเทศสูงสุด” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการปรับท่าทีกับประเทศเมียนมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับประเทศเมียนมา ที่จะให้ทั้งสองประเทศมาปรับกัน เพียงแต่ให้ทั้งสองประเทศมาเจรจาหาทางออก แต่ที่ปั่นกระแสกันขึ้นมาตนคิดว่าทุกส่วน ต้องพิจารณา บางทีไม่รู้แล้วพูดจนเกินเลยไป บีบให้รัฐบาลต้องตอบในทางใดทางหนึ่ง รัฐบาลรู้ข้อมูลทั้งหมด แต่หลายเรื่องไม่เป็นผลดีต่อการพูด อยากให้เข้าใจกัน ซึ่งขณะนี้ก็รู้กันอยู่แล้วว่าต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ก็อยู่ในกระบวนการหาทางออกและแก้ปัญหา
เมื่อถามว่าปัญหากลุ่มว้าเราต้องคุยกับหลายฝ่ายใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า คุยกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องและทุกระดับ ซึ่งเป็นไปในแนวทางที่ดี ที่ดำเนินการมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ที่บอกว่ารบกันแล้วฆ่ากันแล้ว ไม่จริงทั้งนั้น ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ต้องถามประชาชนในพื้นที่ ก็จะรู้ว่าเขาไม่อยากมีสงคราม แต่แน่นอนว่ากองทัพ ก็ต้องยืนยันในการรักษาพื้นที่ ตอนนี้ก็มีการพูดคุยกัน จุดไหนที่ล่วงล้ำในพื้นที่ที่คิดว่าเป็นของเราก็ผลักดันหรือเจรจา ถือเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะการดำรงอยู่ของแต่ละฝ่ายในพื้นที่ก็ต้องพึ่งพากัน
เมื่อถามว่าในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.67) นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะเดินทางไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามคำตอบกับรัฐบาลในการยกเลิกเอ็มโอยู 2544 นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิ์ของนายสนธิ สิ่งที่ทำทั้งหมดมีความพร้อมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปลงรายละเอียดในเรื่องเหล่านี้
ส่วนการจัดตั้งคณะกรรมการเทคนิคร่วม JTC ฝ่ายไทย ถือเป็นดำริของนายกรัฐมนตรี ที่อยากให้ตนเป็นประธาน แต่ยังไม่มีการประชุมและนำเข้า ครม. ซึ่งมองว่าหากยังไม่พร้อมและยังต้องพูดคุยกัน ก็ให้เลื่อนการแต่งตั้งออกไปก่อน ซึ่งความเป็นจริงก็ควรที่จะตั้งได้แล้ว เพราะไม่มีอะไร เพียงแต่เป็นสิ่งเดิมที่เคยปฏิบัติมาและเอามาเปลี่ยนใหม่และปรับปรุงตนยืนยันว่าไม่ห่วงหากนายสนธิ จะยกระดับการชุมนุม
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี