สื่อทำเนียบตั้งฉายา‘รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง’
อิ๊งค์‘แพทองโพย’
ภูมิธรรม‘สหายใหญ่ใส่บู๊ต’
อนุทินได้ฉายา‘ภูมิใจขวาง’
รมว.ยุติธรรมเป็น‘ทวีไอพี’
วาทะแห่งปี‘สามีเป็นคนใต้’
“สื่อทำเนียบฯ” ตั้งฉายา ปี’67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”, ฉายานายกฯ “แพทองโพย” 7 รมต.ติดโผ “บิ๊กอ้วน,อนุทิน,ทวี”-พ่วง 3 รมต.โลกลืม ขณะที่นายกฯอิ๊งค์ แจงไม่ใช่แพทองโพย แต่เป็นแพทองแพ็ท “ทักษิณ”โวรัฐบาลลูกสาวดีวันดีคืน ปูดนักร้องบางคนไม่เสียภาษี-ซื้อที่ดินแถวริมทะเล แต่อยากจะชวนก๊งเหล้าเคลียร์ใจ
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้
ฉายารัฐบาล รัฐบาล“พ่อ“เลี้ยง
ฉายาดังกล่าวสื่อทำนเนียบมองว่า
ด้วยความเป็น “พ่อ” ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ “พ่อคิด ลูกทำ”
และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง “มาม่า” พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัพที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย
1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฉายา แพทองโพย
ล้อมาจากชื่อของนายกฯ“แพทองธาร” กับประเด็นดรามา “ไอแพด” คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบโนสนโนแคร์ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่
2.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฉายา สหายใหญ่ใส่บู๊ต
รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ไม่ขาด“สหายใหญ่” ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ “บิ๊กอ้วน” แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่ “ท็อปบูต”นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบู้ตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนัก ถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ “นายกฯอิ๊งค์” อีกด้วย
อนุทิน-ภูมิใจขวาง
3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ฉายา ภูมิใจขวาง
นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน “รัฐบาลแพทองธาร” สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของสส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่างพ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจากพรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้“รมต.หนู“จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร
พีระพันธุ์-พีระพัง
4. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ฉายา พีระพัง
พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร“ ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์“คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน
ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี“คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ”ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน
รมว.ยุติธรรม-ทวีไอพี
5.พ.ต.อ.ทวี สอดส่องรมว.ยุติธรรม ฉายา ทวีไอพี
ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น “ชั้น 14” ครองเตียง “วีไอพี” แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือ แซ่ดเตรียมปูทางสำหรับ “วีไอพีหญิง“ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว
“เฉลิมชัย”ประชาธิเป๋
6.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉายา ประชาธิเป๋
แปะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไปๆมาๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ “เพื่อไทย” กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆยังไม่ชัดเจน
รทสช-รวม(เพื่อไทย)อ้างชาติ
7.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ฉายา รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ
เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า “ขิง เอกนัฏ” คีย์แมนรทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใสๆ ภายใต้การนำของ”คนชินวัตร“ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยกวาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน8.น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฉายา จิราพอ(ล)
จาก สส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. )แต่งานกลับเดินไปเนิบๆ สังคมมาถึงบางอ้อว่ารมต.น้ำ นั่งคุมสคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป”และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้นรมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบๆ แบบสโลไลฟ์
เปิดชื่อกลุ่ม “รมต.โลกลืม”
ประกอบไปด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์ ทั้ง 3 คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรดเอ ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้รมต.ที่เป็นประตูปูทางสร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงแต่เงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ทเครื่อง ตีปี๊บผลงาน รับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม
วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯแต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม
นายกฯชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ”ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ
คำตอบของนายกฯยังไม่ใช่เหตุผลที่ตรงใจชาวโซเชียล จึงไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุที่ไม่ลงใต้ เพราะภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไร้ที่นั่งสส.มานาน ถึงกับถามย้ำๆขอฟังชัดๆ จะลงใต้เมื่อไหร่ กระทั่งนายกฯกลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย ช่วงฝนเทภาคใต้รอบสอง จึงเปลี่ยนใจ บินลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 17 ธ.ค.2567 จากที่ตั้งใจจะลงไปในช่วงการฟื้นฟู
ขึ้นศักราชใหม่ หัวหน้ารัฐบาลประกาศ “โอกาสไทย ทำได้จริง” เป็นคำมั่นที่ประชาชน รอติดตาม
อิ๊งค์ไม่โกรธ”แพทองโพย
ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้าภายหลังสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายารัฐบาล โดยสื่อมวลชนสอบถามว่ารู้สึกอย่างไรกับฉายา ”แพทองโพย“ โดยน.ส.แพทองธาร หยอกล้อสื่อกลับมาว่า ”ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพด ไม่ได้ใช้โพย โพยต้องเป็นกระดาษใช้หรือไม่“ ก่อนหัวเราะและบอกกับสื่อว่า ”แซวเล่น สดใสหน่อย“ ไม่ได้โกรธ
เมื่อถามถึงฉายา ”รัฐบาลพ่อเลี้ยง“ ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯส่งเสริมให้แนวทางเรื่องการทำงาน น.ส.แพทองธาร ตอบว่า คิดว่าเป็นเรื่องดี คุณพ่อมีประสบการส่งเสริมกันก็เป็นเรื่องดี ตอนเศรษฐกิจยุคคุณพ่อก็ดีบางอย่างที่ปรับใช้ในยุคนี้ได้ก็ยิ่งดี เราต้องหัดมองมุมที่มันดีบ้าง จะไม่มองมุมที่เป็นดราม่าต้องทะเลาะกันแบบนี้เหนื่อย ชีวิตทุกคนทำงานมาทั้งปีแล้วตอนนี้เป็นโหมดต้องแฮปปี้แล้ว เราทำงานมาปีหนึ่งแฮปปี้อะไรบ้างมีความสุขกับเรื่องอะไรบ้าง แล้วภูมิใจกับตัวเองในเรื่องอะไรบ้าง ขอให้ทุกคนคิดแบบนี้ก็แล้วกันมันจะปีใหม่แล้วอากาศก็ดีด้วยสดชื่นสดใสให้ทุกคนได้พักผ่อนกันอย่างไปเครียดมาก เรามีเรื่อง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงวาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้” น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สามีเป็นคนใต้ คุณพ่อเป็นคนเหนือ คุณแม่เป็นคนภาคกลาง ส่วนพี่ๆเป็นลูกครึ่ง ดีคะก็ดี มันก็คือความจริง สามีเป็นคนใต้จริงๆ แต่คนเป็นนายกฯก็ต้องดูแลทุกจังหวัด
ภูมิธรรมไม่สนฉายาใหม่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกณและรมว.กลาโหม ก็กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล ให้ฉายาว่า “สหายใหญ่ใส่บูท” ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภากลาโหม ว่า ยังไม่เคยได้ยินเลย มีคนตั้งให้แล้วหรือ วันนี้เพิ่งวันที่เท่าไหร่เอง
“ผมพร้อมรับการให้ฉายาของสื่อมวลชน เพราะสิ่งที่สำคัญของการทำงานไม่ได้อยู่ที่ฉายา แต่อยู่ที่ความตั้งใจในการทำหน้าที่ให้กระทรวงกลาโหมเดินไปในทางที่ดีที่สุด และในฐานะรองนายกฯ ก็ต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์มา อย่างน้อยได้นำไปขบคิดว่ามีเรื่องใดที่เป็นไปตามกระแสวิจารณ์หรือไม่ แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไข”
เมื่อถามว่า ต้องเปลี่ยนเป็นรองเท้าบูทหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปีนี้น้ำท่วมก็ใส่บูทตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบ ส่วนฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง นั้น นายภูมิธรรม มองว่า ฉายาเป็นเรื่องว่ากันไป ยิ้มหยอกกัน ไม่เป็นไรจากนั้น นายภูมิธรรม ได้มอบของขวัญปีใหม่ให้สื่อมวลชน ซึ่งเป็นข้าวสาร โดยกล่าวติดตลกว่า เป็นข้าวหอมมะลิใหม่ และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวด้วย พร้อมยืนยันไม่ใช่ข้าว 10 ปี เพราะข้าว 10 ปี ขายหมดแล้ว
“หนู”รับฉายาภูมิใจขวาง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีสื่อประจำทำเนียบรัฐบาลได้ตั้งฉายา “ภูมิใจขวาง” โดยนายอนุทิน หัวเราะเบาๆ ก่อนระบุว่า ขอบคุณสื่อ ที่เมตตาปราณี ก็โอเค ตนไม่ได้ภูมิใจที่ไปว่าอะไรใคร แต่ตนภูมิใจที่ทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง
เมื่อถามว่ามองภาพรวมฉายารัฐบาล “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีทำงานหนักจากที่ตนเห็น เพราะได้อยู่กับท่านด้วย ไปไหนมาไหนก็ไปกับท่าน ตนมองว่าท่านมีจิตใจที่มุ่งมั่น ท่านอาจจะไม่ได้อยากมาเป็น แต่ด้วยสถานการณ์อะไรต่างๆ ท่านก็ตัดสินใจรับตำแหน่งเพราะท่านรับตำแหน่งปุ๊บ ก็ตัดสินใจจะไม่มองข้างหลังแล้ว จะไม่พูดแล้วว่าไม่เอาแล้ว ไม่เป็นแล้ว จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ตนว่าเราก็ต้องให้โอกาส ตั้งแต่ท่านมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล ตนก็เห็นความทุ่มเทและความพยายาม ซึ่งท่านมีลักษณะเป็นผู้นำ ก่อนที่นายอนุทิน จะออกตัวว่า “นี่คนละพรรคนะ ไม่ใช่ว่าจะต้องเอาใจหรืออวยกัน เพราะก็เห็นๆอยู่”
“เฉลิมชัย”แจง”ประชาธิเป๋”
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความรู้สึก หลังผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล ตั้งฉายา “ประชาธิเป๋” ว่า ขอบคุณมาก ไม่เป็นไร ตนรับฟังอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรต้องไปปรับปรุงหรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ก็ต้องทำให้ดีขึ้น
เมื่อถามว่า ไม่เคืองกันใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เราต้องอยู่กันไปอีกนาน จะเคืองกันได้อย่างไร เมื่อถามย้ำว่า มองอย่างไรกับฉายารัฐบาล นายเฉลิมชัย กล่าวว่าว่า ไม่เป็นไร ก็มองตามปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นปกติ
“แม้ว”อวย”แพทองโพย”
เที่ยงวันเดียวกัน ที่ร้านอาหารลิ้มเหล่าโหงว จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพิ่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง ที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้กับรัฐบาล น.ส.แพทองธาร บุตรสาว ว่า สงสัยสื่อมวลชนเห็นว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) น่าจะเป็นคนเหนือ เพราะคนเหนือชอบเรียกพ่อเลี้ยง และเมื่อพรรค พท.ทำเศรษฐกิจดี คน จ.เชียงใหม่และคนเหนือก็จะเป็นพ่อเลี้ยงกัน
ส่วนที่มีการติงกันว่า น.ส.แพทองธาร อาจจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตัวจริงนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ตนคิดว่าเขาเก่งกว่าตอนที่ตนเริ่มต้นด้วยซ้ำ น.ส.แพทองธาร ปรับตัวได้เร็วมาก แต่แน่นอนว่าไม่มีใคร คนใดคนหนึ่งที่จะรู้หรือทำอะไรได้ทุกเรื่อง ต้องมีทีมงานที่ช่วยกัน ทั้งทีมเศรษฐกิจและทีมต่างๆ ตนแค่อาจจะให้คำแนะนำไป แต่อย่าลืมว่า ลูกสาวคนเล็ก พ่อชี้นำไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่จะชี้นำพ่อ
เมื่อถามว่า ฉายาแพทองโพย ที่ตั้งให้กับนายกรัฐมนตรีนั้น มีนายทักษิณ เขียนสคริปต์ให้หรือไม่ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่หรอกครับ เพราะว่าเขาชอบเล่นไอแพด ตั้งแต่เรียนหนังสือ จะมีโน้ตสำคัญไว้ในนั้น เวลาลืมก็จะได้ดู โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่ลืมไม่ได้ คือเรื่องต่างประเทศก็ต้องคอยจับประเด็นให้ได้”
อยากชวนขาประจำกินเหล้า
เมื่อถามถึง ฉายา”ทวีไอพี” ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ซึ่งมีการพาดพิงมาถึงนายทักษิณด้วย โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่มีอะไร จริงๆ แล้ว ส่วนใหญ่เป็นงานของขาประจำ ผมมีขาประจำอยู่ หากว่างผมก็อยากชวนขาประจำมานั่งกินเหล้า มาพูดคุยกัน จะได้เลิกเป็นขาประจำผมซักที จะได้เข้าใจกันมากกว่านี้ บางคนหมั่นไส้ผม โดยที่ยังไม่รู้จักตัวตนของผม แต่ผมมีพรสวรรค์ ไม่ใช่พรนรก ก็แล้วกัน คนที่ไม่รู้จักก็สามารถหมั่นไส้ผมได้”
เมื่อถามว่า ที่เช็คลิสต์ไว้มีประมาณกี่คน นายทักษิณ กล่าวว่า ประมาณ 10 กว่าคน หน้าเก่าๆ และก็เห็นๆ กันอยู่
หนามยอกต้องเอาหนาวบ่ง
ถามต่อว่า เป็นกลุ่มเดียวกับที่ออกมายื่นร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันก่อนหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า จำนวนหนึ่ง แต่ไม่เป็นอะไร ใครยื่นก็ยื่นไป ถ้ายื่นผิดแล้วก็ต้องคอยตั้งรับ ยื่นมาเลย ไม่มีปัญหา ตนไม่ได้ขู่ tit-for-tat is a fair play ซึ่งเป็นวลีการตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม ลักษณะเดียวกันกับสำนวนไทยว่า ”หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง”
เมื่อถามว่า การไล่เช็คบิลนั้น มองว่าจะกลับสู่วังวนเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า สื่อมวลชนยังเหนื่อยแทบตาย แต่คนพวกนี้ไม่รู้จะทำอะไร ร้องอย่างเดียว อาชีพไม่มี ไม่มีการเสียภาษี บางคนไปซื้อที่ดินแถวริมทะเลก็มี มันตลก บ้านเมืองต้องไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะเกิดความสับสนวุ่นวาย
เมื่อถามถึง กรณีที่นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกมาระบุว่า สามารถพานายทักษิณ กลับไปที่เดิมได้ ซึ่งทันทีที่นายทักษิณ ฟังคำถามจบ ได้กล่าวทันทีว่า “สาธุ” ก่อนกล่าวต่อว่า “ให้พาไปทั้งพี่ทั้งน้องเลย หมายถึงน้องแฝดเขาอ่ะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี