ระวังซ้ำรอยรัฐบาล‘เศรษฐา’
‘ชวน’เตือนรบ.อิ๊งค์
อย่าทำผิดก.ม./ประมาทนักร้อง
เลือกตั้งใหม่ปชป.ไม่สูญพันธุ์
‘สมศักดิ์’เชื่อรัฐบาลไม่สะดุด
อีก 2 ปีครึ่งพท.กลับมายิ่งใหญ่
“ชวน”มองการเมืองปีหน้า 2568 รัฐบาลยังเหนียว เตือนรัฐบาลอย่าประมาท“นักร้อง”งัดข้อมูลเด็ดจ้องล้ม ยกเคส“เศรษฐา”เลือกเอาพวก มากกว่านิติธรรม จนต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านด้าน“สมศักดิ์”มองทิศทางการเมืองมั่นใจรัฐบาล’แพทองธาร’เดินไปได้ด้วยความเรียบร้อย ไม่มีแตกหัก ชี้อีก2ปีครึ่ง พรรค’เพื่อไทย’จะกลับมายิ่งใหญ่
เมื่อวันที่ 30ธ.ค.2567 นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรและอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปี2568 ว่า ความมั่นคงของการเมืองยังคงเป็นปกติ ในภาพของตัวเลข สส.ในสภาฯ ที่มีทั้งหมด 493คน ฝ่ายรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากถึง 322คน ดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีวี่แววของการเปลี่ยนแปลงเสียงข้างมาก พรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลอยู่ทั้งหมดไม่มีทีท่าจะถอนตัวร่วมรัฐบาล ถึงแม้จะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน 173 เสียง ไม่ได้มีอันตรายที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเรื่องตัวเลข รวมถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการที่จะไปตรวจสอบคนอื่น ตัวเองต้องไม่มีแผล บางพรรคที่ออกมาเป็นฝ่ายค้านไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้เต็มที่ เพราะตัวเองมีสิ่งที่ผูกขาอยู่
‘ชวน’ชี้สภาไม่ล่ม-โดดร่มปรับ2หมื่น
นอกจากนี้ที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่า สส.ชุดนี้ยังไม่มีสภาล่ม แต่ไม่ได้บอกเหตุผล “ผมจะบอกว่า สภาฯ ต่อไปนี้จะไม่ล่ม เพราะสมาชิกถูกควบคุมโดยเงื่อนไข ผมได้คุยกับสมาชิกบางคนแบบส่วนตัว ก็บอกไปว่า ครั้งนี้สภาฯ ไม่ล่มเลย เป็นสิ่งที่ดีมาก ถือว่าความขยัน เขาตอบมาว่า เหมือนเดิม เพียงแต่มีกฎเกณฑ์มาบังคับ ถ้าใครไม่มาลงมติจะถูกปรับเงินที่พรรคการเมืองให้มาต่างหาก จำนวน 20,000 บาท” นายชวน ระบุ
อย่าประมาทนักร้อง-ซ้ำรอย’เศรษฐา’
เมื่อถามถึงประเด็นที่จะทำให้เขย่ารัฐบาลได้ เช่น กรณีข้อพิพาทเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องการบริหารของรัฐบาล ที่แต่ละพรรคการเมือง หรือแต่ละรัฐมนตรี จะมีปัญหาหรือไม่ อาจทำให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อภาพของรัฐบาล แต่จะรุนแรงถึงขั้นไหนยากที่จะบอกได้ แต่เชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ สภาฯ เองตรวจสอบรัฐบาลได้ภายในขอบเขตเท่านั้นเอง จะไปหวังตรวจสอบถึงขั้นหานักการเมืองทุจริต โกงกิน แบ่งเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องยาก เราไม่ค่อยได้ยินการพูดเรื่องนี้เหมือนสมัยก่อน แต่หากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ฝ่ายที่ตรวจสอบภายนอก อาทิ สื่อมวลชน ปัจจุบันเจอปัญหาธุรกิจการเมืองเข้ามาลุกลาม เพราะฉะนั้นคนร้องต้องกล้า เหมือนกรณี 40 สว.ร้องเกี่ยวกับคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างมาก ดังนั้น รัฐบาลอย่าประมาทบรรดานักร้องเรียน เพราะบางครั้งนักการเมือง ก็มีข้อมูลน้อยกว่านักร้องเรียน แต่ถ้าร้องเท็จก็เสียหาย เรื่องที่ร้องต้องมีมูล ปัญหาอยู่ที่ว่าเรื่องจะรุนแรงขนาดไหน
ยึดหลักนิติธรรม-ไม่ใช่เลือกพวกพ้อง
“รัฐบาลชุดปัจจุบันก็มาจากฝ่ายค้านชุดเดิมอยู่ด้วย ตอนเป็นฝ่ายค้านก็เคยอภิปรายคนที่ร่วมงานด้วยขณะนี้ที่ตอนนั้นเป็นฝ่ายรัฐบาล ปัญหาคือจะกลับข้อมูลหรือไม่ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเผชิญการถูกร้องเรียน หรือการถูกติดตามตรวจสอบแน่นอน แต่เหนือสิ่งอื่นใดรัฐบาลต้องรักษาหลักของบ้านเมืองที่เป็นหัวใจของประชาธิปไตย หลักกฎหมาย หลักความชอบธรรม ถูกต้อง ไม่เหลื่อมล้ำ เสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและนโยบายรัฐบาล ตอนสมัยท่านเศรษฐา น่าเสียดายที่รัฐบาลขณะนั้นเลือกเอาพวก มากกว่าหลักนิติธรรม จากกรณีชั้น14” นายชวน ระบุ
องค์กรอิสระต้องตัดสินตรงไปตรงมา
อย่างไรก็ตาม การเมืองปัจจุบันมีนักวิ่งเต้นเข้ามาเป็นใหญ่เป็นโตมาก คนเหล่านี้วิ่งทุกเรื่อง วิ่งขบวนการยุติธรรมอะไรต่างๆ ความหวังอยู่ที่องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ จะกล้าตัดสินอะไรตรงไปตรงมาหรือไม่ ถ้ารู้ว่ามันผิด ตนหวังว่า องค์กรเหล่านี้จะเป็นหลักให้บ้านเมือง ผิดว่าไปตามผิด แล้วจะมีคนดี เห็นได้จากกรณีของ นายเศรษฐา ทำให้รัฐบาลปัจจุบันระมัดระวังในการแต่งตั้งรัฐมนตรี นี่คือผลที่เกิดขึ้น หากองค์กรดังกล่าวกล้าตัดสินในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แบบเด็ดขาด สิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง ก็จะหายไป และไม่มีใครกล้าทำต่อ
นายชวน ยังกล่าวถึงฉายาที่สื่อทำเนียบตั้งให้ว่า”ประชาธิเป๋“ว่า มันก็มีทั้งคนเป๋ คนไม่เป๋ ตนไม่มีอะไรส่วนตัวกับใคร แต่เป็นหนี้บุญคุณชาวบ้าน พรรคเพื่อไทยไม่ได้ สส.ภาคใต้ แม้แต่คนเดียว เพราะตนเป็นคนลงไปต่อสู้รณรงค์ให้คนใต้ไม่เลือกพรรคที่เลือกปฏิบัติกับเรา เพราะพรรคนี้สมัยก่อนผู้นำพรรคเคยประกาศพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา จังหวัดที่ไม่เลือกไว้ทีหลัง ก็คือภาคใต้ นักการเมืองภาคใต้ต้องรู้จักเจ็บร้อนแทนชาวบ้าน
เลือกตั้งครั้งหน้าปชป.ไม่มีสูญพันธุ์
เมื่อถามว่า มีการมองว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะสูญพันธุ์ นายชวน กล่าวว่า ตนยังคิดว่าเมื่อคนที่เขาคิดว่าล้มเหลวจากครั้งที่แล้วมาเป็นหัวหน้าพรรค เขาจะรู้จุดอ่อน ก็อาจทำได้ดีกว่าเดิมก็ได้ เพราะไม่ใช่คนใหม่ ยังเป็นคนที่ทำให้พรรคได้ 25 เสียง ในรอบล่าสุด แต่ตนยังยืนยันในการทำการเมืองสุจริต ให้ตนต้องซื้อเสียงบาทเดียวแล้วได้เป็น ตนไม่เอา ตนอยู่มา 50ปี ภูมิใจที่เป็นปากเสียงแทนชาวบ้าน ไม่ได้เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ ให้ญาติพี่น้องได้ประโยชน์ มาหากิน มาทำธุรกิจส่วนตัว เส้นทางของตนเดินมาก็ไม่เหมือนหลายๆ คน จะให้เปลี่ยนเส้นทางไปซื้อเสียง ตนไม่เอา ไม่ได้เลือกตั้งก็ยอม ส่วนที่ระบุว่า เหตุที่พรรคแพ้เลือกตั้งในภาคใต้ยับเยินเป็นเพราะ นายชวน หมดมนต์ขลังแล้วนั้น นายชวน กล่าวยอมรับว่า แน่นอน ขนาดอาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ยังบอกว่า เมื่อตนพ้นจากการเป็นหัวหน้าพรรคแล้วต้องระวัง เพราะเสียงจะเปลี่ยนแปลงไป คู่ต่อสู้ยังเคยเล่าว่าไปหาเสียงแข่งแล้วมีบางพวกด่าตน คู่ต่อสู้บอกว่าก็ไปด่าเทพเจ้าของเขา คะแนนก็มีปัญหา ขนาดฝนตก ลูกแท้ๆ ยังเอาร่มไปกางให้ นี่เพราะความผูกพันเพราะตนอยู่มานานและปกป้องพวกเขามาโดยตลอด
แทงกั๊กอนาคตลงชิงสส.หรือไม่
เมื่อถามว่า มีบางคนในพรรคบอกว่าถึงเวลาที่ นายชวน ควรวางมือได้แล้ว อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ”มันไม่มีกำหนด ผมคิดว่าคนไม่เลือกพรรคเพราะผม มีน้อย แต่เลือกพรรคเพราะเห็นแก่ผมมากกว่า ดังนั้นต้องถามคนที่พูดว่า เขาเลือกประชาธิปัตย์เพราะคุณหรือเปล่า ผมว่าเขาเกรงใจนายชวนมากกว่า นี่พูดตรงๆไม่ได้โอ้อวดว่า เหนือกว่าคนอื่น เพราะเราไม่ใช่คนขี้อวดขี้โม้ แต่เวลาพบชาวบ้านเราก็รู้”เมื่อถามย้ำว่า ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้ายืนยันว่า จะลงสมัคร สส.ใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนไม่พูด เพราะพูดแล้วต้องปฏิบัติ ไม่มีอะไรที่พูดแล้วไม่ทำ นี่คือนักการเมืองรุ่นเก่าที่เชยๆ ที่ยังยึดความซื่อสัตย์สุจริต ยึดความชอบธรรมถูกต้อง พูดคำไหนต้องทำตามคำนั้น ก็เลยไม่ใช่คนที่พูดมาก แต่พูดน้อย อะไรที่พูดแล้วต้องปฏิบัติ เราก็ไม่อยากให้ใครประณามเราว่าสับปลับ หรือเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ
ถ้าลงสมัครสส.ชาวบ้านก็เลือกอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไปได้อีกนานหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่ผู้บริหารพรรค แต่จากที่ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านเขาบอกว่า ตราบใดที่ตนยังอยู่เขาก็จะช่วย ไม่ใช่พูดเป็นเงื่อนไขว่า ต้องเอาเรา เพราะเราอยู่มานานกว่าคนอื่น อยู่มา 17สมัยแล้ว ไม่ได้อยู่เพื่อมาเซ็นชื่อแล้วจบ แต่ตนทำงานตลอดทั้งในและนอกสภา
‘สมศักดิ์’มั่นใจรบ.เดินได้เรียบร้อย
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงทิศทางการเมืองในปี 2568 ว่า ขณะนี้ รัฐบาล ขับเคลื่อนงานมาแล้วประมาณ 1 ปีครึ่ง ซึ่งยังเหลืออายุรัฐบาลอีกประมาณ 2 ปีครึ่ง ตนจึงมองว่า คำวิพากษ์วิจารณ์ จะเริ่มมีมากขึ้น เพราะเป็นเรื่องปกติ เมื่ออายุรัฐบาลเริ่มน้อยลง ฝ่ายตรงข้าม ก็จะโจมตีรัฐบาลมากขึ้น ดังนั้น ในส่วนของรัฐบาล การทำงานก็ต้องเข้มข้นขึ้น และผลงานของทุกกระทรวง ก็จะเริ่มออกมาชัดเจนในปีหน้า ขณะที่ ประเด็นความขัดคล่องทางกฎหมาย ตนก็มองว่า จะเริ่มคลี่คลาย โดยหลายประเด็นที่มีการร้องเรียน ก็ถูกตีตกไปด้วยคำตอบขององค์กรอิสระ จึงทำให้ประเด็นโจมตีจากกลุ่มที่ไม่พอใจรัฐบาล จะเริ่มน้อยลงไป
“ส่วนคนลงถนนจะเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองปี68หรือไม่ผมมองว่า ข้อความที่ห่วงใย ได้จบลงในปี 67 ไปแล้ว และจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น แต่รัฐบาล ก็ต้องทำงานหนัก เพื่อชดเชยสิ่งที่ถูกโจมตี โดยภาพรวมรัฐบาล ผมเชื่อมั่นว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินไปได้ด้วยความเรียบร้อย และอีก 2 ปีครึ่ง พรรคเพื่อไทย จะกลับมายิ่งใหญ่ โดยเฉพาะแนวทางใหม่ จะปรากฏต่อสายตาประชาชน ส่วนเรื่องครบเทอมหรือไม่ ผมมองว่า ไม่ใช่ประเด็น เพราะบางครั้ง เมื่อรัฐบาล เห็นสภาพเศรษฐกิจดี ก็อาจปรับเปลี่ยนโฉมการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องอนาคต แต่วันนี้ ผมยืนยันได้ว่า รัฐบาล ยังไม่มีปัญหาที่จะทำให้สะดุดล้ม” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ไม่ขัดแย้งพรรคร่วมถึงขั้นแตกหัก
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีพรรคร่วมขัดแย้งกันเองนั้น ตนดูจากบุคลากรพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ก็ดูเหมือนเรื่องห่วงใย จะจบลงไปหมดแล้ว เพราะต่างฝ่าย ไม่ได้มีปัญหาขั้นแตกหัก ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนกลัว คือ ความแตกหักจะมาถึงเร็ว ก็จะให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่วนในปี 2568 จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจดีขึ้น ตนมองว่า พรรคเพื่อไทย มีบุคลากรเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ไม่ใช่กระทรวงเศรษฐกิจ แต่ก็จะเริ่มมีบทบาทการทำเศรษฐกิจขึ้นมา เพราะเรามีการแพทย์ที่ดี และเก่ง จึงสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพได้ ส่วนด้านเศรษฐกิจโดยตรง ก็ต้องแข็งขันกัน แบบไม่มีเวลาหายใจหายคอ โดยหากกระทรวงไหนละทิ้งประชาชน ก็จะไปไม่ได้ ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ว่า รัฐบาล ต้องแข็งขันกันทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งจะดูได้จากตัวชี้วัดด้านเศรษฐกิจ
พท.มั่นใจยึดเก้าอี้’นายก อบจ.’
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า ทุกเขตที่เราส่งผู้สมัคร เราก็เต็มที่ เขตไหนที่มีส.ส.อยู่ เขาก็ช่วยเต็มที่เช่นเดียวกับเขตที่ไม่มีส.ส.อยู่ ผู้สมัครเราก็สู้เต็มที่ เมื่อถามว่า การวางตัวแกนนำที่จะลงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียงเป็นอย่างไรบ้าง นายสรวงศ์ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) แบ่งหน้าที่กันลงอยู่แล้ว ซึ่งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็กำลังวางแผนที่จะลงพื้นที่อยู่ อีกทั้งผู้สมัครนายก อบจ.บางส่วนก็มีการเชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ไปช่วยลงพื้นที่หาเสียงด้วย ถามต่อว่า ยังมั่นใจในการส่งคนลงสมัครใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า “มั่นใจสิ ไม่มั่นใจได้อย่างไร
โว”อิ๊งค์”คะแนนจะพุ่งขึ้น
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 4/2567” เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่าอันดับ 1 ร้อยละ 29.85 เป็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน อันดับ 2 ร้อยละ 28.80 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ยินดีรับฟังผลสำรวจที่สะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ความจริงก่อนหน้านี้มีโพลหลายสำนักที่สะท้อนว่าคะแนนนิยมของนางสาวแพทองธาร และพรรคเพื่อไทยอยู่อันดับ 1 เห็นถึงความนิยมที่ต่อเนื่องของรัฐบาล โดยเฉพาะในช่วง 90 วันที่ผ่านมาที่รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและผลงานที่เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการแก้ปัญหาที่เร่งด่วน เช่น นโยบาย “เงิน 10,000” ฟื้นเศรษฐกิจ, ดิจิตอลวอลเล็ต, การเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือน ฯลฯ และ รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานอย่างหนัก เพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป
“90 วันแรกของรัฐบาลแพทองธารยังสามารถสร้างผลงานได้มากมายขนาดนี้ ในระยะเวลาที่เหลืออีก 2 ปี กว่านั้น มั่นใจว่าเมื่อนโยบายเรือธงเดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบ คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยและนางสาวแพทองธารจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน” นายอนุสรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี