มีแต่หมอที่จับหมอด้วยกันได้! ‘หมอวรงค์’ไล่ขั้นตอน‘แพทยสภา’ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้อง‘เทวดาชั้น14’
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2567 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบซูมกับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นท่าทีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระยะหลังๆ มักพูดจาข่มขู่คนที่เห็นว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม ว่า หากนายทักษิณทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่เป็นปัญหา แต่เมื่อนายทักษิณยังทำแบบเดิมซ้ำๆ พวกตนจึงต้องออกมาสู้
อย่างไรก็ตาม ตนก็แปลกใจที่นายทักษิณเก็บอาการไม่อยู่ หากดูตั้งแต่ไปร่วมงานสัมมนาของพรรคเพื่อไทยก็ออกมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่บอกว่าไม่หมูแล้วและจะเล่นงานกลับ กระทั่ง 2 วันล่าสุดนี่แทบจะทุกเวที ตนขอมองในเชิงหลักการ คือคนที่คุมสถานการณ์ได้จะต้องนิ่ง แต่การที่ไม่นิ่งก็บ่งบอกว่ามีความกังวล นี่เป็นหลักจิตวิทยาทั่วไป ลองนึกถึงเพื่อนร่วมงาน หากนั่งบ่นซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นก็คือกังวลหรือเครียดเรื่องงาน หรือหากตัวเราเองบ่นเรื่องอะไรบ่อยๆ นั่นหมายถึงเรารำคาญ หงุดหงิด กังวลใจและเครียดต่อเรื่องนั้น
ดังนั้นการที่นายทักษิณพูดขู่อยู่เรื่อยๆ ว่าจะเอาคืน นายทักษิณก็น่าจะกังวลในเรื่องนี้ แต่ตนก็เชื่อว่าด้วยข้อมูลหลักฐานที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นั่งกำลังบ่งบอกว่าเรื่องนี้กำลังผูกมัดตัวบุคคลที่ช่วยนายทักษิณ และในฐานะที่ได้รับประโยชน์จากสิ่งนั้น นายทักษิณก็อาจต้องเผชิญปัญหาที่ตามมา เช่น กรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และแพทยสภา กำลังตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำ ในช่วงที่ต้องโทษจำคุก 1 ปี ไปพักที่ รพ.ตำรวจ โดยอ้างเรื่องสุขภาพ
“ก่อนอื่นต้องชื่นชมว่าหมอต้องเอาหมอมาจับ เอาคนอื่นมาจับหมอมันจับไม่ได้ แม้แต่ ป.ป.ช. ผมยังท้วงอยู่หลายครั้งว่าต้องแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาที่เป็นทีมแพทย์ ถึงจะทำให้ท่านสามารถทำงานได้ ลำพังท่านตรวจสอบเองท่านไม่ทันหมอหรอก ดังนั้นวันนี้แพทยสภาตรวจสอบ แต่ต้องย้ำว่าแพทยสภาตรวจสอบเฉพาะแพทย์นะ ไม่สามารถตรวจสอบเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ยกเว้นแพทย์ของ รพ.ราชทัณฑ์ ขั้นตอนแพทยสภาเป็นการตรวจสอบเชิงจรรยาบรรณหรือของผู้ประกอบวิชาชีพ” นพ.วรงค์ กล่าว
นพ.วรงค์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อมีคนร้องเรียน แพทยสภาก็จะต้องดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งแพทยสภาจะส่งเรื่องไปให้คณะอนุกรรมการจริยธรรม และอนุฯ จริยธรรม จะมีเวลาทำงาน 4 เดือน บวกได้ไม่เกิน 2 เดือน หรือตามภาษากฎหมายคือ 120 วัน บวกได้ไม่เกิน 60 วัน เบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 6 เดือน แล้วอนุฯ จริยธรรม จะทำเรื่องสรุปส่งมาให้คณะกรรมการแพทยสภา หากผลออกมาว่ามีมูลก็จะตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวน โดยกรณีชั้น 14 ล่าสุดนั้นอยู่ในขั้นตอนของอนุฯ สอบสวน ซึ่งก็จะมีเวลาทำงานประมาณ 180 วัน ขยายอีกก็ได้ประมาณ 120 วัน
แต่ที่น่าสนใจคืออนุฯ สอบสวนชุดนี้ได้ทำหนังสือถึงแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ และ ผอ.รพ.ราชทัณฑ์ นอกจากนั้นตนทราบว่ายังทำหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ด้วย เพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ ไล่ตั้งแต่ 1.ภาพรวมการรักษาทั้งหมด แพทย์ท่านใดรักษาอาการใด เนื่องจากแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เคยบอกว่ามีแพทย์ร่วมรักษาหลายคน 2.รายชื่อแพทย์ที่เกี่ยวข้องพร้อมเลขที่ใบประกอบวิชาชีพ เพราะต้องตรวจสอบว่าแต่ละคนที่ถูกอ้างถึงเป็นแพทย์จริงหรือไม่ เพื่อยืนยันอำนาจในการตรวจสอบของแพทยสภา แต่หากไม่มีเลขที่ใบประกอบวิชาชีพก็คือแพทย์ปลอม
3.หนังสือส่งตัวจาก รพ.ราชทัณฑ์ มายัง รพ.ตำรวจ ซึ่งแพทย์จาก รพ.ราชทัณฑ์ จะต้องแจ้งว่าผู้ต้องขังที่จะส่งตัวออกไปรักษาภายนอกเรือนจำนั้นมีอาการเจ็บป่วยอย่างไร 4.เวชระเบียน หรือบันทึกการรักษาผู้ป่วยตั้งแต่รับตัวเข้าโรงพยาบาลจนถึงออกจากโรงพยาบาล 5.เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น รายงานการดูแลของพยาบาล รายงานการผ่าตัด รายงานการให้ยาระงับความรู้สึก ผลเอ็กซเรย์ ผลการทำ MRI ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดจะต้องสัมพันธ์ผูกโยงกัน
“อันนี้คือจุดตายไม่ใช่จุดน็อก เพราะแพทยสภาเขาต้องตรวจรายงานแต่ละอย่างว่าการเจ็บป่วยเขาจะต้องป่วยหนักจึงไม่สามารถกลับไปรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ ได้จริงหรือไม่? เขาต้องดูขีดความสามารถของ รพ.ราชทัณฑ์ แล้วแพทย์ รพ.ตำรวจ ช่วยเหลือหรือเปล่า? หรือไม่ได้ป่วยจริง แล้วจุดตายอีกจุดหนึ่งคือแพทยสภาขอใบความเห็นแพทย์ที่ทำการรักษานายทักษิณ ตอนช่วง 30 วัน 60 วัน และ 120 วัน ดังนั้นเอกสารเหล่านี้มันจะผูกมัดไว้แน่นมาก ผมยืนยันว่าการแต่งย้อนหลัง 180 วันไม่ง่าย ไม่มีทาง” นพ.วรงค์ ระบุ
นพ.วรงค์ ยังกล่าวอีกว่า เมื่ออนุฯ สอบสวนของแพทยสภาพิจารณาเรื่องเสร็จแล้ว ก็จะสรุปความเห็นส่งกลับมาให้คณะกรรมการแพทยสภา ว่าแพทย์แต่ละคนมีใครช่วยเหลือผู้ต้องขังหรือไม่และผู้ต้องขังป่วยหนักจริงหรือไม่ นี่คือภาพรวมการทำงานของแพทยสภาทั้งหมด อนึ่ง เท่าที่ตนเห็นในข่าว ทางแพทยสภามีการเก็บข้อมูลเชิงลึกมาแล้วประมาณครึ่งปี
ซึ่งอย่าลืมว่าอนุฯ จริยธรรม เขาเก็บข้อมูลมาหมดแล้วจึงชี้ว่ามีมูล แล้วอนุฯ สอบสวนจึงขอข้อมูลอย่างเป็นทางการไปที่ รพ.ตำรวจ และ ผอ.รพ.ราชทัณฑ์ และที่อยากให้สังเกตคือ มีการกำหนดเส้นตายไว้ด้วยว่าภายในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ซึ่งจริงๆ แล้วมีกรอบเวลาทำงานอยู่ที่ 6 เดือน แต่อาจจบก่อนก็ได้ หรือหากต้องต่อเวลาออกไปก็จะอยู่ที่ประมาณ 4 เดือน สรุปแล้วก็ประมาณ 1 ปี
คลิกชมคลิปเต็มได้ที่นี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี