พรรคร่วมฯเห็นต่างไม่มีปัญหา
พท.สยบรอยร้าว
‘บิ๊กอ้วน’ยันรัฐบาลแน่นปึ้ก
‘เสี่ยหนู’การันตีอยู่ครบเทอม
ไร้วุ่นวายรัฐประหารไม่เกิด
‘จตุพร’ชี้ปี’68อิ๊งค์เข้ามุมอับ
“ภูมิธรรม” ขุนพลเพื่อไทย มั่นใจพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาเห็นต่าง เชื่อมีจุดร่วมเดียวกันอยากเห็นประเทศเดินหน้า หลังติดหล่มมากว่า 10 ปี ชี้คดีถูกร้องเรียน อย่าด่วนตัดสินจะสิ้นสุดปลายปี’68 ขอปล่อยตามกฎหมาย ด้าน “อนุทิน” โวลั่นรัฐบาลมีเสถียรภาพอยู่ครบเทอม ชี้ทำถูกต้อง บ้านเมืองไร้วุ่นวาย รัฐประหารไม่เกิด “จตุพร” ฟันทุบเปรี้ยง! ปี’68 สัมพันธ์อำนาจระแวงบีบกด ฉุดบ้านเมืองเข้ามุมอับจับตาปัญหารุมถล่มรัฐบาลพังครืน
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.)ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่หลายคนเป็นห่วงรัฐบาลจะอยู่ครบ4ปีหรือไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสมร่วมกัน 6 พรรคการเมืองการ ซึ่งมาร่วมกัน เพราะมีวัตถุประสงค์ คือต้องการให้ประเทศเดินหน้า เพราะเห็นปัญหามานานกว่า 10 ปี
“ดังนั้น การเป็นรัฐบาลหลายพรรค สิ่งที่ผมอยากเห็น คือ ความสอดคล้องในการทำงานร่วมกันมากที่สุด เพราะประเทศบอบช้ำมาเป็นเวลานานนับ 10 ปี จึงต้องการความเชื่อมั่น โอกาสและกำลังใจในการทำงานร่วมกันถึงที่สุด สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ และประชาชน รัฐบาลมีหน้าที่คิดและผลักดัน ซึ่งผมคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือกันทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าอย่างดี”นายภูมิธรรม ระบุ
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยที่ตอบโต้กันไปมา กังวลหรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันว่าตนไม่กังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโหวตสวนของพรรคร่วมรัฐบาล หรือเรื่องอะไรก็ตาม เพราะถ้าเห็นเหมือนกันหมดก็แปลว่า เป็นพรรคเดียวกัน แต่เพราะคนละพรรค จึงมีความเห็นที่ต่างกันซึ่งการเห็นต่างแต่ร่วมกันได้ซึ่งทุกคนอยากเห็นประเทศเดินหน้า หรือแม้กระทั่งสีต่างๆ ก็ยังพอกลมกลืนกันได้ ดังนั้นเรื่องนี้ตนคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร
ปมคดีร้อน/ปล่อยตามกฎมาย
เมื่อถามว่าคดีความต่างๆที่โดนร้องเรียนอยู่ในขณะนี้ ปลายทางจะสิ้นสุดในปี 2568 มองว่าจะทำให้รัฐบาลนี้อายุสั้นหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ทันทำอะไรเลย คิดว่ารัฐบาลนี้ผิดแล้วหรือ สิ่งที่ร้องเรียนมาไม่มีความผิดก็เยอะ ตนมองว่า อย่าด่วนตัดสินใจและไปประเมินบนฐานที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไป และถึงแม้ว่าจะผิดก็มีทางทางออก สมมุติหากมีกระบวนการที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีได้เผชิญกลไกของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย ก็ยังทำงานได้
ในส่วนพรรคเพื่อไทย ยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อคนที่ 3 ถ้าหากเราโชคร้ายและเกิดกระบวนการที่มีปัญหา แต่หากมองว่าคนที่ 3ไม่เหมาะสม พรรคการเมืองต่อไป คนที่ 1-2 ก็ยังทำหน้าที่ต่อไปได้ ทั้งนี้กระบวนการประชาธิปไตยเราไม่ใช่เจ้าของสิทธิ เราเป็นเพียงเจ้าของสิทธิเพียงคน 3 คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ หากความร่วมมือในการแก้ปัญหา ยังไม่มีความขัดแย้งก็สามารถเดินต่อได้ เพราะประชาธิปไตยไม่ได้ผูกขาดไว้ที่ใคร
ยัน‘แม้ว’ช่วยพท.หาเสียงกม.เอื้อ
เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯออกมาเดินคู่ขนานช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นขณะนี้ มองว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่านายทักษิณ มีความห่วงใย มีใจเชียร์ให้กับพรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จ การที่เคยเป็นบุคคลก่อตั้งพรรคไทยรักไทยและพัฒนาการมาเป็นพรรคเพื่อไทย ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าความสัมพันธ์ของคนในองค์กรรู้สึกดีต่อกัน หรือแม้กระทั่งประชาชนที่อยู่ข้างนอกยังชื่นชม ในวิธีการจัดการปัญหาของนายทักษิณ ไม่น้อย ดังนั้นถ้ากฎหมายเปิดให้สามารถเข้ามามีบทบาทหรือช่วยเหลือพรรคได้ ก็ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการ แต่ถ้ากฎหมายไม่เปิดโอกาสก็ไม่สามารถมาร่วมได้
“วันนี้ไม่ใช่เพียงแค่พรรคเพื่อไทย แต่พรรคประชาชนก็ยังมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยะบุตร แสงกนกกุลก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย การเข้ามาของนายทักษิณสามารถเข้ามาช่วยได้ในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งตามกรอบกฎหมายที่อนุญาต การที่นายทักษิณ เข้ามาช่วยมีทั้งด้านบวกและลบ คนที่นิยม ศรัทธา ชื่นชอบ ก็พร้อมที่จะสนับสนุนในสิ่งที่เขาสนับสนุนด้วย แต่ในด้านลบ หากไม่ชอบ ก็จะมีการคัดค้าน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว อย่าไปมองเกินไปว่าจะเกิดความไม่ดี ไม่งามเกินไป” นายภูมิธรรม กล่าว
‘หนู’ย้ำรบ.ยังปึ้ก-อยู่ครบเทอม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์การเมืองในปี2568จะมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้หรือไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้มีเสถียรภาพสูง เพราะในรอบหลายปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีรัฐบาลที่มีเสียงในสภาเกินกึ่งหนึ่ง เทียบเท่ากับรัฐบาลนี้
“เมื่อเสถียรภาพในเชิงการเมืองจึงมีสูงอย่างแน่นอน ยังไม่เห็นปัจจัยอะไร ที่จะทำให้รัฐบาลนี้อยู่ไม่ได้เพราะนายกรัฐมนตรีสามารถแสดงภาวะความเป็นผู้นำได้ชัดเจน สามารถนำพารัฐบาลได้ ความร่วมมือระหว่างพักร่วมรัฐบาลก็เป็นไปได้ด้วยดี ปัญหาปลีกย่อย ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องมาหาวิธีแก้ไข ไม่มีเรื่องใดที่ขัดแย้งกัน จนหาทางกลับไม่ได้”นายอนุทิน ย้ำ
เมื่อถามว่าจากภาพที่นายอนุทินไปตีกอล์ฟกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อไปนี้พรรคภูมิใจไทยจะขวางพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ขวาง พรรคแค่แสดงจุดยืนและความเห็นในเรื่องที่พรรค เชื่อถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ในขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยเคารพ เสียงส่วนใหญ่ เราได้แสดงเจตนารมณ์ของเราไปแล้ว แต่เมื่อต้องใช้มติจากสภาแล้วมติออกมาไปอีกทางหนึ่ง พรรคก็เคารพเสียงข้างมาก ก็ถือว่าจบไป เช่น ร่างพระราชบัญญัติ พ.ร.บ.ประชามติ ที่เราแพ้โหวตเรื่องล็อค 2 ชั้น เราก็จบ
เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลชุดนี้มารวมกันเพราะไฟต์บังคับ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการบังคับที่ทำให้รัฐบาลต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อประชาชน ไม่ใช่การบังคับให้มาร่วมกัน
เมื่อถามว่ารัฐบาลนี้ขาด ภท. ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีใครในโลกนี้ที่ขาดไม่ได้ เมื่อถึงเวลาต้องขาดก็ขาดกันได้ทั้งนั้น “Nothing is Indispensable”
พรรคร่วมพร้อมหนุนนโยบายรบ.
เมื่อถามว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่จนครบวาระและทำงานต่อในรัฐบาลหน้าด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องแยกให้ถูกคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เข้ามาบริหารประเทศ ในรัฐบาลผสม 5-6พรรค การนำที่ชัดเจนคือนายกรัฐมนตรี ใครบอกว่าตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคจะไม่ฟังนายกรัฐมนตรีก็มาร่วม ครม.ไม่ได้ ส่วนในสภา เป็นการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการแสดงออกรัฐบาลจะอยู่ได้ หรือไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับสภา ถ้านโยบายไหนเป็นของครม.ทำร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็ต้องให้การสนับสนุน ซึ่งเราก็ทำเช่นนั้นมาโดยตลอด แต่ในเรื่องของสภาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ บางพรรคบอกควรแก้บางพรรคบอกไม่ควรแก้ มาตรานี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสภาจะเอามาควบรวมไม่ได้
ไม่วุ่นวาย‘รัฐประหาร’ไม่เกิด
เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยมีประเด็นร้อนหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องชั้น14จะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ หรือ เป็นชนวนเหตุให้มีอำนาจอื่น เช่น รัฐประหารเข้ามาแทรกหรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า ดูจากคนใน คณะรัฐมนตรี และแกนนำทางการเมือง ก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นการจะร้อนหรือไม่ร้อน อยู่ที่การกระพือข่าวของโซเชียลและสื่อมวลชน ไม่มีใครบอกได้ว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิด แต่คนที่ทำงานอยู่ตอนนี้ก็ต้องทำให้ดีที่สุดทำให้ถูกทำนองคลองธรรมตามระเบียบ ไม่ก่อให้เกิดความไม่สงบ มันก็จะอนุมานได้ว่า ไม่ควรเกิดสิ่งที่อยู่นอกระบบ แต่ถ้าวันๆเอาแต่หาเรื่องทะเลาะกัน ขัดขวางทุกเรื่อง พูดจาดูหมิ่นดูแคลน กระแทกแดกดันกันก็จะเพิ่มโอกาส ให้อำนาจนอกระบบเข้ามาได้
เมื่อถามถึงปัจจัยภายนอกทั้งเรื่องชั้น14และม็อบทั้งของนายสนธิ ลิ้มทองกุลและนายจตุพร พรหมพันธุ์ จะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ มีคำชี้แจงของฝ่ายที่ถูกพาดพิงออกมาแล้วอ้างอิงไปตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญและระเบียบต่างๆ ส่วนใหญ่มีเหตุและผล แต่หากยังเป็นที่กังขา ไม่น่าไว้วางใจ ก็ยังมีสภา ที่เป็นเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งแต่ละคนก็ต้องไปชี้แจง
ย้อนกลับรัฐบาลยังไม่ได้ผิดอะไร
เมื่อถามว่าม็อบที่ต่อต้านนายทักษิณจะส่งผลกระทบกับต่อรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน ถามกลับว่า รัฐบาลทำอะไรผิดหรือยัง ตนยังไม่เห็น ตอนนี้พยายามผลักดันนโยบาย ที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนทุกโครงการ ในรัฐบาลยังไม่มีใครเคยมาพูดเรื่องเหล่านี้ หรือปรึกษาว่าจะทำอย่างไรกันดี แม้แต่ครั้งเดียว พูดแต่เรื่องการคลายความเดือดร้อนและการแก้ปัญหาให้ประชาชน
เมื่อถามว่าแสดงว่าม็อบต่อต้าน นายทักษิณ ไม่มีผลต่อรัฐบาลเลยใช่หรือไม่นายอนุทินตอบว่า ไม่เกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น การจะเรียกร้องอะไร มีช่องทางให้เรียบร้อย ซึ่งเรื่องชั้น14ก็มีคนไปร้องเรียนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)แล้ว และน่าจะมีการอภิปรายในสภาทั้งแบบลงมติและไม่ลงมติ คนที่เกี่ยวข้องต้องไปชี้แจง ไม่เว้นแม้แต่กระทรวงมหาดไทย เช่น เรื่องเขากระโดง ก็ต้องไปชี้แจงไม่มีใครโอดครวญ
‘จตุพร’ฟัน ปี68ทุกปัญหารุมเร้า
ทางด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชนเฟซบุ๊คไลฟ์ส่งท้ายปี 2567ว่า ในปีใหม่2568จะมีปัญหามากมายประเดประดังเข้ามา ทั้งกรณี แพทยสภาตรวจสอบจริยธรรมแพทย์รักษาทักษิณ และกรณีป.ป.ช.ไต่สวนข้าราชการปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่คงจะเร่งกระชับปมขึ้น แต่มีการขัดขวางเพื่อยื้อการตรวจสอบออกไป ส่วน กกต.ตรวจสอบทักษิณครอบงำพรรคการเมืองเริ่มขยับปัญหาเข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้น ทุกเรื่องราวจะถูกเร่งเกมในช่วงต้นปี 2568 ปัญหาว่าจะลากไปได้นานขนาดไหน แต่การหันกลับมาเดินงานการปราบปรามคนเสื้อแดง จึงสะท้อนสงสัยว่า ปัญหาได้ก่อตัวพุ่งใส่ทักษิณเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
“ผมมองอย่างคนการเมืองเห็นว่าความสัมพันธ์ทางอำนาจทุกอย่างมันชักจะไม่ลงเอยกัน สิ่งหนึ่งที่เราแลเห็น คือ ร่องรอยสัมพันธ์ของคนเอาทักษิณกลับมากับตัวทักษิณเข้าข่าย น่าสงสัยเพราะกฎหมายยังยอมถอนได้อีกอย่างเรื่องราวต่างๆทั้งเกี่ยวกับคนเสื้อแดงแทบไม่มีการพูดถึงแม้แต่การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วที่ไม่สนใจความรู้สึกคนเสื้อแดง แล้วมาวันนี้ยังเล่นบทนำคนเสื้อแดงกลับมาอีกแล้ว เรื่องนี้ต้องตามทางการเมืองโดยเฉพาะในการจัดความสัมพันธ์ทางอำนาจ เพราะอาจหัวคะมำคิด ไม่ถึงกันก็ได้ อยู่ดีๆไม่มีใครเคลื่อนไหวพรวดพราดหรอกแม้แต่กฎหมายยังยอมถอน ยอมเสียคน แล้วยังมายื่นคดีคนเสื้อแดงในสถานการณ์แบบนี้อีก ถึงจะไปในส่วนตัวก็ตาม เราต้องมองลึกให้มากกว่านั้น ถ้ามองแบบสถานการณ์ทั่วไปคงคิดแค่เป็นเรื่องปกติ”
พร้อมระอุเดือดขึ้นได้ทุกเวลา
นายจตุพร กล่าวว่าถ้ายังคิดสู้ตามสูตรเดิม ก็เป็นปัญหา เพราะการคิดสู้ย่อมเห็นปลายทางอยู่แล้วว่า ในวันที่มีอำนาจใหญ่กว่านี้ยังสู้ไม่ได้ สิ่งสำคัญการประกาศขออนุญาตกลับมาเลี้ยงหลานนั้น หากติดคุกจริงแล้วทุกอย่างจะเข้าสู่ปกติสุข แต่เมื่อไม่ปฏิบัติตามหลักที่ควรปฏิบัติแล้ว จึงนำพาไปสู่ปัญหาทุกเรื่องราว
และเชื่อว่าสงครามการเมืองในประเทศในวันข้างหน้าพร้อมระอุได้ตลอดเวลา อีกทั้งการจะเอาเรื่องบ่อนคาสิโนให้ได้โดยเร่งนำกฎหมายเข้าสภา ก็จะเป็นปัญหา รวมถึงเรื่องไทยกับกัมพูชาก็ไม่ง่าย ยิ่งมีข่าวแว่วจะเปลี่ยนรมว.กลาโหมโดยจะเอาคนช็อกโลก และน่าตกมาเป็นแทน รมว.ภูมิธรรม เวชยชัย ดังนั้นสถานการณ์แบบนี้ จึงทำให้ไม่มั่นใจและแสดงถึงความไม่มั่นคงของเสถียรภาพรัฐบาลโดยปัญหาทุกอย่างเกิดจากการแสดงบทบาทของตัวพ่อนายกฯ ทั้งสิ้น
ในปี68บ้านเมืองอาจเข้าสู่มุมอับ
พร้อมทั้งมองว่าทางการเมืองจะเริ่มเข้าสู่มุมอับอีกรอบ เพราะโครงการของร้อนแต่ละชิ้นงานมีการซุกความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันไว้ ทั้งบ่อนคาสิโน การให้ต่างชาติเช่าแผ่นดิน 99 ปี การเปลี่ยนระบบเงินตราของประเทศ รวมถึงผลักดันกฎหมายขนส่งทางรางเอื้อให้ที่ดินสองข้างทางเป็นของเอกชน ความต้องการที่ซุกซ่อนไว้เหล่านี้ ล้วนทำให้พรรคเพื่อไทยมีปัญหาทั้งสิ้น การนำทักษิณกลับมาทำให้บ้านเมืองต้องแลกกับความอยุติธรรมและยังทำลายกระบวนการยุติธรรมจนยับเยิน ยิ่งมีการเชียร์ให้ประเทศเข้าสู่แหล่งอบายมุขย่อมนำบ้านเมืองเข้ามุมอับเร็วขึ้น เพราะประเทศจะมากด้วยปัญหาอาชญากรรมและวัฒนธรรมเสื่อมทรุด
หวังองค์อิสระทำหน้าที่ไร้แทรกแซง
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนภาคประชาชนนั้น คาดว่ายังไม่เร่งรีบลงถนน ทุกส่วนคงเน้นเคลื่อนไหวตามจังหวะของสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความอึดอัด แล้วใครจะอดทนต่อความเสียหายของชาติบ้านเมืองได้ ถ้าบางหน่วยงานมีอามีสบังตาแลกกับความฉิบหายของบ้านเมือง คงจะได้รู้กัน แม้ทักษิณบอกว่าไม่หมูอีกแล้ว แต่ภาคประชาชนก็ไม่หมูเช่นกัน และเราก็ไม่หวังจะเดินลงถนนจนไปถึงจุดที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันอีก
“หวังว่าในปี2568จะได้เห็นการทำหน้าที่ของแต่ละองค์กร ที่ไม่มีโรคแทรกแซงมาล้มสำนวนตรวจสอบ หวังให้มีความดีเข้าไปสกัดความชั่วได้ อีกอย่างการวิจารณ์ทุกสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เรายังดำเนินอยู่ปกติ แต่ต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะรู้ว่า เขาทำรุนแรงอะไรได้บ้าง สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯบอกว่าความกลัวทำให้เสื่อม แต่ความเสื่อมก็ทำให้กลัว ดังนั้น ยิ่งกลัวยิ่งตาย ยิ่งไร้เกียรติ เราต้องไม่อยู่ด้วยบริบทแห่งความกลัว เชื่อว่าประเทศจะพัฒนาได้ต้องได้นักการเมืองไม่ทุจริตฉ้อฉล รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชน” นายจตุพร กล่าว
ฉะแม้วพบ‘อันวาร์’ไร้ศักดิ์ศรี
นายจตุพรกล่าวถึงภาพข่าวทักษิณพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซียนั้นว่าแม้พบกันกลางทะเลในพื้นที่หมู่เกาะหลีเป๊ะอยู่ใกล้เกาะลังกาวี แต่มีอย่างหนึ่งคือ ทักษิณไม่ได้ไปตามกำหนดการเดิมที่นายกฯมาเลเซียนัด ที่เกาะลังกาวีดังนั้นย่อมรู้ได้ว่า การออกนอกประเทศ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบุคคลที่มีประวัติการหลบหนีคดียาวนาน ถ้านายอันวาร์ต้องการปรึกษากับทักษิณควรเดินทางมายังประเทศไทย คงสะดวกกว่าโดยไม่จำเป็นต้องนั่งเรือไปพบกันกลางทะเลถึงขนาดนั้นหรือเปล่า ซึ่งคนในมาเลเซียยังงงกันว่าทำไมตั้งคนที่มีปัญหาด้านกฎหมาย เคยหลบหนีคดีทุจริต แล้วยังโดนคดีม.112 อยู่ระหว่างถูกสอบสวน ไม่ยอมติดคุกสักวันในโทษคดีทุจริตที่ศาลพิพากษาตัดสิน 8 ปีต่อมาลดโทษเหลือ 1 ปี การเคลื่อนไหวของ ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนของนายอันวาร์ แต่แอบนัดพบกันที่หมู่เกาะกลางทะเลมันคืออะไร เพราะแทบไม่เหลือสถานะที่ปรึกษาอย่างมีศักดิ์ศรีเอาเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี