‘จตุพร’ฉะ‘ทักษิณ’พูดกราดเกรี้ยวดุดัน เป็นพ่อไม่ไว้หน้านายกฯลูกสาว จวกปราศรัยเหวี่ยงแห ดุด่าสองแง่สามง่าม ยัดเยียดสารพัดเนรคุณ ย้อนแสบทดแทนบุญคุณนักสู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บหรือยัง ลั่น‘ผมเป็นหนี้อะไรนักหนา สู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง’ ชีวิตผจญชะตากรรมไม่รู้จบ บ้านรอถูกยึด คงทดแทนกันพอแล้วมั้ง
25 ธันวาคม 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์กรณีทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยหาเสียงนายก อบจ. เชียงใหม่ ด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว ว่า เป็นอาการสติแตกของคนมีความอึดอัดคับแน่นอก จึงตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันเพื่อเอาคืนเสมือนต้องการแก้แค้น ดังนั้น การอ้างกลับไทยมาเลี้ยงหลานจึงสวนทางกับพฤติกรรมเป็นผู้ช่วยหาเสียงที่พูดดุด่าไม่เหมาะสมกับสถานะพ่อของนายกฯ
นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณ พูดแดกดันถึงบางคนไม่มีอาชีพแต่ซื้อที่ดินริมทะเล ซึ่งคงไม่ได้หมายถึงตนเพราะไม่มีที่ดินริมทะเลสักตารางนิ้ว อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรพูดเหวี่ยงแห สื่อความสองแง่สามง่ามให้เกิดจินตนาการไปกว้างไกล ต้องพูดออกมาให้ชัดเจน เพราะมีสะดุ้งกันหลายคน ดังนั้นการเน้นพูดถึงคนไม่มีอาชีพแต่มีที่ดินริมทะเลนั้น กลับไม่แตะต้องคนมีอาชีพแล้วทุจริตซึ่งน่ากลัวที่สุด แม้ศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ และบางคดีให้ชดใช้ แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนตามกระบวนพิจารณาจำนวนเงินให้ชดใช้ และสืบหาทรัพย์ต้องยึด คาดคงตามหาไม่ยาก การมีอาชีพไม่ได้หมายความว่าจะใช้ชีวิตสุดจริตแบบปกติทั่วไป เพราะบ้านเมืองหายนะจากการทุจริตคอร์รัปชันก็มาจากมือพวกมีอาชีพทั้งนั้น อาชีพคอร์รัปชันเป็นอาชีพที่น่ากลัว เพราะเป็นอาชีพโกงบ้านกินเมือง
“ปฏิกิริยาของทักษิณที่พูดสารพัดลำเลิกบุญคุณ ถ้าเป็นในส่วนของตนแล้ว เคยบอกไปแล้วว่า แม้ในการต่อสู้ตนไม่มีเงินไปลงขันด้วย แต่ต้องแลกด้วยอิสรภาพและเอาชีวิตไปต่อสู้ให้ จนติดคุกมา 5 ครั้ง มีอีก 2 คดีกำลังจ่อโทษมาถึง และกำลังถูกยึดบ้านไปชดใช้ความเสียหายจากคดีไม่เป็นธรรมที่ได้จากการต่อสู้ นอกจากนี้ทักษิณยังพูดลำเลิกบุญคุณโดยนำเรื่องกินข้าวที่พรรคจัดเลี้ยงให้หนึ่งมื้อมาเป็นการเนรคุณคน ปัญหามีอยู่ว่า ถ้าคนรู้จักบุญคุณคนแล้วต้องรู้ว่าการต่อสู้มีคนตายเป็นร้อย บาดเจ็บสองพัน สูญสิ้นอิสรภาพนับไม่ถ้วน สิ่งนี้ต่างหากที่ต้องไม่เนรคุณต่อพวกเขา”
นายจตุพร ถามว่า ที่ผ่านมาทักษิณได้ทดแทนบุญคุณหรือเนรคุณพวกเขา ถ้าจะทดแทนบุญคุณควรให้กับคนที่ตาย คนบาดเจ็บ คนถูกคุมขังในคุกจนสิ้นอิสรภาพและคนไปต่อสู้ให้จนสิ้นเนื้อประดาตัวซึ่งมีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีใครพูดถึงการทดแทนบุญคุณคน กลับพูดแต่ยัดเยียดการเนรคุณให้คนอื่นไปทั่วบ้านเมือง
“การต่อสู้ในหลากหลายสมรภูมิ ผมเป็นหนี้อะไรกับทักษิณกันนักหนา และติดคุก 5 ครั้ง มีคดีกำลังมาอีก ทั้งชะตากรรมต่างๆ นั้น ผมบอกว่ามันชดใช้กันพอแล้วมั้ง แต่พฤติกรรมทักษิณเมื่อไม่เป็นไปตามที่พูดบอกเหตุผลในการต่อสู้กับประชาชน แล้วทำไมผมต้องปฏิบัติตามกับสิ่งที่ไม่รักษาคำพูดที่เรียกว่า เสียสัตย์หรือตระบัดสัตย์ก็ตาม”
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าเราคิดอยากจะอยู่อย่างมีเกียรติในชีวิตนี้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องจะต้องซื่อสัตย์กับคนที่ไม่ซื่อสัตย์ เพราะในการต่อสู้มีคนตาย คนเจ็บ คนสูญสิ้นอิสรภาพนั้น มันเป็นเลือดท่วมปาก และตลอด 2 ปีผ่านมาตนได้อธิบายทุกอย่างแล้ว ดังนั้น อยากจะลำเลิกอะไรและจากใครก็ได้ เอาตามสบาย
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าทักษิณมาเลี้ยงหลานตามการขออนุญาตกลับบ้าน และรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม แล้วใช้ชีวิตอย่างปกติสุข คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปพูดวิจารณ์ทักษิณ แต่พฤติกรรมวันนี้มันไม่ใช่ แล้วยังจะพาให้บ้านเมืองลามไปสู่ปัญหาต่างๆ อีกมากมาย ทั้ง mou 44 ที่ประกาศจะแบ่งผลประโยชน์ 50:50 กับกัมพูชา ประชาชนจะใช้สิทธิวิจารณ์ไม่ได้หรืออย่างไร เพราะเป็นสิทธิของพลเมืองไทยต้องปกป้องผลประโยชน์บ้านเมือง
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อทักษิณกลับมาเป็นคนสาธารณะ จะไม่ให้ใครแตะต้องเลยคงไม่ได้ ส่วนการพูดให้พม่า กะเหรี่ยง และกัมพูชาจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถ้าทำไม่ได้จะใช้กำลังไทยเข้าไปจัดการเอง ทักษิณพูดแบบนี้ใช้สถานะอะไร เพราะคำพูดเช่นนี้ต้องเป็นนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องพูดคงเหมาะสมกว่า
นอกจากนี้ เมื่อทักษิณ เป็นพ่อของนายกฯ แต่พูดหาเสียงหลุดคำดุด่าแบบโคตร ๆ มันเหมาะสมหรือเปล่า อีกอย่างการพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดในหลายเรื่องนั้น กำลังเข้าใจผิดในสถานะของตัวเองหรือไม่ ว่า ตัวเองเป็นบุคคลต้องห้ามทางการเมืองและถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต
“เมื่อ 4 ปีที่แล้วการหาเสียงนายก อบจ. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยกล่าวหารูปที่ถ่ายกับผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า (เมื่อครั้งไปเปิดสาขา พปชร.) และยังบิดเบือนคดีบอสขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเพื่อช่วยคนบางคนในทางการเมือง ซึ่งวันนี้มันเป็นความจริงหรือไม่ ซึ่งควรขอโทษตระกูลบูรณุปกรณ์ เสียด้วยซ้ำ เพราะพรรคเพื่อไทยกล่าวหาด้วยข้อความเป็นเท็จในกรณีเรื่องรูปถ่ายกับผู้กองธรรมนัส”
นายจตุพร กล่าวว่า การหาเสียงเลือกนายก อบจ. ยังมีอีกหลายพื้นที่กำลังเริ่มขึ้น ดังนั้น จะได้เห็นอารมณ์ด่ากราดแบบคนคิดเป็นพ่อทุกสถาบันจากทักษิณก้นอีก แค่เริ่มพูดหาเสียงยังเกรี้ยวกราดแบบนี้ เวลาอีกยาวไกลจะดุดันหนักกว่านี้เป็นทวีเท่า
“การเกรี้ยวกราดของทักษิณ ใช้สารพัดคำมาดุด่า ประจาน ด้อยค่า มีทั้งโคตร ทั้งเห่าหอน ขิงฮาภาษาคำเมือง หรือตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่ว่าเป็นภาษาไทยหรืออังกฤษงัดออกมาพูดขยี้ทิ่มแทงเต็มที่ ด้วยอารมณ์แข็งกร้าวแบบนี้แสดงถึงความไม่มั่นใจ เพราะถ้าคนมั่นใจจะสุขุมในการพูดและการแสดงออกต่อสาธารณะ”
อีกกรณีหนึ่งที่แสดงถึงความไม่มั่นใจคือ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย นัดทักษิณในฐานะที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน โดยไปคุยที่เกาะลังกาวี แต่ต้องเปลี่ยนมาคุยในพื้นที่ไทย เพราะทักษิณคงไม่มั่นใจว่า ศาลจะอนุญาตให้ออกนอกประเทศ
นอกจากนี้ยังมีความไม่มั่นใจกับปรากฏการณ์ของชั้น 14 ซึ่ง ป.ป.ช.และแพทยสภาอยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมทั้งกรณีของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ถูกคณะกรรมการกฤษฎีการะบุคุณสมบัติต้องห้ามเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ โดยกรณีดังกล่าวมานี้จะเห็นถึงการขยับเห็นผลในปี 68 ทั้งสิ้น
“คนการเมืองย่อมมองเห็นความไม่มั่นใจในกรณีดังกล่าวผ่านอารมณ์เกรี้ยวกราด ด่าตวาดลั่นเวทีหาเสียง ซึ่งถ้าเป็นคนสุขุมมีความสุขแล้ว จะมีชีวิตอีกแบบหนึ่งในการปราศรัย ดังนั้น ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับทักษิณจึงมีความกังวลภายใต้เวลาจำกัด หากคิดจะมีการเปลี่ยนผลอะไรให้เป็นคุณต่อทักษิณแล้ว คงไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ โดยพิจารณาจากการตรวจสอบจริยธรรมแพทย์ของแพทยสภา”
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีนายกิตติรัตน์ มีคุณสมบัติต้องห้ามในตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติแล้ว สิ่งต้องจับตาว่า จะลุกลามไปสู่นายกฯ แต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ หรือไม่ ซึ่งมีบางคนเป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้มีตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจะเกิดปัญหาว่า จะดำรงตำแหน่งได้หรือไม่
อีกทั้งในต้นปี 68 จะมีหลากหลายปัญหาที่ทักษิณและรัฐบาลเพื่อไทยจะหวั่นไหวจนเกิดความไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเรื่องบ่อนคาสิโนต้องผ่านมติ ครม.และออกเป็นกฎหมาย ทั้งการตั้งคณะกรรมการ เจทีซี ไปเจรจา mou 44 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มกับกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม การขายคอนโดฯ โดยขยายเวลาให้ต่างชาติอยู่นานได้ 99 ปี หรือแลนด์บริดจ์ให้นักลงทุนมีสิทธิเช่าที่ดิน 3 แสนไร่นาน 99 ปี รวมถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูงและการขนส่งระบบรางที่ต้องยกที่ดินสองข้างทางให้เอกชนไปยึดครองหาประโยชน์
ส่วนโครงการบ้านเพื่อคนไทย จะถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะมีคำถามว่า บ้านเอื้ออาทรยังเหลือเป็นบ้านร้างอีกเท่าไร และจำเป็นต้องสร้างเพิ่มใหม่อีกหรือ? ดังนั้น ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเหล่านี้และการออกมาคัดค้านของประชาชน ล้วนทำให้ทักษิณกับพรรคเพื่อไทยเกิดหวั่นไหวในความไม่มั่นใจทั้งสิ้น
“สิ่งเหล่านี้รอทำให้บ้านเมืองเกิดหายนะอยู่แล้ว ถ้าวันนี้รัฐบาลเพื่อไทยได้ทำในสิ่งที่ดีงาม ประชาชนคงไม่เหนื่อยยากอีก แต่การทำเรื่องสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนและแต่ละเรื่องยังหาอนาคตของประเทศไม่เจอ”
ส่วนสถานการณ์พรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายจตุพร คาดว่า บางพรรคจะสุ่มเสี่ยงถูกปรับตำแหน่ง โดยเฉพาะ รมว.พลังงาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยมีเกราะกำบังและมีเอกภาพภายในพรรคเข้มข้น แล้วยังรู้เท่าทันเกมตวาด ตบจูบของทักษิณและพรรคเพื่อไทยคงต้องอยู่กันไปกับปัญหาทับถมได้เรื่อยๆ ซึ่งเวลาอีกนานจะระเบิดขึ้น
กรณีชั้น 14 ซึ่ง ป.ป.ช.ตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่เต็มคณะสอบสวน 12 เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติมิชอบ คาดว่า บุคคลทั้ง 12 คนจะให้การไม่เหมือนกัน เพราะบางคนไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น เชื่อว่าจะมีบางคนถูกกันไว้เป็นพยานเพื่อไม่ต้องสุ่มเสี่ยงกับถูกฟ้องในศาลอาญาทุจริตและประพฤตมิชอบที่มีโทษรุนแรง
“สำหรับฝ่ายประชาชนนั้น คาดว่าคงไม่รีบลงถนน แต่รอให้สถานการณ์พาไป เพราะวันข้างหน้ายังมีเรื่องราวเป็นชนวนเกิดขึ้นอีกมาก ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคนชั้น 14 จะถูกกระชับปมตามลำดับ จึงไม่มีใครรู้ดีกว่าเจ้าตัว ดังนั้นอาการกราดเกรี้ยวต่างๆ ที่เชียงใหม่จึงไม่น่ากลัว กลับเห็นแต่ความหวาดกลัวของคนแสดงอาการใหญ่คับบ้านเมืองเสียมากกว่า”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี