‘โหรราชรามัญ’ผ่าดวงการเมืองไทยปี’68 มีเรื่องเปลี่ยนแปลงแน่-เผยชื่อคนเป็นนายกฯต่อจาก‘อิ๊งค์’
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2567 ราชรามัญ โหรชื่อดัง ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นดวงชะตาประเทศไทย ปี 2568 ว่า ในเรื่องการเมือง ในช่วงแรก เดือนมกราคม-มีนาคม เป็นช่วงคุกรุ่น อาจมีคนถูกใจ-ไม่ถูกใจ หรือมีการชุมนุมก็ว่ากันไป แต่เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. 2568 ดาวอาทิตย์ไปกุมที่ราศีเมษ และตาวพุธกับดาวเสาร์ ซึ่งเรียกว่า “โยคถึง” ก็จะเริ่มมีปรากฏการณ์ อะไรที่เคยตกลงกันไว้ก่อนหน้าก็เริ่มจะไม่เป็นไปตามนั้น
กล่าวถึง ความสัมพันธ์จะเป็นแบบ “รบไปเจรจาไป” ต่างฝ่ายต่างถืออาวุธหันเข้าหากันแต่ก็ยังพยายามตกลงผลประโยชน์กันไปด้วย ซึ่งในวันนั้นจะเห็นภาพของผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ไม่ลงตัว ข้อตกลงเริ่มไม่เป็นไปอย่างที่คิดเพราะมีตัวแปรอื่นเข้ามาสอดแทรก และจะผูกโยงไปถึงเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้นำ หรือก็คือนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตนว่าตามหลักการไม่ได้คิดเอาเองหรือรักหรือเกลียด ซึ่งตนก็เคยพยากรณ์ไว้ตั้งแต่วันแรกที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นมาเป็นนายกฯ คือเต็มที่ 6 เดือน หรืออย่างมากสุด 9 เดือน ซึ่งก็ใกล้เคียงเพราะดาวเป็นแบบนั้น
โดยเมื่ออาทิตย์โยคเข้ามาจะโยงกันหมด ดาวโยคถึงกันหมด อาทิตย์-พุธ-เสาร์ เจอกันแล้วราหูก็ยังไม่ย้ายดี สถานการณ์จะเริ่มมะรุมมะตุ้ม คุยกันแบบไม่เคลียร์ เมื่อไปถึงเดือนพฤษภาคม ในวันที่ 14 พ.ค. 2568 ดาวพฤหัสบดีย้ายจากราศีพฤษกไปอยู่ราศีเมถุน ไปเจอดาวมฤตยูของเมือง 5 กับ 0 เจอกัน เรียกว่า “ครูวิเศษ” หมายถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี แต่ดาวอาทิตย์ยังอยู่ที่ราศีเมษ ซึ่งดาวอาทิตย์หมายถึง “ยศศักดิ์ หลักฐาน ทหาร ผู้กล้า” จะแปลว่าอะไรดี และที่หนักที่สุดคือดาวเสาร์และราหูมาเจอกันในราศีกุมภ์
ดังนั้นโยคถึงราศีเมษ โยคถึงราศีเมถุน เป็นเลข 1-5-7 และยังมีเลข 8 นั่นคือศักดินาใหญ่มากๆ จะสั่งการลงมาให้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจจะเป็นทหารก็ได้ คือดาวมันแปลความได้แบบนี้ โดยเดือนพฤษภาคม 2568 จะมีปรากฏการณ์สำคัญ คือวันที่ 5 พ.ค. 2568 ดาวราหูจะย้าย จากนั้นวันที่ 13 พ.ค. 2568 ดาวพฤหัสบดีจะย้าย และวันที่ 19 พ.ค. 2568 ดาวเสาร์จะย้าย สรุปคือดาว 3 ดวงเคลื่อนในเดือนเดียวกัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็น โดยดาวแต่ละดวงล้วนเป็นดาวใหญ่ จะอยู่ 1 ปีบ้าง 2 ปีครึ่งบ้าง หรือปีเศษๆ บ้าง ถอยหน้า-ถอยหลังเวียนไป
และยิ่งการที่ดาวมฤตยูอยู่ราศีพฤษก ต้องบอกว่า 83 ปีจึงจะมีสักครั้ง ให้ลองย้อนกลับไปดูเมื่อ 83 ปีก่อน หากใครเป็นนักโหราศาสตร์ก็จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งสงคราม ภาวะข้าวยากหมากแพง แต่ปัจจุบันอาจจะแตกต่างไปในรูปแบบ ปรากฏการณ์ทางการเมืองก็อาจจะไม่เหมือนเก่า เช่น บางท่านบอกว่าอาจเกิดการปฏิวัติ ซึ่งตนมองว่าแม้จะเป็นไปได้แต่ก็อาจจะเป็นรูปแบบใหม่ การรัฐประหารอาจจะไม่ใช่การยกกำลังพลพร้อมอาวุธออกมาปิดสถานที่ต่างๆ แต่จะเป็นรูปแบบใดตนก็ยังไม่ทราบ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน
ส่วนคำถามว่าการเปลี่ยนแปลงจะมีความรุนแรงหรือไม่ ตนมองว่าระบบความคิดในยุคนี้ เช่น บางคนบอกว่าจะมีการชุมนุม ซึ่งแม้จะมีแต่คงไม่ถึงขั้นรุนแรงแบบในอดีต ถึงกระนั้น ม็อบก็จะเป็นอีกปัจจัยที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง จริงอยู่ที่กลุ่มผู้เห็นต่างกับรัฐบาลอาจจะไม่ได้มารวมตัวกันเดินขบวนไปยึดสถานที่ อาจจะออกแนวมารวมกันทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ มาเป็นกำลังใจให้กัน มาส่งสัญญาณถึงรัฐบาล พอเย็นวันอาทิตย์ก็กลับบ้านเตรียมตัวไปทำงานตอนเช้าวันจันทร์ แต่ตามเกณฑ์ก็น่าจะเป็นม็อบใหญ่
“ถ้าเอาตามประสบการณ์และองค์ความรู้ที่ผมดู การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมันไม่เหมือนในอดีตที่เคยมีมา วิถีการเมืองของเราแต่เดิม ไม่ถูกใจ ไม่ใช่ ไม่ดี ก็รัฐประหาร ยึดแล้วก็เปลี่ยน หรือจะเปลี่ยนตามระบอบ คือใช้ระบบรัฐสภา การเลือกใหม่ แต่ครั้งนี้ผมมองว่ามันอาจจะยากคาดเดา จะระบบอบรัฐสภาก็กึ่งๆ จะเหมือนยึดอำนาจมันก็กึ่งๆ คือไม่เคลียร์ แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแน่ อาจจะ 2 อย่างมารวมกันก็ได้ คือมีแกมบังคับ คงไม่ถึงใช้อาวุธ แต่เจรจากัน เหมือนบังคับให้ออก และพึงอาศัยระบบรัฐสภา ผมมองว่าอย่างนั้น” โหรราชรามัญ กล่าว
โหรราชรามัญ กล่าวต่อไปว่า ส่วนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนถัดไป ตนมองว่าน่าจะเป็นคนใหม่ไปเลย ไม่ใช่คนเดิมที่เคยเป็นมาแล้ว แต่หากถามว่าเป็นคนใหม่แล้วจะเป็นที่พึ่งของคนทั้งประเทศได้หรือไม่ ต้องเข้าใจว่าการเป็นนายกฯ อำนาจเยอะ มองตรงไหนก็เกี่ยวกับนายกฯ ไปหมด ดังนั้นคนใหม่ที่จะมานอกจากมีความรู้ ประสบการณ์และเครือข่ายความสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ ที่ดีแล้ว ยังต้องมีดวงชะตาที่ดีเป็นคุณต่อบ้านเมืองด้วย
ทั้งนี้ หากดูเรื่องความเหมาะสมก็น่าจะเป็นคนที่อยู่ในแวดวงการเมือง และหากจะให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น ก็น่าจะเป็นคนที่มีรายชื่อต่อจากพรรคเพื่อไทยก็ได้ อาทิ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่ต้องบอกว่าตนไม่รู้จักกับนายอนุทินเป็นการส่วนตัว เป็นการมองจากดวงดาวและดวงชะตาของคน ซึ่งนายอนุทินดวงดีและมีแววจะเป็นนายกฯ
และเช่นเดียวกัน สิ่งที่ตนพูดก็ไม่ได้เกิดจากความเกลียดชังพรรคเพื่อไทย นายกฯ น.ส.แพทองธาร หรืออดีตนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร แต่พูดตามหลักวิชาการดวงดาว ขอให้ฟังหูไว้หูแล้วจะเห็นตรงกลางว่าความจริงคืออะไร แต่ความเปลี่ยนแปลงในปี 2568 จะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน หลังเทศกาลสงกรานต์ก็จะเริ่มรู้เรื่อง คือเชื้อไฟปะทุเดือนเมษายน ตามด้วยแผลแตกและเกิดการเปลี่ยนแปลงในเดือนพฤษภาคม แต่จะไม่ใช่แบบเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่มีการสูญเสียชีวิตคนเป็นจำนวนมาก
ส่วนกรณีที่มีโหรบางท่านพยากรณ์ว่าจะเกิดความรุนแรงและมีการบาดเจ็บล้มตายกันมาก ตนเคารพในหลักวิชาของเขา แต่ในหลักวิชาของตนมองแบบละมุนละม่อม มองรูปแบบใหม่ๆ เพราะโลกมันเปลี่ยน หากโลกปัจจุบันไม่มีเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่มีสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่การที่โลกมีสื่อสังคมออนไลน์อาจทำให้วิธีการเปลี่ยนไป
ส่วนดวงชะตาของ น.ส.แพทองธาร อยู่ในราศีสิงห์และมีดาวอาทิตย์เป็นดาวประจำตัว เมื่อดาวราหูย้ายจากราศีมีนมาอยู่ที่ราศีกุมภ์ เลข 1 กับ 8 เจอกัน จะเกิดเรื่องขึ้น สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิด เช่น มีคดีความ หลุดจากตำแหน่ง คิดมาก ร้อนรน เป็นไปได้หมด อีกทั้งดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวการเมืองตกมรณะเพราะอยู่ในราศีมีน ซึ่งก็จะสอดคล้องกับที่บอกว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะในวันที่ 20 พ.ค. 2568 จะเป็นแบบนี้
อย่างไรก็ตาม น.ส.แพทองธาร ยังโชคดี เพราะเป็นช่วงที่ดาวพฤหัสบดีมาเจอกับดาวเกตุ อะไรที่หนักมากๆ ไม่ดีมากๆ ก็จะเบาลง เช่น มีหลายคดีก็อาจเหลือเพียงคดีเดียว ส่วนจะเหมือนกับอดีตนายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เจอคดี ศาลตัดสินจำคุกแล้วต้องหนีไปต่างประเทศหรือไม่ ตนมองว่าคล้ายแต่จะไม่ถึงขนาดนั้น เพราะตอนที่ น.ส.แพทองธาร รับตำแหน่งนายกฯ แม้จะมาแบบฉุกละหุกแต่ดาวก็ได้องค์เกณฑ์ ได้ศักดินาใหญ่จึงได้ยศตำแหน่ง
แต่เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม 2568 ดาวราหูมาและดาวเสาร์หนีไป จะทำให้ น.ส.แพทองธาร ไม่มั่นคง คิดมาก ร้อนรน เสี่ยงเกิดคดีความ ดาวเสาร์ตกมรณะทำให้อำนาจทางการเมืองหมดไป จะมีดีอยู่บ้างคือดาวพฤหัสบดีช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2568 จะเริ่มมีคนเอาเรื่องจริงขึ้นมาพูดมากขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่แนวคิดว่าจะไปกันอย่างไรมากขึ้น คนที่มีความรู้ด้านกฎหมายอาจรวมตัวกันนำเสนอต่อศาล แต่นายกฯ ก็คิดสู้ เพราะดาวอาทิตย์ ดาวพุธและดาวมฤตยูยังอยู่ราศีพฤษก ส่วน น.ส.แพทองธาร อยู่ราศีสิงห์ แต่ก็จะสู้ไม่ได้
ส่วนดวงอดีตนายกฯ ทักษิณ อยู่ในราศีกันย์แต่มีดาวราหูเป็นดาวประจำตัว จะเห็นว่านายทักษิณเก่งเรื่องการต่างประเทศ รู้จักบุคคลต่างๆ มาก และมองอะไรแบบมีวิสัยทัศน์ แต่วิธีทำนั้นรวดเร็วจนน่ากลัว บางครั้งมีการยกเว้นระเบียบ จริงๆ ดวงของนายทักษิณ หากมีเจตนาดีต่อบ้านเมืองและทำอย่างตรงไปตรงมาคือสุดยอด แต่หากเจตนากับวิธีการหากไม่ไปในทิศทางเดียวกันก็จะเหนื่อย
อย่างในวันที่ 20 พ.ค. 2568 เมื่อดาวราหูย้ายออกมาแล้วดาวเสาร์ย้ายเข้าไปกับดาวศุกร์ จริงๆ เสาร์กับราหูเจอกันมันต้องยิ่งใหญ่ แต่เมื่อมีศุกร์ด้วยจึงกลายเป็นโศกเศร้า ประมาณว่าคิดมาก อกหัก เหมือนโดนหัก ขณะที่ดาวอาทิตย์ ดาวพุธและดาวมฤตยูยังอยู่ในราศีพฤษก ก็จะเหมือนกับคนปลงไม่ตกและเจอทางตัน เพราะเมื่อดาวพฤหัสบดีย้ายไปอยู่ราศีเมถุน เจอกับดาวอังคารร่วมกับดาวมฤตยู แบบนี้ก็จะเหนื่อยและต้องใช้สติปัญญาอย่างมาก
แต่ก็ยังมีเรื่องดี คืออะไรที่นายทักษิณเคยลงทุนไว้ในต่างประเทศจะได้ลาภผลกลับมาก้อนใหญ่ แต่ในมุมบ้านเมืองคือค่อนข้างเหนื่อย และมีความน่าจะเป็นสูงที่อาจต้องออกไปอยู่นอกประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งก็จะเกิดขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 อีกเช่นกัน ซึ่งจะต่างกับดวงของ น.ส.แพทองธาร ที่ยังไม่ถึงขั้นต้องหนีออกนอกประเทศ อย่างมากก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ และแม้จะเจอคดีความก็น่าจะไม่หนี ส่วนเจอคดีแล้วจะรอดหรือไม่ก็เป็นเรื่องของอนาคต
ส่วนข้อสังเกตว่า แม้นายทักษิณจะไปอยู่ต่างประเทศนานเป็นสิบปีแต่ยังกลับมาได้และมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วย ต้องบอกว่าดวงอดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ธรรมดา มีดาวราหูเป็นดาวประจำตัว เป็นดาวที่พิเศษเพราะเกิดที่หนึ่งแต่ไปได้ดีอีกที่หนึ่ง อย่างที่เห็นว่านายทักษิณเกิดในภาคเหนือ มีชื่อที่แปลว่าภาคใต้ และมาได้ดีในกรุงเทพฯ คนที่มีดาวราหูเป็นดาวประจำตัวจะเป็นแบบนี้หมด
ทั้งนี้ ดาวราหูยังมีความพิเศษอีกประการคือมีบุญเก่าดี และหากปัจจุบันทำบุญทำกุศลก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก ซึ่งสิ่งที่เราเห็นก็คืออานิสงส์ของดาวที่ฟ้าลิขิตให้เป็นแบบนั้น หรือ “ลิขิตฟ้า” ที่หมายถึงดวงดาวบอกให้เป็นอย่างนั้น กับ “ชะตาดิน” หมายถึงการกระทำของเราก็มีผลด้วย หากทำตามที่ฟ้าลิขิตเราจะมีความเจริญมาก แต่หากเราทำฝืนฟ้าก็จะเป็นอีกอย่าง สำหรับดวงของนายทักษิณคือของเก่าดี แต่หากถึงจุดหนึ่งหรือบุญเก่าหมดก็จะเหนื่อย และจะเหนื่อยกว่าคนอื่นด้วย แต่ในช่วงที่ดีก็ดีแบบสุดเหมือนกัน
“อย่าลืมว่าช่วงชีวิตอย่างที่เรารู้ๆ กัน บางทีต้องแลกเช็คบ้างอะไรบ้าง ทำธุรกิจ อันนั้นเหนื่อย พอดีแล้วคือดียาว แต่พอมาทางการเมืองมันก็มีตัวแปรปัจจัยต่างๆ เข้ามาร่วมมากมาย คือตกก็จะตกเลย พุ่งก็จะพุ่งเลย แต่ในรอบนี้พุ่งไม่นาน เพราะพอดาวย้าย ดาวเสาร์มา ดาวเสาร์เจอดาวราหู แทนที่จะยิ่งใหญ่มากๆ ดันมีดาวศุกร์มาด้วย แล้วยังโยคไปถึงดาวอาทิตย์ ดาวมฤตยูและดาวพุธอีกที่ตอนย้ายมาวันที่ 20 พฤษภา (2568)” โหรราชรามัญ ระบุ
โหรราชรามัญ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนคำถามว่าหากนายทักษิณต้องหนีออกนอกประเทศอีกครั้ง จะยังมีโอกาสกลับมาได้อีกหรือไม่ ตนมองว่าก็ยังอาจเป็นไปได้ เพราะดาวราหูเป็นดาวพิเศษ อะไรที่คิดว่าใช่ก็อาจไม่ใช่ แต่อะไรที่คิดว่าไม่ใช่ก็อาจใช่ แต่ถามว่าจะครอบครัวชินวัตรจะกลับมายิ่งใหญ่อีกหรือไม่ ตนมองว่าครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายในการทำงานการเมืองแบบยิ่งใหญ่ พรรคเพื่อไทยก็อาจกลายเป็นอย่างอื่น เพราะเมื่อตระกูลชินวัตรมีปัญหาก็ส่งผลไปถึงพรรคเพื่อไทยด้วย ยกเว้นพรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนหัวหน้าพรรคหรือเปลี่ยนระบบ
ส่วนคำถามว่า หากนายอนุทินได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนต่อไป แล้วจะอยู่ในตำแหน่งได้นานเพียงใด ตนมองว่าน่าจะอยู่ได้จนหมดอายุของรัฐบาลแล้วไปเลือกตั้งกันใหม่ แต่ก็ต้องดูว่ามาด้วยระบบไหน หากมาด้วยระบบรัฐสภาก็ตามนั้น เพราะดวงนายอนุทินนั้นถึง ไม่มีสะดุดปัญหา เป็นดวงยิ่งใหญ่ของจริง เพราะนายอนุทินเป็นคนแบบ Compromise (ประนีประนอม) คือเข้าใจมนุษย์ เรื่องนี้ดูจากทั้งดวงดาวและตามประวัติ ดังนั้นการทำงานก็จะเข้าได้กับทุกคน เป็นคนที่รู้จักยืดหยุ่น ซึ่งความมั่นคงไม่ได้เกิดจากความตึง แต่เกิดจากความยืดหยุ่นทางความคิดและการกระทำ
“นี่คือเรื่องการเมืองเข้มๆ คือเรารู้เพื่อป้องกัน เพื่อระวัง เพื่อสังเกต ไม่ใช่ให้ไปตกใจเกินเหตุ บางทีผมดูผู้มีองค์ความรู้โหราศาสตร์ บางคนพูดตกใจเลยนะ คือบางครั้งเราดูเพื่อเป็น Navigator (เครื่องนำทาง) เป็น Guideline (แนวทาง) ความน่าจะเป็น เพราะโหราศาสตร์คือหลักของสถิติ เราก็ดูด้วยสติ แล้วเราก็มาหาการป้องกัน” โหรราชรามัญ กล่าว
คลิกชมคลิปเต็มได้ที่นี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี