พ่อทุกสถาบัน! "สมชาย"ให้ฉายา"ทักษิณ"ชี้มีบทบาทไปทั่วแทบทุกองคาพยพ จับตา"ป.ป.ช."ไล่บี้"ชั้น 14"
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จนถูกสื่อมวลชนตั้งฉายาว่าเป็น “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” ว่า หากให้ตนตั้งฉายานายทักษิณ ก็คงเหมือนกับเวลาที่นักศึกษาสายอาชีวะสถาบันต่างๆ ชอบไปพ่นสีสเปรย์บนกำแพงว่า “…พ่อทุกสถาบัน” ซึ่งสงสัยว่านายทักษิณจะอยู่ในเกณฑ์นั้น
เพราะเมื่อดูในภาครัฐ อำนาจบริหารกับนิติบัญญัติก็มีบทบาทอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว รวมถึงตำรวจและข้าราชการประจำ ส่วนตุลาการก็เริ่มก้าวล่วงเข้าไป อาจจะเหลือองค์กรอิสระกับกองทัพ ส่วนภาคเอกชน เจ้าสัวต่างๆ ก็ยังต้องเดินตามเป็นขบวนเพราะอยู่ฝ่ายตรงข้ามอาจเป็นอันตราย ขณะที่ภาคประชาสังคมก็อ่อนแอ ฝ่ายตรวจสอบร่อยหรอ แม้แต่สื่อที่ส่วนใหญ่มีแต่ข่าวเชียร์รัฐบาลหรือไม่ก็ข่าวอื่นๆ สัพเพเหระ
ซึ่งตนขอพูดในฐานะที่เคยทำงานสื่อ มองว่าสื่อไม่ได้ทำหน้าที่ เพราะการตั้งฉายารัฐบาลแม้ดูแล้วคมมาก แต่หากจะให้คมกว่านั้นคือการทำหน้าที่ตรวจสอบแทนประชาชน ขณะที่ฝ่ายค้านก็เหมือนไม่มี ตนมองว่าพรรคประชาชนเป็นฝ่ายค้านเทียมเพราะมีเรื่องดีลลับฮ่องกง จึงตรวจสอบแบบพอเป็นพิธี เพราะหากเอาจริง บุกชั้น 14 ตั้งแต่ปีที่แล้วก็น่าจะได้ข้อมูลเยอะ แต่ทำกันแบบเพียงแตะๆ อย่างกรรมาธิการตำรวจที่ไปแค่ชั้น 6 ก็กลายเป็นการฟอกขาว จริงๆ ขึ้นไปชั้น 14 ก็รู้แล้วว่ามีคนอยู่หรือไม่
ส่วนกรณีที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เผยแพร่ 10 กรณีคอร์รัปชันประจำปี 2567 โดยให้เรื่องนักโทษชั้น 14 ที่ไม่เคยอยู่ในเรือนจำมาเป็นอันดับ 1 และให้นิยามว่าเป็นการโกงซ้อนโกง ว่า คดีความของนายทักษิณ มี 5 คดี ศาลตัดสินลงโทษ 4 คดี อีก 1 คดียกฟ้อง และใน 4 คดี หมดอายุความไป 1 เท่ากับเหลือ 3 คดี มีโทษจำคุกรวมกัน 8 ปี และยังได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษจำคุกจาก 8 ปีเหลือ 1 ปี แต่ที่บอกว่าโกงซ้อนโกงคือ 1 ปีไม่มีอยู่จริง
อย่างที่บอกว่าได้เข้าไปในเรือนจำเพียงไม่กี่ชั่วโมง ไปอยู่ในพื้นที่แรกรับ และไม่รู้ว่ามีการลงทะเบียนจริงหรือไม่ ซึ่งจริงๆ มีคนมาบอกตนว่าในเรือนจำมีการเตรียมห้องขังสำหรับนายทักษิณไว้แล้ว โดยเป็นการนำห้องขังจำนวน 5 ห้อง ที่ปกติ 1 ห้องจะจุผู้ต้องขังได้ 40-50 คน มาทุบรวมกันเป็น 1 ห้อง อีกทั้งยังติดแอร์ให้ด้วย แต่ไม่ว่านายทักษิณจะเป็นผู้เลือกว่าจะอยู่ในเรือนจำหรือไม่ สุดท้ายนายทักษิณก็ไม่ได้เข้าไป ซึ่งนายทักษิณได้เข้าเรือนจำหรือไม่ ต้องไปดูกล้องวงจรปิด ว่าอยู่ในพื้นที่แรกรับ พื้นที่ตรวจรักษา พื้นที่กักกันโรค หรือแดนคุมขัง แต่ 2 อย่างหลังไม่ได้อยู่แน่
แต่เมื่อพูดถึงกล้องวงจรปิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ขนาดกล้องจับภาพคนทำผิดกฎจราจรยังถ่ายเห็นแม้กระทั่งหน้าคนขับรถ แต่พอกล้องที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ บอกเสียทั้งตึก ตนยืนยันเลยว่าโกหก และตนเคยเสนอด้วยว่าหากกล้องเสียเดี๋ยวตนออกเงินซื้อให้ ชุดละไม่กี่หมื่นบาทลงขันกันได้ แต่ผ่านมา 181 วันไม่มีกล้อง เป็นไปไม่ได้เว้นแต่ตั้งใจจะไม่บันทึกจึงทำให้เสีย เรื่องนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ต้องดำเนินคดีกับแพทย์ใหญ่หรือหัวหน้าสั่งการตึก
ส่วนการตรวจสอบของแพทยสภา ที่ทำได้คือถอนใบประกอบโรคศิลป์ ซึ่งคนที่อาจถูกถอนและกำลังอยู่ในการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ด้วย คือแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ คนปัจจุบัน และอดีตแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ที่ปัจจุบันขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยแพทย์ทั้ง 2 คนเป็นแพทย์ด้านสมอง และจริงๆ จะต้องตรวจสอบไปถึงหัวหน้าพยาบาลด้วย เพราะหากนายทักษิณพักอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ตลอด 181 วันจริง จะต้องมีเวชระเบียน อย่างเวลาเราไปนอนโรงพยาบาล ทุกๆ 3-4 ชั่วโมง จะมีพยาบาลมาบันทึกข้อมูล เช่น ให้น้ำเกลือ ตรวจเลือด วัดอุณหภูมิ ฯลฯ
ซึ่งตลอด 181 วันที่นายทักษิณอยู่ รพ.ตำรวจ จะต้องมีผู้เกี่ยวข้องเป็นร้อยคนทั้งแพทย์และพยาบาล แต่ตอนนี้ไม่มีทั้งเวชระเบียนและกล้องวงจรปิด ขณะที่ยังมีแพทย์ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วแต่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคกระดูก ถูกตามให้มาผ่าไหล่นายทักษิณตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการเจาะรู 4 รู แต่การเจาะรูดังกล่าวไม่ใช่อาการร้ายแรง และหากมีอาการร้ายแรงจริงก็แพทย์ก็จะไม่ผ่าตัดให้
“อาการไหล่จะมี 1.นักกีฬาออกกำลังกายหนัก เส้นเอ็นฉีก เช่น เล่นรักบี้ ตีกอล์ฟหนักๆ 2.หกล้มหรือเครียดจัด ก็เหมือนมือติด ฉะนั้นทางรักษามันมี 1.ทานยา ให้สเตียรอยด์ 2.กายภาพบำบัดหรือฝังเข็มตามแพทย์แผนจีน 3.ผ่าตัด การผ่าตัดเป็นโอกาสแก้หายได้เลย ฉะนั้นร่างกายต้องสมบูรณ์มาก แพทย์คนนี้ไม่อยู่ใน 157 แต่ท่านอาจโดนถอนใบอนุญาตได้ แต่ถามว่าท่านผิดไหม? ไม่ผิด! เพราะท่านก็แค่ไปผ่าตัด เพียงแต่วันนี้ท่านถูกสั่งห้ามไม่ให้พูด” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า คนทราบมาว่ามีคนในภาครัฐไปสั่งห้ามไม่ให้แพทย์นอกราชการท่านนี้พูด ตนก็ต้องบอกว่าหากไม่พูดท่านอาจต้องรับคดีเอง อย่างคดีจำนำข้าวก็มีคนจากภาคเอกชนติดคุกด้วย ดังนั้นท่านควรไปให้การตามความจริงว่าตอนไปผ่าตัด 4 รูให้นายทักษิณ เป็นการผ่าตัดแก้หัวไหล่หรือไม่ หากใช่ท่านก็พอแค่นั้น ส่วนแพทยสภาจะวินิจฉัยถอนหรือไม่ถอนใบประกอบโรคศิลป์ก็อีกเรื่องหนึ่ง หรือ ป.ป.ช. จะวินิจฉัยว่าสมควรแก่เหตุหรือไม่ ที่จะอนุญาตให้นายทักษิณอยู่โรงพยาบาล
โดยการอนุญาตจะมีตั้งแต่ 30 วัน 60 วัน 120 วัน 180 วัน ซึ่งผู้บัญชาการเรือนจำและอธิบดีกรมราชทัณฑ์จะเป็นผู้ลงนามอนุญาต ก็ต้องไปดูเวชระเบียน ส่วนคำถามว่าผลการตรวจสอบของแพทยสภาจะเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่ เรื่องนี้คนที่ตามตั้งแต่ต้นคือนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภา อีกทั้งยังเป็นนักกฎหมาย ดังนั้นท่านก็คงถาม ส่วนตนมองว่าควรเปิดเผยแล้วส่งผลไปให้ ป.ป.ช. แล้ว ป.ป.ช. จะต้องดูการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไป รพ.ตำรวจ
ซึ่งบันทึกกรรมาธิการของวุฒิสภา สมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่ง เคยตรวจสอบไว้มีรายละเอียดหมดแล้ว หรือรายงานของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ก็มีรายละเอียดแล้ว ดังนั้น ป.ป.ช. ก็ทำเพียงไปเติมเต็ม เช่น เวชระเบียน คนอนุญาต รวมถึงดูเรื่องการพักโทษให้กลับไปอยู่บ้าน ที่นอกจากกรณีนายทักษิณแล้ว ยังมีผู้ต้องโทษในคดีจำนำข้าวได้รับการพักโทษเช่นกัน ว่าได้ใช้เกณฑ์ ADL อย่างเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โดยหลักสากลเรื่องเกณฑ์ ADL จะมีตัวชี้วัด เช่น กลั้นอุจจาระ-ปัสสาวะได้หรือไม่ ลุกขึ้นยืนและเดินด้วยตนเองได้หรือไม่ อาบน้ำแต่งตัวเองได้หรือไม่ เป็นต้น โดยหากเป็นกลุ่มติดเตียง หรือผู้ป่วยระยะสุดท้ายโรคไตวาย มะเร็งหรือเอดส์ จะอยู่ที่ 0-4 คะแนน ก็จะให้กลับไปอยู่กับครอบครัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ถัดมาคือ 5-11 คะแนน เป็นกลุ่มกลางๆ ซึ่งนายทักษิณอยู่ในกลุ่มนี้ แต่กลุ่มนี้ก็ต้องช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เช่น กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ขึ้นบันไดไม่ได้ ซึ่งตนเห็นข้อขัดแย้ง และกรรมการพักโทษควรถูกดำเนินคดีด้วย
ชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=Mb0f5dN-40c
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี