‘สนธิ-ปานเทพ’รุกถาม MOU44
ลงถนนหลังปีใหม่
ยกระดับม็อบถ้ารบ.ยังเพิกเฉย
‘อิ๊งค์’ปัดข้อเสนอเปิดเวที
อ้างกลัวเสียเปรียบกัมพูชา
มาตามนัด!“สนธิ-ปานเทพ”บุกทวงถามข้อเรียกร้อง“MOU44-JC44”ขัดรัฐธรรมนูญหลังครบ 15 วัน แต่ไม่ได้รับการตอบสนองในการแก้ไขปัญหา ขู่ลงถนนหลังปีใหม่หากรัฐบาลยังนิ่งเฉย ด้าน“อิ๊งค์”ยันไม่ละเลยMOU44 แต่ต้องรอบคอบ บอกพูดอะไรไปก่อนทำไทยเสียเปรียบ
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาลฝั่ง ก.พ. นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมมวลชน เข้ายื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าให้รัฐบาลดำเนินการยกเลิก MOU 44 และ JC 44 ขัดหรือแย้งต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติกฎหมาย สุ่มเสี่ยงต่อการเสียเอกราชธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ซึ่งมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มารับหนังสือแทน
สำหรับข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นไปแล้ว ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีมีการเจรจากับประเทศกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 44 และ JC 44 รวมถึงระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย และมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย และขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน ซึ่งจะมาทวงถามหลังจากครบ 15 วัน
เมื่อนายกฯ รับทราบข้อเรียกร้องดังกล่าว แต่กลับนิ่งเฉย และไม่เคยพูดถึงข้อเรียกร้องผ่านสื่อเลย รวมถึงยังไม่มีข้อตอบรับใดๆ ว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อประชาชน และให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจปัญหาของประเทศหรือไม่
นายสนธิ กล่าวว่า การแสดงออกของนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ทำให้เห็นแล้วว่า จงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตย บูรพาแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจ และแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ถือเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และทำการสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ประเทศไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทย ต้องส่งไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ ทั้งยังเห็นว่า คณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการ ดูเหมือนคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ
ภายหลังจากพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายฝ่ายนานถึง 2 ชั่วโมง นายสนธิ ได้ออกมาพูดคุยกับกลุ่มมวลชนว่า การมาวันนี้ เพราะไม่ยอมรับคำตอบของรัฐบาล ที่ตอบมาแบบง่ายๆ จากนี้จะรอให้ได้คำตอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง ย้ำจุดยืนไม่เอา MOU 44 ทางออกที่ดีที่สุด คือผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุยกัน และหากมีการพูดคุยในที่สาธารณะคงไม่เชิญ นายปานเทพแล้ว เพราะตอบได้ทุกข้อทุกบรรทัด วันนี้บรรลุวัตถุประสงค์พอสมควร การเดินทางของกลุ่มมวลชนต่อไป จะเรียกร้องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง ด้วยมูลนิธิยามเฝ้าชาติบ้านเมือง และมีแพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต สว. และนายคมสัน โพธิ์คง ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายปกครอง การก่อตั้งมูลนิธิยามเฝ้าชาติบ้านเมือง จะเรียกร้องไม่ใช่เพียง MOU44 เท่านั้น เพราะมีหลายประเด็นที่เหมือนเอาเท้าขยี้กฎหมาย เช่น ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ปัญหาเขากระโดง และปัญหาต่างด้าว โดยมีพรรคประชาชนชักศึกเข้าบ้าน
ด้านนายปานเทพ กล่าวถึงเรื่องข้อเรียกร้อง MOU 44 ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ และการยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการทางเทคนิคด้านทะเล และเปิดเวทีสาธารณะ คำตอบของรัฐบาลคือการบอกเพียงว่ายื่นหนังสือไปที่กระทรวงต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องราวต้องการร้องทุกข์ ให้มายื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล
ในการพูดคุยกันกับทางเจ้าหน้าที่รัฐ ได้พูดคุยกัน 2 ประเด็น หากไม่มีMOUระหว่างและกัมพูชาเป็นไปตามกฏหมายทะเลสากลให้สัตยาบันที่สัญญากันสนธิสัญญาเจนีวาในฉบับปี 1958 และ 1982 ประเทศที่อยู่ติดประชิดหรือตรงข้ามทางทะเล ต้องยึดตามเส้นมัธยัส เท่านั้น หากยกเลิก MOU 44 จะเจรจาตามกฎหมายสากล ยึดตามเส้นเดียวเท่านั้น พื้นที่พัฒนาร่วมตาม MOU44 ตกลงกันแล้วว่าเป็นพื้นที่ทางทิศใต้ รวมพื้นที่ 16,000 ตารางกิโลเมตร ไปแบ่งให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมได้อย่างไร เพราะติดไหล่ทวีปไทยอยู่
ข้อห่วงใยที่สุด JC44 ข้อ 13 รับรองแผนที่ 1:2 แสน ระหว่างสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส การเอา MOU44 มาเป็นเส้นเล็งของกัมพูชา ไทยอาจเสียประโยชน์ในเวทีศาลโลกได้ หากต้องขึ้นศาลโลกต้องให้คนกลางตัดสิน ระหว่างเส้นมัธยัส จะยอมให้มีใครตัดสินไปเป็นเส้นอื่นได้หรือไม่ ดังนั้น ต้องยกเลิก MOU 44 เสียก่อน ทั้งนี้ หากนายกฯ ยังไม่สามารถตอบคำถามให้เป็นที่น่าพอใจต่อกลุ่มมวลชนได้ หลังปีใหม่จะมีการยกระดับกลุ่มมวลชนลงถนนทั้งที่รัฐสภา และกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมฝากถึงนายกฯ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ว่า ขอให้อ่านหนังสือเยอะๆ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสือทวงความคืบหน้ากรณีขอให้ยกเลิก MOU44 ว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันอยู่ในรายละเอียด ระหว่างกระทรวงต่างๆและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้ปล่อยผ่าน ยังมีการพูดคุยและความเห็นที่หลากหลายไม่ตรงกันในหลายเรื่อง ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องพูดคุยในรายละเอียดให้ชัดเจน โดยเราพยายามรับฟังทุกฝ่ายให้มากที่สุด
เมื่อถามว่าทำไมรัฐบาลไม่เปิดเวทีสาธารณะในเรื่องนี้เหมือนที่นายสนธิเสนอ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เวลาที่เป็นเรื่องระหว่างประเทศแล้วเรามาสัมภาษณ์กันแบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นข้อที่ได้เปรียบสำหรับประเทศ ฉะนั้นบางเรื่องเป็นรายละเอียดที่ยังเปิดเผยไม่ได้และมีความสำคัญมากขอให้ประชาชนสบายใจในเรื่องนี้ว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจและปรึกษากันกับกระทรวงการต่างประเทศในหัวข้อนี้อยู่ตลอด รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องก็ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้อย่างละเอียดเพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต้องใช้ความรอบคอบ
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้คนที่เห็นต่างยุติการชุมนุมไม่ลงถนน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนมาก เป็นเรื่องระหว่างประเทศ และการพูดคุยเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เราไม่สามารถแถลงออกมาได้ก่อนที่จะไปคุยกับต่างประเทศเพราะจะทำให้เราเสียเปรียบ ยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้ปล่อยผ่านจะให้รายละเอียดให้ได้มากที่สุด โดยต้นปีหน้าจะมีรายละเอียดเพิ่มเติม
เมื่อถามว่าในฐานะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สนิทกับทางกัมพูชา นายทักษิณ ช่วยเหลือประเด็นนี้อย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าเรื่องนี้เราต้องพูดคุยกันก่อนในประเทศ ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดของต่างประเทศแต่เราก็มีข้อมูลของแต่ละประเทศอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี